ชีวิตคู่ที่ลงตัวของดร.ธีรธร ธาราไชย
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเกือบ 190 ซม. คนนี้ คือ ดร.ธีรธร ธาราไชย เป็นประชาสัมพันธ์ให้กับวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย
โดย...กันย์
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเกือบ 190 ซม. คนนี้ คือ ดร.ธีรธร ธาราไชย เป็นประชาสัมพันธ์ให้กับวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) และยังเป็นอาจาจารย์พิเศษที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เติบโตมาในครอบครัวที่คุณพ่อและพี่ชายก็ล้วนแต่เป็นวิศวกรทั้งสิ้น ทำให้เขาซึมซับและชอบ จึงเลือกเรียนสาขานี้ตามคุณพ่อและพี่ชาย นอกจากเป็นอาจารย์พิเศษแล้ว เขายังเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่อีกด้วย
แม้จะทำงานหลากหลายอย่าง สวมหลายบทบาท แต่เขาก็สามารถแบ่งเวลาได้ดี โดยเฉพาะในเรื่องครอบครัวนั้น เขาเพิ่งรับบทบาทเป็นคุณพ่อมือใหม่ของลูกสาวตัวน้อยวัยไม่ถึง 1 เดือน ชื่อน้องเอด้า ปุณณ์ณิษา ดูเขาจะตื่นเต้นและให้ความสำคัญกับบทบาทใหม่นี้อย่างสำคัญยิ่ง
เขาบอกด้วยความอิ่มใจว่า ณ บัดนี้ไม่ว่างานจะยุ่งอย่างไรก็ต้องแบ่งเวลาให้กับครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่แต่งงานมาได้ปีกว่า และเมื่อมีลูกน้อยจึงต้องจัดเวลาวันเสาร์อาทิตย์ ที่จะต้องเก็บไว้ให้กับครอบครัว โดยจะไม่พยายามรับงานวันหยุดเลย ต้องรู้จักแบ่งเวลา เพราะครอบครัวเป็นพื้นฐานที่สำคัญของชีวิตทุกคน ต่อให้หน้าที่การงานรุ่งเรืองแค่ไหน แต่ถ้าครอบครัวไม่เวิร์ก เราก็ไม่ได้มีความสุขจริงๆ ไปได้ งานและครอบครัวต้องประสบความสำเร็จไปด้วยกัน ต้องมีความสมดุลดีเท่ากันทั้งสองด้าน
ส่วนภรรยาเขานั้น (ภรดี) เธอทำงานทางด้านบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งรู้จักกันมา 5-6 ปี ก่อนที่จะแต่งงานกัน แม้วัยจะห่างกันถึง 7 ปี แต่ไม่มีปัญหา ดูจะเป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำที่เขาได้ดูแลเธอเหมือนพี่ชาย ขณะที่เธอก็ยอมรับในประสบการณ์ที่มากกว่าของเขา และมีระยะเกรงใจของกันและกัน ถ้าวัยไล่เลี่ยกันเกินไปดูจะเป็นเพื่อนมากเกินไป ความนับถือเกรงใจอาจจะน้อย อีกเรื่องที่เป็นข้อดีก็คือการที่อยู่กันคนละสาขาวิชาชีพ ทำให้มีเรื่องใหม่ๆ มีมุมมองใหม่ๆ ให้ได้คุยกันมากขึ้น
ที่บ้านนี้สนใจเรื่องการลงทุนในตลาดหุ้นและกองทุนที่น่าสนใจมาก่อนหน้านี้แล้ว พอมาแต่งงานกับภรรยาก็ได้ความรู้ใหม่ๆ เรื่องการเงิน การลงทุนในตลาดทุนมากขึ้นเยอะ ถือว่าเธอมาช่วยเติมเต็มชีวิตได้มาก ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว พอมีลูกสาวตัวน้อยนี่ ชีวิตผมดูสมบูรณ์แบบขึ้นเยอะ เขากล่าวอย่างมีความสุข และยังบอกอีกว่าพอเราได้เป็นพ่อเราก็ดูใจเย็น
ขึ้นเยอะ มีคนสำคัญที่สุดที่เราต้องคอยดูแลรับผิดชอบ
“ผมเกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่นมาก และเห็นว่าคุณพ่อเป็นคนที่รักครอบครัวมาก ไม่ว่าท่านจะทำงานหนักอย่างไร ท่านก็จะมีเวลาให้ครอบครัวและลูกๆ เสมอ ปัจจุบันนี้ผมและพี่ชายก็ยังอยู่ในบริเวณบ้านเดียวกับคุณพ่อ การมีครอบครัวขยายทำให้เรารู้สึกอบอุ่น มีความผูกพันเอื้ออาทรต่อกัน การที่มีคนทุกรุ่นในบ้านตั้งแต่เด็กๆ วัยไม่กี่ขวบจนถึงวัย 70 ปีกว่า ทำให้บ้านมีความหลากหลายมีชีวิตชีวา คุณปู่ คุณย่าก็ดูสดชื่นแจ่มใส มีพลังชีวิตขึ้นมา สนใจดูการ์ตูนเป็นเพื่อนหลานๆ บ้านเราก็เลยมีครบทุกอารมณ์ มีทั้งคนแก่ เด็ก วัยหนุ่มสาว” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม
สำหรับนิยามในชีวิตคู่ของเขานั้น ก็คือความรักและการเสียสละ ทั้งในบทบาทของสามีและบทบาทพ่อ บางอย่างเราต้องเสียสละให้คนที่เรารักมีความสุข ส่วนความคาดหวังอื่นๆ ไม่มี รักในแบบที่เขาเป็นและขอให้เขายอมรับเราในแบบที่เราเป็น ไม่ต้องฝืนใจกันมากเกินไป เพียงแค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ให้ความเข้าใจ ให้อภัยกันให้มากที่สุด ใส่ใจกันให้มาก รู้จักอกเขา อกเรา แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ส่วนลูกสาวตัวน้อยยังเล็กเกินไปที่จะไปกำหนดกฎเกณฑ์ ตอนนี้ขอให้เขาเป็นเด็กสุขภาพแข็งแรง เลี้ยงง่ายก็พอแล้วครับ
หลังจากนั้นเมื่อโตขึ้นก็เลี้ยงให้เป็นเด็กดีมีความสุขเหมาะกับวัยของเขา ส่วนอยากจะเป็นอะไร จะทำอะไร พ่อแม่ก็มีหน้าที่ส่งเสริมให้เขาทำสิ่งที่รักอย่างมีความสุขครับ คุณพ่อมือใหม่กล่าวด้วยรอยยิ้มสุขใจ