ค็อกเทลกาแฟ...ดุเข้ม
เมื่อได้มาเยือนอีกครั้ง แฟบบ์ คาเฟ่ แอนด์ บิสโทร ดูต่างไปจากที่เราเคยได้มาสัมผัสไม่น้อย
โดย...เพ็ญแข สร้อยทอง
เมื่อได้มาเยือนอีกครั้ง แฟบบ์ คาเฟ่ แอนด์ บิสโทร ดูต่างไปจากที่เราเคยได้มาสัมผัสไม่น้อย เพราะมุมหนึ่งของร้านกลายเป็นช็อปจำหน่ายเสื้อผ้าแบรนด์เนมและแว่นตาเก๋ไก๋ แต่ที่สะดุดตาจนต้องหันกลับไปมองอีกครั้ง คือ เครื่องคั่วกาแฟอันอลังการสีทองแดงมันปลาบซึ่งโดดเด่นอยู่หน้าร้าน รายรอบบริเวณเป็นสรรพสิ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ชงกาแฟหลากชนิด รวมทั้งเมล็ดกาแฟชั้นดีจากทั่วโลกที่จัดเรียงไว้อย่างสวยงาม รวมถึงบาร์กาแฟอันใหญ่โตโอ่อ่า เมื่อย่างเข้ามาสู่บริเวณร้าน กลิ่นหอมๆ ของกาแฟก็เย้ายวนจนต้องสั่งมาดื่ม นั่นหมายความว่า ที่นี่นอกจากจะมีอาหารตะวันตก ไวน์ และดนตรีแจ๊ซให้เสพแล้ว ยังเป็นสถานที่ซึ่งคนรักกาแฟควรมาเยือน
บิสโทรกึ่งคาเฟ่ในบ้านสวยกลางซอยเอกมัย 10 แห่งนี้เกิดขึ้นจากความรักของผู้หญิงชื่อ เลิฟ-เจนจิรา กมลเศวตกุญ เธอคนนี้เริ่มต้นจากธุรกิจนำเข้าเสื้อผ้า ซึ่งทำให้เธอต้องเดินทางไปหลายประเทศในยุโรปค่อนข้างบ่อย เมื่ออยู่ในอิตาลีเธอมีคาเฟ่เล็กๆ เป็นร้านโปรด ซึ่งต้องแวะไปดื่มกาแฟที่นั่นทุกครั้ง กระทั่งได้รู้จักมักคุ้นกับเจ้าของร้าน ซึ่งไม่ใช่แค่ชายสูงอายุธรรมดา ทว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการคั่วกาแฟ เพราะติดใจในรสชาติ ทำให้เธอสั่งนำเข้ากาแฟจากร้านนี้มาให้บริการลูกค้า (ฟรี) ที่บูติกของเธอ ต่อมาเมื่อหันเหมาเปิดร้านอาหาร กาแฟเมดอินอิตาลีเจ้านี้ก็ยังมีจำหน่ายอยู่ในร้านของเธอด้วย
เพราะสนใจเรื่องกาแฟอยู่เป็นทุนเดิม ทำให้ เจนจิรา ต้องการเรียนรู้เรื่องการคั่วกาแฟกับเจ้าของร้านโปรด จึงเทียวไล้เทียวขื่อจนลุงใจอ่อนรับเป็นศิษย์ ต่อมายังได้เรียนเพิ่มเติมกับลูกชายของลุงซึ่งเป็นคอฟฟี่ มาสเตอร์ แล้วจึงสั่งเครื่องคั่วกาแฟมาจากไต้หวัน ทั้งยังได้ไปเรียนเรื่องกาแฟเพิ่มเติมที่โรงคั่วในไทเปอีก ทุกวันนี้ เจนจิรา ยังศึกษาเรื่องกาแฟอย่างต่อเนื่อง หากไม่มีเวลาเดินทางไปเรียน เธอจะจ้างมาสเตอร์จากต่างประเทศมาสอนให้ที่ร้าน เป้าหมายในชีวิตเธอ คือ เปิดร้านกาแฟ สอบผ่านเป็นคอฟฟี่ มาสเตอร์ และสร้างสถาบันสอนทำกาแฟในกรุงเทพฯ
ปัจจุบัน เจนจิรา ได้ทำความฝันส่วนหนึ่งสำเร็จไปแล้ว เพราะ แฟบบ์ คาเฟ่ แอนด์ บิสโทร กลายเป็นสวรรค์สำหรับนักดื่มกาแฟ ซึ่งมีเมล็ดกาแฟสุดพิเศษแบบที่เรียกว่า Single Origin – กาแฟจากแหล่งปลูกเดียว (ซึ่งหายากและแพง) ให้ลูกค้าได้เลือกชิมมากกว่า 50 ชนิดจากทั่วโลก ไม่ว่าจะดื่มที่ร้านหรือสั่งคั่วและนำกลับไปชงดื่มเองที่บ้านก็ได้ หรือใครต้องการเครื่องชงไม่ว่าจะเป็นแบบดริป ไซฟอน หรืออื่นๆ ก็มีให้เลือกซื้อที่นี่ นอกจากนั้น บริเวณชั้น 2 ของร้านยังเป็นพื้นที่ตั้งของคอฟฟี่ อะคาเดมี ซึ่งตอนนี้เปิดสอน 6 คอร์สโดยมาสเตอร์มืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็น Brewing Course ที่สอนเรื่องการชงกาแฟ Latte Art Course เทคนิคการเทและวาดลวดลายในถ้วยกาแฟ Roasting Course การคั่วบดเมล็ดกาแฟ Cupping Course เรียนรู้กลวิธีแห่งการรับรสกาแฟ Professional Barista Course สู่การเป็นบาริสตามืออาชีพ และ Singnature Course เรียนผสมค็อกเทลที่มีส่วนผสมของกาแฟ
วันนี้ อาจารย์เลิฟ ได้เปิดห้องเรียน Singnature Course แบบย่อมๆ ให้โพสต์ทูเดย์ได้ชม (และชิม) ชั้นเรียนนี้จะสอนแนวคิดของการผสมค็อกเทลที่มีส่วนผสมของกาแฟ แนะนำอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งสอนให้รู้จักสปิริตชนิดต่างๆ ซึ่งจะนำมาเป็นส่วนผสม รวมไปถึงเทคนิคการผสม และสูตรคลาสสิกค็อกเทลซึ่งกาแฟเป็นส่วนผสม
คลาสสิกค็อกเทลซึ่งผสมด้วยกาแฟที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีคงจะหนีไม่พ้น ไอริชคอฟฟี่ ซึ่งเป็นค็อกเทลที่ผสมจากกาแฟร้อน ไอริชวิสกี้ และน้ำตาล ท็อปปิงด้วยครีม เวลาดื่มต้องดื่มผ่านชั้นครีม ว่ากันว่า ไอริชคอฟฟี่นี้เป็นสูตรที่บอกต่อกันมาเนิ่นนานกว่า 100 ปีแล้ว แต่ชื่อไอริชคอฟฟี่นั้นตั้งโดย โจ เชอริแดน หัวหน้าเชฟที่ร้านอาหารในท่าเรือของไอร์แลนด์ เขาชงกาแฟผสมแอลกอฮอล์ให้ผู้โดยสารดื่มเพื่อความอบอุ่น และเมื่อถูกถามว่าแก้วนี้เรียกว่าอะไร เขาตอบ “ไอริชคอฟฟี่” จากไอร์แลนด์เครื่องดื่มชนิดนี้ถูกนำไปเผยแพร่ที่สหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ด้วยรสชาติเฉพาะตัวที่เกิดจากการผสมผสานของกาแฟ วิสกี้ และครีม จากไอริชคอฟฟี่ต่อมาก็แตกลูกแตกหลานเป็นค็อกเทลผสมกาแฟอีกมากมายหลากหลายสูตร แล้วแต่ความคิดสร้างสรรค์ของบาร์เทนเดอร์
วันนี้ อาจารย์เลิฟ ขอไม่ทำไอริชคอฟฟี่ แต่นำเสนอสูตรเด็ด 3 ตัว เริ่มต้นกันที่ เอสเปรสโซ มาร์ตินี (Espresso Martini) เข้มด้วยกาแฟและเหล้า ส่วนผสมประกอบด้วย วอดก้า 3 ออนซ์ ลิเคียวร์รสกาแฟ 1 ออนซ์ และเมล็ดกาแฟเอสเปรสโซ นำส่วนผสมยกเว้นเมล็ดกาแฟไปเชกกับน้ำแข็งป่นกระทั่งเย็น จากนั้นรินใส่แก้วมาร์ตินี ตกแต่งให้สวยงามด้วยเมล็ดกาแฟ แก้วนี้เป็นค็อกเทลผสมกาแฟยอดนิยมที่ลูกค้าของร้านแฟบบ์ สั่งมาดื่มเสมอๆ บางคนชอบมากถึงกับดื่ม 67 แก้วต่อครั้ง (ไม่รู้ว่าคืนนั้นจะนอนหลับไหม เพราะว่านั่นหมายความว่า ได้ดื่มกาแฟเข้มข้นอย่างเอสเปรสโซไปมากถึง 67 เช่นกัน)
หากไม่ชอบรสเข้มมากนัก แก้วนี้แนะนำ เปปเปอร์มินต์ แพตตี (Peppermint Patty) ซึ่งมีกลิ่นและรสมินต์ผสมผสานอยู่ด้วย สูตรนี้ประกอบด้วย ลิเคียวร์รสกาแฟ 1 ออนซ์ เปปเปอร์มินต์ ชแนปป์ส 1 ออนซ์ และครีมข้น 2 ช้อนโต๊ะ วิธีการทำ คือ เติมน้ำแข็งป่นในเชกเกอร์ ก่อนเติมคอฟฟี่ลิเคียวร์ ชแนปป์ส และครีม ก่อนจะเชกให้เข้ากันดี เทใส่แก้วช็อต ตกแต่งด้วยใบมินต์ และเสิร์ฟทันทีเพราะควรดื่มขณะเย็นจัด
ใครว่าค็อกเทลกาแฟมีแต่แบบเย็น ทำแบบร้อนก็ได้ค่ะ ถ้าอยากลองต้องสั่ง คาเฟ่ อะมาเรตโต (Caf้ Amaretto) เป็นค็อกเทลกาแฟแบบร้อน โดยมีส่วนผสมประกอบด้วย อะมาเรตโต (ลิเคียวร์จากถั่วอัลมอนด์) 3 ออนซ์ กาแฟร้อน 1 หรือ 1/2 ถ้วย และวิปครีม ขั้นตอนการผสมเริ่มต้นจากนำอะมาเรตโตกับกาแฟร้อนมาผสมกัน ก่อนจะท็อปด้วยครีมเข้มข้น
ทุกแก้วมีเสิร์ฟ (และสอน) ที่แฟบบ์ คาเฟ่ แอนด์ บิสโทร ซึ่งเปิดทุกวันตั้งแต่ 06.00–23.00 น. สอบถามโทร. 02-713-1290–2 หรือติดตามข่าวสารผ่านทาง www.facebook.com/fabb.cafeandbistro
รสชาติดุเข้มของค็อกเทลกาแฟทำให้ยากจะลืม และบางทีก็ ... หลับไม่ลง
&<2288;
&<2288;