posttoday

3 5 7 9 หลบไป ละครดาวเทียมกำลังมา!

10 กรกฎาคม 2555

เมื่ออำนาจอยู่ในมือเรา เราจะทำอะไรก็ได้กับรีโมตคอนโทรล!

โดย...จตุรภัทร หาญจริง

เมื่ออำนาจอยู่ในมือเรา เราจะทำอะไรก็ได้กับรีโมตคอนโทรล!

มีใครเห็นด้วยกับผมบ้าง ลองนึกภาพตาม จะเห็นว่ายุคสมัยที่บ้านเราไม่ได้เปิดรับชมรายการจากสถานีโทรทัศน์ที่มีอยู่เพียงไม่กี่ช่อง (3, 5, 7 โมเดิร์นไนน์ทีวี เอ็นบีที และไทยพีบีเอส) ผ่านปีกเสาอากาศทีวี (เสาก้างปลา) กันหมดทุกครัวเรือนเหมือนเมื่อสี่ซ้าห้าปีก่อน แต่มีรายการจากเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมที่ผุดขึ้นยังกับดอกเห็ด มากมายจนชาวบ้านอย่างเราๆ ไม่รู้จะเลือกชมจากช่องไหนดี

ที่แน่ๆ ชาวบ้านอย่างเราๆ มีรีโมตคอนโทรลอยู่ในมือ จึงเลือกดูรายการอะไรก็ได้ตามใจชอบ ถ้าเบื่อข่าว เบื่อเกมโชว์ เบื่อเรียลิตีที่ไม่เรียลิตี เราก็เลือกกดรีโมตคอนโทรลไปดูอย่างอื่นได้

และ “ละคร” ก็มักจะเป็นทางเลือกอันดับ 1 (ไม่รู้จะดูอะไร...ก็ดูละครก็ได้ฟระ)

ละครจึงเป็นรายการโทรทัศน์อันดับ 1 ที่มีคนดูทั่วทั้งประเทศ และเป็นตัวดึงดูดเงินที่มากมายมหาศาลจากเอเยนซีโฆษณา ไม่ว่า 3, 5, 7, 9 หรือแม้กระทั่งไทยพีบีเอส เป็นอันต้องลงทุนทำละคร ได้ส่วนแบ่งทางการตลาดเท่าไหร่ไม่สน ขอให้ได้ทำ เพื่อดึงดูดเงินมาลงกระเป๋าให้กับช่องของตัวเองให้ได้มากที่สุดไว้ก่อนเป็นพอ

ยิ่งพูดก็ยิ่งมัน ที่เดี๋ยวนี้มีผู้หาญกล้าลงสนามแข่งในทะเลสีเลือด (Red Ocean) เพื่อทำละครเอาใจชาวบ้านอย่างเราๆ ผ่านทางเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม แต่จะลงทุนทำละครแบบน้ำเน่า น้ำดี ช่วงชิงเรตติ้ง หรือช่วงชิงเม็ดเงินจากเอเยนซีโฆษณาหรือเปล่า 3 ขุนพลจาก 3 สถานีดาวเทียม จะมาชี้แจงแถลงไขให้ทราบโดยทั่วกัน รวมทั้งหมัดเด็ดที่พวกเขาทั้งสามคอนเฟิร์มเป็นเสียงเดียวกันว่า “พวกเราทำอะไร ไม่มีคำว่าธรรมดาอยู่แล้ว”

3 5 7 9 หลบไป ละครดาวเทียมกำลังมา!


เสน่ห์ของละคร คือ ไม่บิดเบือนคุณค่าของความจริง

จากแนวคิดของ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส ที่ต้องการให้ “ช่อง 8” เป็นสถานีดาวเทียมที่มีจุดเด่นอยู่ที่ละครใหม่ที่ออกอากาศในครั้งแรก ซึ่ง โด่ง-องอาจ สิงห์ลำพอง ผู้อำนวยการสถานีช่อง 8 เปิดเผยว่า “ละครคือรายการที่คนดูชอบดูมากที่สุด และได้โฆษณามากที่สุด กลยุทธ์ที่ช่อง 8 ใช้ คือ การมีพระเอกนางเอกเป็นตัวเรียกคนดู ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากละครเรื่องทองประกายแสด”

อย่างที่รู้ๆ กันว่า การทำละครใช้เงินในการลงทุนสูง แต่ผู้อำนวยการช่อง 8 ก็ย้ำว่าสู้ไม่ถอย “เราพร้อมที่จะลงทุนกับละครอย่างเต็มตัว เพราะเราเดินมาถูกทางแล้ว วัดได้จากคนดูและเอเยนซีให้ความสนใจละครของเรามากขึ้น”

เมื่อมีการลงทุน ก็ต้องหวังผลกำไร ผู้อำนวยการช่อง 8 กล่าวว่า ในปีแรกไม่ขาดทุนก็ถือว่าเก่งแล้ว “หลังจากนี้ไป เราต้องพิสูจน์ผลงานเพื่อสร้างความมั่นใจให้ทั้งคนดูและเอเยนซี ซึ่งทางช่องมีการการันตีเรตติ้งให้กับเอเยนซี เราขายราคาการันตี ถ้าเรตติ้งลด เรายินดีคืนเงินให้ครับ”

“ในส่วนของคนดู เราเข้าใจว่าคนดูต้องการอะไร เราก็นำเสนอทางเลือกให้เขา ซึ่งเป็นทางเลือกที่ 3, 5, 7, 9 ไม่สามารถนำเสนอบางอย่างได้ แต่เรานำเสนอได้ และจับใจคนดูได้ดีกว่า ดีในแง่ที่เรานำเสนอความจริงของสังคม โดยที่เราไม่บิดเบือนคุณค่าของความจริง ตรงนี้คือเสน่ห์ของละคร ซึ่งคนดูเขาต้องการความจริงของสังคมที่ให้ความบันเทิง นั่นคือข้อได้เปรียบของเรา”

ผู้อำนวยการช่อง 8 ย้ำว่า จากจุดเริ่มต้น ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทางช่องทำละครในระดับมาตรฐาน แต่ก็ต้องพัฒนาต่อไปให้ถึงที่สุด “เดี๋ยวนี้รีโมตมันสำคัญนะครับ ตราบใดที่มันมีพลัง มันก็ทำให้คนกดเปลี่ยนช่องเร็วมาก เราจึงต้องทำงานอย่างรอบคอบ เพราะช่องเยอะ ถ้าคนดูเบื่อนิดนึง เขาก็จะเปลี่ยนใจได้เร็ว จะเปลี่ยนมาดูช่องเราอีก มันยาก เราจึงต้องเอาอยู่ทุกวินาที แม้ความเป็นจริงจะเป็นไปได้ยาก แต่เราก็ต้องทำให้คนดูอยู่กับเราให้นานที่สุด”

“ผมมั่นใจว่าอีก 2 ปี สีสันของละครจะดูจัดจ้านมากขึ้น ผู้จัดหน้าใหม่ก็เยอะขึ้น และเราจะเพิ่มเวลาของละครให้มากขึ้น รวมทั้งนักแสดงเด่นๆ เราก็ทาบทามไว้หมดแล้วครับ (หัวเราะ)”

3 5 7 9 หลบไป ละครดาวเทียมกำลังมา!

 

ละครแบบหนัง...เพื่อ 2 ล้านเมมเบอร์

นับตั้งแต่ ทรูวิชั่นส์ ได้ทุ่มสุดตัวกับซีรีส์เรื่องแรก “คอฟฟี่ ปริ๊นซ์” ที่ลงจอไปเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งออกอากาศทุกวันพฤหัสบดีศุกร์ 3 ทุ่ม ทางทรูเอเชียนซีรีส์ (ทรูวิชั่นส์ช่อง 64) ทำให้เกิดกระแสมากมาย ทั้งชื่นชอบ และเปรียบเทียบกับเวอร์ชันเกาหลี แต่สิ่งที่เราสนใจมากกว่านั้น คือ จุดเปลี่ยนที่ทรูวิชั่นส์ตัดสินใจลงทุนทำละคร ทั้งๆ ที่โดยปกติจะซื้อรายการต่างประเทศมานำเสนอให้กับสมาชิกเสียเป็นส่วนใหญ่ บอย-อรรถพล ณ บางช้าง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายรายการ บริษัท ทรูวิชั่นส์ และเอกเซ็กคิวทีฟโปรดิวเซอร์ ซีรีส์เรื่อง คอฟฟี่ ปริ๊นซ์ เปิดเผยถึงที่มาว่า “เมื่อรายการต่างประเทศแข็งแรงและอยู่ตัวแล้ว เราจึงมองว่ารายการในประเทศยังมีน้อย ประกอบกับ ณ ตอนนี้ เรามีสมาชิกถึง 2 ล้านคน ซึ่งมากเพียงพอที่จะจัดสรรงบประมาณเพื่อทำรายการในประเทศ เราเลยนึกถึงละครครับ”

คงมีคนอยากรู้ว่า แล้วทำไมถึงต้องเป็นคอฟฟี่ ปริ๊นซ์ อรรถพล กล่าวว่า “ซีรีส์เกาหลีมีบทประพันธ์ที่ดี ถูกใจคนไทย และสนุก เพราะเป็นแนวโรแมนติกคอมมิดีเสียส่วนใหญ่ อีกทั้งเราซื้อรายการจากเกาหลีเยอะ และมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เมื่อเราติดต่อซื้อบทประพันธ์ เขาก็ยินดี ด้วยความเชื่อที่ว่าเราจะไม่ทำให้ละครของเขาเสียหาย”

แต่ละครจะครบเครื่องและมีความน่าสนใจ บทประพันธ์ดีเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ อรรถพล บอกเราว่า วิธีการถ่ายทำแบบกล้องเดียวในระบบเอชดี คือจุดเด่นที่ทรูวิชั่นส์ภูมิใจนำเสนอ “จะเห็นได้ว่าละครเรื่องนี้เป็นซีรีส์แบบเกาหลี ที่ถ่ายทำด้วยระบบเดียวกัน เราเดินกล้องเดียวแบบหนัง ซึ่งเรามองว่ากลุ่มเป้าหมายที่เป็นสมาชิกของเราน่าจะชอบแบบนี้ เพราะเขาดูโปรดักชันต่างประเทศมาเยอะ เราก็ต้องทำรูปแบบหรือแนวในการถ่ายทำใกล้เคียงกับต่างประเทศ”

เมื่อละครแบบหนังอย่างคอฟฟี่ ปริ๊นซ์ ลงจอแล้ว ผลตอบรับเป็นอย่างไร อรรถพลยิ้มก่อนตอบว่า “ฟีดแบ็กจากคนดูเป็นไปในทิศทางที่ดีครับ ตอนนี้เราก็เตรียมเรื่องที่สองที่สามเรียบร้อยแล้วครับ รับรองว่าสมาชิกของเราจะต้องฮือฮาแน่นอน รับรองว่าคุ้มค่าครับ (หัวเราะ)”

ในฐานะคนดู คงอยากรู้ว่าละครแบบหนังอย่างคอฟฟี่ ปริ๊นซ์ คือละครทางเลือกใหม่จริงแท้แน่หรือ “เห็นได้ว่าการผลิตซีรีส์ของอเมริกา เขาลงทุนเยอะมาก เพราะเขารู้สึกว่ามันคุ้มทุน มันได้เงินคืนมาชัดเจน เขาเลยยิ่งลงทุนหนักเข้าไปอีก คุณภาพของโปรดักชันจึงออกมาดีมาก ซึ่งทางฝั่งเกาหลี เขาเลือกที่จะศึกษาโปรดักชันจากอเมริกา เพราะเขามีเป้าหมายว่าเขาจะต้องเป็นเจ้าทางละคร เขาจึงวางแผนมาอย่างดี ทำโปรดักชันออกมาดี เพราะฉะนั้นของแบบนี้ไม่ได้ใหม่ วิธีแบบนี้มีมานานแล้ว แต่ด้วยต้นทุนมันแพง และตอนนั้นสมาชิกของเรายังน้อย เราเลยยังไม่ลงมือทำแค่นั้นเอง”

“ท้ายที่สุด ผมเชื่อมั่นว่า ถ้าเราทำละครให้ออกมาดีและมีคุณภาพ มันจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรม ถ้าทำได้มาตรฐานต่างประเทศ เผลอๆ มันจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดความก้าวหน้าได้อย่างแน่นอนครับ”

3 5 7 9 หลบไป ละครดาวเทียมกำลังมา!

 

ละครดี...ที่ไม่ได้ใช้ครั้งเดียวจบ

จากนักแสดงทั้งละครและภาพยนตร์ จนกระทั่งเป็นหนึ่งในสมาชิกวงซิสเต็มโฟร์ และมีผลงานเพลงในอัลบั้ม เดียร์-น็อต วันนี้ น็อต-นุติ เขมะโยธิน สวมหมวกใบใหม่ ในตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียม บริษัท มีเดีย สตูดิโอ ซึ่งกำลังจะผลิตละครป้อนให้กับ มีเดีย แชนแนล สถานีดาวเทียมที่นำละครของช่อง 7 สี มารีรันเพื่อเอาใจคอละครโดยเฉพาะ

“นอกจากละครรีรัน เราก็มีโปรเจกต์ที่จะผลิตละครใหม่ป้อนให้กับทางช่อง ซึ่งจะออนแอร์ในช่วงเดือน ต.ค.นี้ เบื้องต้นเราได้บทละครดีมาอยู่ในมือ 2 เรื่อง คือ กว่าจะรู้เดียงสา บทประพันธ์ของ โบตั๋น และเก้าอี้ขาวในห้องแดง บทประพันธ์ของ สุวรรณี สุคนธา รวมทั้งได้บทละครใหม่จากฝีมือการเขียนของ พิง ลำพระเพลิง เรื่อง กิ่งทอง ดอกฟ้า หมาวัด ทำให้เรามีทิศทางไปที่น่าสนใจ ประกอบกับเราเปิดตัวโครงการ ‘มีเดียเสิร์ช’ เพื่อค้นหาพระนาง และนักแสดงหน้าใหม่จากทั่วประเทศ เพื่อแสดงนำในบทพระนาง หรืออื่นๆ ในละครทั้งสามเรื่อง ประกบกับนักแสดงชื่อดังจากช่อง 7 สี และยังลุ้นโอกาสสู่การเป็นนักแสดงสังกัดช่อง 7 สีอีกด้วยครับ”

เราเกิดความสงสัยว่า ในเมื่อมีละครของช่อง 7 มารีรันมากเพียงพออยู่แล้ว การลงทุนทำละครเรื่องใหม่ มันคุ้มกับการลงทุนไหม นุติ กล่าวว่า “คุ้มครับ ละครเราไม่ได้ใช้ครั้งเดียวจบ เราใช้ได้ 3 ปี ตามลิขสิทธิ์ เราได้แบรนด์ของช่อง ได้นักแสดงในสังกัด ได้คอนเทนต์ และได้ใจลูกค้า ที่สามารถได้ผลประโยชน์จากเราในหลายๆ ทาง”

นอกจากนี้ นุติ ยังกล่าวว่า หัวใจสำคัญของละครคือบทประพันธ์ แต่วิธีการนำเสนอก็สำคัญไม่แพ้กัน “เราจะทำละครให้คล้ายกับซีรีส์ ที่ถ่ายทำระบบเอชดี 16 ต่อ 9 อีกทั้งวิธีการเล่าเรื่องก็จะออกแนวอาร์ตหน่อยๆ ซึ่งจะทำให้ละครของเรามีความแตกต่าง และเป็นทางเลือกใหม่ๆ สำหรับคนดูอย่างแน่นอนครับ”


จากเม็ดเงินโฆษณาที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจาก 2,000 ล้านบาท ในปี 2554 มาเป็นประมาณ 5,000 ล้านบาท ในปีนี้ ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงมากประมาณ 150% หรือเมื่อเทียบกับเม็ดเงินโฆษณารวมทุกสื่อเมื่อปีที่แล้วทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเท่ากับว่าในธุรกิจเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมมีมูลค่าอยู่ประมาณ 3% และปีนี้จากข้อมูลทางการตลาดคาดว่าจะเติบโตขึ้นอีกถึง 8% ซึ่งมากกว่า 200% ทำให้การลงทุนทำละครทางเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมมีแนวโน้มที่จะไปได้ไกล