วิบากกรรมบอลไทย
ถือเป็นเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์ สำหรับวงการฟุตบอลไทยเวลานี้กับประเด็นการดูแลสิทธิประโยชน์ฟุตบอลอาชีพ
โดย...ราชันเบอร์ 23
ถือเป็นเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์ สำหรับวงการฟุตบอลไทยเวลานี้ กรณีที่บริษัท สยามสปอร์ตซินดิเคท เจ้าพ่อสื่อกีฬายักษ์ใหญ่ของเมืองไทย ถอนตัวจากการดูแลสิทธิประโยชน์ฟุตบอลอาชีพ ซึ่งก่อนหน้านี้ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นคนเปิดประเด็นถึงเรื่องนี้
เล่นเอา “บังยี” วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต้องมานั่งไขข้อสงสัย พร้อมด้วย อดิศัย วารินทร์ศิริกุล กรรม การผู้จัดการ บริษัท สยามสปอร์ตฯ ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัท ไทยพรี เมียร์ลีก และตัวแทนจากสโมสรไทยพรีเมียร์ลีก 16 ทีมขาดเพียง ชัยนาท เอฟซี กับ อีสาน ยูไนเต็ด ที่ห้องประชุมสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เมื่อวันที่ 20 เม.ย.
อดิศัยได้ชี้แจงให้สื่อและสโมสรสมาชิกให้เข้าใจว่า โครงสร้างการแข่งขันฟุตบอลอาชีพมาจาก 3 ส่วน คือ สมาคมฟุตบอลฯ บริษัท สยามสปอร์ตฯ บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก และการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ที่ดูแลในเรื่องเงินสนับสนุน
วรวีร์
ซึ่งในส่วนของบริษัท สยามสปอร์ตฯ จะคอยดูแลสิทธิประโยชน์ จะแบ่งได้ 2 ส่วน คือ การขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขัน กับการจัดหาผู้สนับสนุน
ทั้งนี้ ในส่วนของรายรับตลอดปี 2554 ที่มาจากการขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดให้บริษัท ทรูวิชั่นส์, ไอพีเอ็ม, เอทีพี, ฟรีทีวีช่อง 11 รวมทั้งสิ้น 135.4 ล้านบาท และผู้สนับสนุนหลักอย่างเครื่องดื่มเกลือแร่สปอนเซอร์ กับ เอสไอเอส รวม 83 ล้านบาท ซึ่งรวมรายรับทั้งหมด 218.4 ล้านบาท ขณะที่ต้นทุนค่าใช้จ่ายรวมเป็นเงิน 209.882 ล้านบาท มีกำไร 8.517 ล้านบาท
น่าจะดูไม่มากสำหรับกำไร 8 ล้านบาทต่อปี??
ขณะที่ “บังยี” ประมุขบอลไทย รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาสยามสปอร์ตโดนกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก และทำให้ต่อจากนี้สิทธิจะกลับมาที่สมาคมฟุตบอลฯ เช่นเดิม
แต่นายกลูกหนังไทยได้กำหนดแนวทางการทำงาน 5 ข้อใหญ่ๆ มีใจความดังนี้
1.สมาคมฟุตบอลฯ ขอขอบคุณในการช่วยเหลือของบริษัท สยามสปอร์ตฯ ที่เข้ามาสนับสนุนการดูแลสิทธิประโยชน์ ซึ่งสมาคมฟุต บอลฯ ตระหนักถึงความยากลำบากในการหาความสัมพันธ์กับพันธมิตรต่างๆ ของบริษัท สยามสปอร์ตฯ
2.สมาคมฟุตบอลฯ จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท สยาม สปอร์ตฯ ต่อไป เพื่อจรรโลงวงการฟุตบอลไทยให้ก้าวไปข้างหน้า แต่หากบริษัท สยาม สปอร์ตฯ ยังยืนยันในจุดเดิม สมาคมฟุตบอลฯ พร้อมขอร้องให้ช่วยเหลือในด้านการดำเนินงานต่างๆ หรือเป็นที่ปรึกษาให้กับสมาคมฟุตบอลฯ ต่อไป
3.ก่อนฤดูกาลจะเริ่มในปี 2555 สมาคมได้ชี้แจงให้สโมสรได้รับทราบถึงเรื่องสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับก่อนจะให้ตอบรับหนังสือกลับมาว่ายินดีที่จะเข้าร่วมการแข่งขันหรือไม่
4.สมาคมฟุตบอลฯ จะดำเนินการจัดการแข่งขันในฤดูกาลนี้ต่อไปให้จนจบฤดูกาลตามโปรแกรมที่ได้วางเอาไว้ แม้ว่าบริษัท สยาม สปอร์ตฯ จะถอนตัวจากการเป็นพันธมิตร และจะรักษาเรืองสิทธิประโยชน์ต่างๆ เอาไว้อย่างเดิม
5.ปี 2556 สมาคมฟุตบอลฯ หวังว่าบริษัท สยามสปอร์ตฯ จะให้การอุปถัมภ์สืบเนื่องต่อไป
และในสัปดาห์หน้าสมาคฟุตบอลฯ จะส่งใบสอบถามไปยังสโมสรต่างๆ เพื่อให้ตอบรับการเข้าร่วมทำการแข่งขันในปีต่อไปกับสมาคมฟุต บอลฯ หรือไม่ หากมีสโมสรใดไม่ยินดีที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน สมาคมจะพิจารณาจากทีมในลีกดิวิชัน 1 ขึ้นมาทดแทน เพราะเหตุการณ์ ตอนนี้ถือว่าอยู่ในสภาวะวิกฤต
นี่เป็นบางส่วนของ “บังยี” ที่เอามาแถลงข้อโต้แย้ง
หลังจากนั้น “บิ๊กเน” ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตั้งคำถาม ไปยังสยามสปอร์ตฯ ถึงเรื่องการถ่ายทอดสดและเรื่องการดูแลสิทธิประโยชน์ต่างๆ ว่ามีการดำเนินงานอย่างไร
ขณะเดียวกันก็ตั้งคำถามถึง วรวีร์ ทั้งในเรื่องการบริหารสิทธิประโยชน์ การมอบสิทธิให้บริษัท สยามสปอร์ตฯ ดูแลก่อนจะมีการตอบโต้อย่างดุเดือดไปมานานหลายนาที
ไม่รู้ว่า “บิ๊กเน” จะพอใจคำตอบหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ งานนี้หนังชีวิตแน่นอน
ต้องดูว่าสมาคมฟุตบอลฯ จะเดินหมากอย่างไร เพื่อเอาตัวรอดจากวิบากกรรมครั้งนี้
โปรดติดตาม!!!