posttoday

ธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ ผู้บริหารหัวใจเสียงดนตรี

14 กุมภาพันธ์ 2555

แม้วันนี้ชีวิตจะโลดแล่นมาไกลจากความฝันในวัยเยาว์ แต่ วุธธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาดของบราเดอร์

แม้วันนี้ชีวิตจะโลดแล่นมาไกลจากความฝันในวัยเยาว์ แต่ วุธธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาดของบราเดอร์

โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา

แม้วันนี้ชีวิตจะโลดแล่นมาไกลจากความฝันในวัยเยาว์ แต่ วุธธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาดของบราเดอร์ ก็ไม่เคยละทิ้งหัวใจที่เต็มไปด้วยเสียงดนตรีไปตามกาลเวลาที่พ้นผ่าน หากแต่เขายังคงบรรเลงเสียงเพลงที่เจ้าตัวชื่นชอบให้กึกก้องอยู่ในหัวใจเสมอ

วุธเล่าถึงจุดเริ่มต้นก่อนจะก้าวมาสู่ตำแหน่งหน้าที่การงานในปัจจุบันว่า เขาเริ่มต้นด้วยการเป็นเซลส์มาก่อนที่จะมาทำงานด้านการตลาด ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่าเป็นโชคดีของตัวเองที่ได้เติบโตมาทางสายงานด้านการขายก่อน เพราะทำให้เขาเข้าใจธรรมชาติของสายงานการขายอย่างลึกซึ้ง และขจัดปัญหาที่ส่วนใหญ่แล้วฝ่ายขายและฝ่ายการตลาดต้องเจอคือ ไม่สามารถตอบโจทย์ซึ่งกันและกันได้ คือ ในขณะที่ฝ่ายการตลาดส่วนใหญ่มักวาดแผนการตลาดไว้อย่างสวยหรู แต่ก็ไม่สนใจว่าในความเป็นจริงแล้วจะทำได้ตามนั้นหรือไม่

ธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ ผู้บริหารหัวใจเสียงดนตรี

 

แต่ถ้าย้อนวันวานไปถึงความฝันในวัยเด็กของวุธ ต้องบอกว่าห่างไกลจากที่สิ่งที่เขาเป็นในวันนี้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะถ้าพูดถึงความฝันในวัยเด็ก ภาพหนึ่งเดียวที่ชัดเจนและเจิดจรัสขึ้นมาในหัวนั้น ต่างจากสิ่งที่เป็นในทุกวันนี้ ชนิดฟ้ากับเหวเลยก็ว่าได้ เพราะสิ่งที่ ด.ช.วุธ หลงใหลเป็นที่สุดในตอนนั้น คือ “ดนตรี” ทำให้เขาตั้งใจว่าเมื่อโตขึ้นจะต้องเป็น “นักดนตรี” ให้ได้

“ตั้งแต่เด็กๆ ผมชอบเอาหม้อเอาอะไรมาเป็นเครื่องดนตรี เป็นกลองตลอด หรือบางครั้งก็ไปยืมเครื่องดนตรีคนข้างบ้านมาเล่นเป็นประจำ ตอนผมเป็นวัยรุ่น ผมเคยไปเป็นนักดนตรีในผับ ประมาณ 1 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมาก ได้เป็นนักดนตรีสมใจ กลางคืนเราก็ออกไปเล่นกลอง เล่นคืนละ 2 ที่”

ทว่า แม้จะเป็นอาชีพที่วุธใฝ่ฝัน แต่ด้วยความที่ที่บ้านเป็นครอบครัวคนจีน ทางบ้านจึงไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่กับเส้นทางที่ลูกชายเลือกเดิน ซึ่งแน่นอนว่า ในใจลึกๆ ของผู้บริหารคนเก่งก็รู้ดี และไม่สบายใจไปตลอดที่ความสุขของตัวเองกลายเป็นต้นเหตุของความไม่สบายใจให้กับคนทางบ้าน

ดังนั้น ในที่สุดหลังจากใช้ชีวิตตามความฝันมา 1 ปี วุธจึงตัดสินใจเลิกเป็นนักดนตรีตามผับ หันมาหางานประจำเพื่อสร้างอนาคต กระทั่งกลายเป็นวุธในวันนี้ ที่มีหน้าที่การงานเพียบพร้อมให้ทางบ้านภูมิใจ ซึ่งแม้จะก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งผู้บริหารแล้ว แต่ความรักในเสียงดนตรีของวุธที่ฝังลึกมาตั้งแต่สมัยเรียนก็ยังไม่เคยจางหาย ในที่สุดวุธจึงตั้งใจรวมพลคนรักดนตรีในออฟฟิศตั้งเป็นวงเดอะบลาเดอร์ แบนด์ คอยสร้างเสียงดนตรีในโอกาสต่างๆ ของออฟฟิศ

ธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ ผู้บริหารหัวใจเสียงดนตรี

 

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นตัวตั้งตัวตีในการสร้างสรรค์กิจกรรมนันทนาการในที่ทำงาน แต่วุธก็ไม่ลืมรักษาภาพลักษณ์ในการเป็นหัวหน้าของลูกน้อง โดยวุธบอกว่า เวลาทำงานเขาจะเหมือนเป็นคนที่มี 2 บุคลิก คือ เวลาทำงานก็จะออกแนวจริงจัง เคร่งเครียด จนเหมือนก้าวร้าวนิดๆ ตรงไปตรงมา แต่พอเวลาเลิกงานแล้ว จะเป็นกันเองมากๆ

สำหรับเทคนิคในการรับมือกับสารพัดปัญหาที่เข้ามาในชีวิตทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวนั้น วุธบอกว่าเวลาเจอปัญหาจะนั่งนิ่งๆ เพื่อทบทวนหาสาเหตุของปัญหา ว่าจะแก้ไขอย่างไร ภายใต้ความเชื่อที่ว่าไม่ใช่ทุกปัญหาจะแก้ไขได้ เพราะบางปัญหายิ่งแก้อาจจะยิ่งยาก การไม่แก้เลยอาจจะดีเสียกว่าด้วยซ้ำ ดังนั้นการแก้ปัญหาของคนเราอาจไม่จำเป็นต้องแก้แบบ 100%

อีกเทคนิคที่ช่วยชำระล้างจิตใจ ซึ่งวุธเชื่อว่าในแต่ละวันจิตใจคนเราเปื้อนมาเยอะ คือ การอ่านหนังสือกึ่งๆ ธรรมะ ให้แนวคิดหรือสอนเรื่องการบริหารงานเป็นกิจกรรมยามว่างก่อนนอน

สำหรับบุคคลที่เป็นไอดอลในใจผู้บริหารคนเก่ง คือ คุณพ่อคุณแม่ เพราะแม้ท่านจะเป็นคนธรรมดาๆ แต่ก็สามารถเลี้ยงลูก 7 คนมาได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยเราก็ได้เห็นถึงวิธีการวางแผนการเลี้ยงลูก การใช้ชีวิต และการอดออมของท่าน ซึ่งส่วนใหญ่ท่านจะเน้นสอนด้วยการกระทำ

ธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ ผู้บริหารหัวใจเสียงดนตรี

“ที่ชัดเจนเลยคือ ตอนเราจะซื้อรถก็ไปยืมเงินคุณพ่อ ปรากฏว่าท่านก็สอนเราด้วยการคิดดอกเบี้ย จำได้เลยว่าตอนไปถอนเงินที่ธนาคาร เจ้าหน้าที่ยังบอกคุณพ่อใจดีช่วยออกเงินให้ ผมก็ตอบไปว่าท่านคิดดอกเบี้ยนะ แต่เราก็ขำๆๆ เพราะรู้ว่าท่านกำลังสอนและปลูกวินัยให้เรารู้จักค่าของเงินว่าเงินไม่ได้หามาง่ายๆ”

5 ชิ้นคู่ใจผู้บริหารไฟแรง

1.หลวงปู่แหวน องค์นี้ห้อยคอมาตั้งแต่เด็ก จำได้ว่ามีครั้งหนึ่งเคยถูกกระตุกสร้อยไป แต่ไม่เชื่อว่าองค์หลวงปู่กลับหลุดติดอยู่ในเสื้อเรา

2.รูปครอบครัว ทุกวันนี้ท่องไว้เสมอว่าทุกอย่างที่ทำ ทำเพื่อตัวเองแค่ 10% ที่เหลือทำเพื่อลูกชาย 2 คน และครอบครัว

3.โน้ตบุ๊ก ใช้เก็บบันทึกข้อมูลที่ทำงานมาตลอดทั้งชีวิต

4.ไอโฟน ช่วยให้ชีวิตพกพาอะไรต่อมิอะไรน้อยลง ไม่ต้องพกสมุดหรือปฏิทิน นอกจากนี้ยังใช้สร้างความบันเทิงได้ด้วย

5.เชกเกอร์ เพราะเป็นคนชอบเล่นกลอง บางทีติดอยู่ในรถ ก็เอาขึ้นมาเขย่าประกอบเสียงเพลง ที่สำคัญยังสามารถทำให้เพลงเพลงหนึ่งไพเราะขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ

&<2288;