ปรับสมดุลธาตุด้วยตำรับยาไทยห่างไกลโรค

22 พฤษภาคม 2555

โดย...วรธาร ทัดแก้ว

โดย...วรธาร ทัดแก้ว

ธาตุในร่างกายของคนเราจำแนกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ เรียกว่าตรีธาตุ ประกอบด้วย ปิตตะ ธาตุไฟ วาตะ ธาตุลม เสมหะ ธาตุน้ำ หากธาตุทั้งสามไม่สมดุลร่างกายก็จะเกิดการเจ็บป่วยได้ นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมและอากาศที่เปลี่ยนแปลง หรือการเปลี่ยนจากฤดูกาลหนึ่งไปสู่ฤดูกาลหนึ่ง ก็เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระบบธาตุภายในร่างกาย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยได้ การดูแลสุขภาพตามหลักแพทย์แผนไทยถือเป็นองค์ความรู้หนึ่งที่จะช่วยรักษาสมดุลของธาตุไม่ให้เกิดการเจ็บป่วยได้

ปรับสมดุลธาตุด้วยตำรับยาไทยห่างไกลโรค

 

ดูแลสุขภาพตามหลักแพทย์แผนไทย

เบญจวรรณ หมายมั่น แพทย์แผนไทยประยุกต์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า การแพทย์แผนไทยได้แบ่งฤดูกาลไว้ 3 ฤดู คือ คิมหันตฤดู (ฤดูร้อน) วสันตฤดู (ฤดูฝน) และเหมันตฤดู (ฤดูหนาว) โดยในแต่ละช่วงฤดูกาลจะมีปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อธาตุจนเสียสมดุลและก่อให้เกิดการเจ็บป่วยที่ต่างกันไป เช่น ในฤดูร้อนมักเจ็บป่วยด้วยอาการปิตตะกำเริบ คืออาจมีอาการร้อนใน เป็นไข้ ตัวร้อนได้ง่าย ในฤดูฝนมักเจ็บป่วยด้วยวาตะกำเริบและมีเสมหะร่วมด้วย เช่น เป็นหวัด คัดจมูก ไอ จาม เป็นต้น โบราณจึงมีตำรับยาที่เป็นยากลางๆ ใช้ได้ทั่วไปตามฤดูกาล เรียกว่า “พิกัดยา” ช่วยลดอาการและดูแลสุขภาพในช่วงฤดูต่างๆ

แพทย์แผนไทยประยุกต์ อธิบายถึงตำรับยาดังกล่าว ประกอบด้วย พิกัดตรีผลา สำหรับฤดูร้อน จำกัดจำนวนผลไม้ 3 อย่าง คือ สมอพิเภก สมอไทย มะขามป้อม ช่วยแก้อาการเจ็บป่วยที่มักเกิดในฤดูร้อน มีฤทธิ์ช่วยในการระบาย ปรับสมดุลธาตุ ทำให้ความร้อนในร่างกายลดลง

พิกัดตรีกฏุก สำหรับฤดูฝน จำกัดจำนวนของส่วนผสมที่มีรสเผ็ดร้อน 3 อย่าง อาทิ ขิง พริกไทย ดีปลี เพื่อช่วยแก้อาการเจ็บป่วยที่มักเกิดในฤดูฝน

ตำรับสุดท้ายได้แก่ พิกัดตรีสาร สำหรับฤดูร้อน หมายถึงการจำกัดจำนวนสิ่งที่ให้คุณในฤดูหนาว 3 อย่าง ได้แก่ เจตมูลเพลิง สะค้าน ชะพลูหรือช้าพลู ซึ่งมีสรรพคุณช่วยรักษาอาการหรือโรคที่มักเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว เป็นตำรับค่อนข้างร้อนเพื่อให้ความอบอุ่นร่างกายในช่วงหน้าหนาว ซึ่งร่างกายจะมีเสมหะหรือน้ำมาก จึงต้องใช้สมุนไพรเหล่านี้ช่วยในการควบคุมร่างกายให้เกิดสมดุล

หน้าฝนปรับสมดุลด้วยพิกัดตรีกฏุก

ช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว โอกาสที่คนจะเป็นหวัดก็เกิดได้ง่าย หลายๆ คนอาจเริ่มมีอาการของวาตะและเสมหะกำเริบบ้างแล้ว แพทย์แผนไทยประยุกต์ได้แนะนำวิธีการดูแลตัวเองง่ายๆ ด้วยตำรับยาสมุนไพรไทย “พิกัดยาตรีกฏุก” ซึ่งจะมีรสเผ็ดร้อนช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นและยังออกฤทธิ์ต่อทางเดินหายใจ โดยในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงสามารถดื่มในรูปยาต้มหรือชารับประทานก็ได้ ในพิกัดขิง พริกไทย ดีปลี จำนวนเท่าๆ กัน ใช้ต้มกับน้ำจนเดือด นำมาดื่มก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็น หรืออาจต้มเป็นน้ำชาจิบเรื่อยๆ ระหว่างวัน หรือจะใช้เป็นเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ ทำให้หายใจสะดวกโล่ง

ปรับสมดุลธาตุด้วยตำรับยาไทยห่างไกลโรค

 

หมอเบญจวรรณ กล่าวอีกว่า ส่วนผสมของขิงมีสรรพคุณช่วยขับลม กระจายลม ละลายเสมหะ ควบคุมสมดุลของธาตุน้ำไม่ให้เสมหะ น้ำมูกกำเริบ เหมาะกับการนำมาใช้ในช่วงฤดูฝน หากมีอาการกำเริบแล้วก็ให้ชงในอัตราส่วนที่เข้มข้นขึ้นกินเป็นยา แต่ไม่ควรนำมากินต่างน้ำ เนื่องจากเป็นยาที่มีฤทธิ์ร้อน แต่ถ้าหากไม่สามารถหาตัวยาสมุนไพรได้ครบตามพิกัดดังกล่าวก็สามารถใช้สมุนไพรที่หาได้ง่าย เช่น ขิง หรือใบกะเพรา มาชงเป็นน้ำชาดื่ม ถ้ามีอาการหวัดคัดจมูกช่วงเช้าหลังตื่นนอนเป็นประจำ แนะนำให้ดื่มน้ำขิงอุ่นๆ ก่อนนอนจะช่วยบรรเทาอาการได้ดี

สำหรับวิธีทำให้ใช้ขิงประมาณ 3 หัวแม่มือ หั่นเป็นชิ้นๆ ต้มกับน้ำประมาณ 1 ลิตร แบ่งดื่มก่อนอาหาร เช้า กลางวัน เย็น หรือจิบเรื่อยๆ ระหว่างวัน เน้นดื่มตอนน้ำขิงยังอุ่นๆ กรณีทำเป็นชานำขิงประมาณ 1 หัวแม่มือ หั่นชิ้นบางๆ แช่ในน้ำร้อน 1 แก้ว ประมาณ 200 ซีซี ดื่มอุ่นๆ แต่มีข้อควรระวังคือการใช้น้ำสกัดจากขิงที่เข้มข้นมากๆ จะให้ผลตรงข้าม คือจะไประงับการบีบตัวของลำไส้จนทำให้ลำไส้หยุดบีบตัว ดังนั้น การดื่มน้ำที่สกัดจากขิงไม่ควรใช้น้ำเข้มข้นมากเกินไป เพราะจะไม่ให้ผลในการรักษาตามที่ต้องการ

แพทย์แผนไทยประยุกต์ เบญจวรรณ ย้ำว่า นอกจากการใช้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงแล้ว สิ่งสำคัญควรพักผ่อนให้เพียงพอและออกกำลังกายร่วมด้วย เพียงเท่านี้ก็สามารถดูแลตนเองไม่ให้ป่วยได้

หากมีข้อสงสัยการดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพรไทย หรือการแพทย์แผนไทย สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร โทร. 037-211-289 หรือที่ www.abhaiherb.com และ www.facebook.com/สมุนไพรอภัยภูเบศร

 

Thailand Web Stat