จิตเบิกบานทำงานเป็นสุข
เมื่อมามองย้อนดูงานของอาตมาทุกวันนี้ เมื่อไปที่ไหนอาตมาก็พยายามทำให้คนเรารู้สึกแช่มชื่นเบิกบานเพราะธรรม
โดย...ว.วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย
เมื่อมามองย้อนดูงานของอาตมาทุกวันนี้ เมื่อไปที่ไหนอาตมาก็พยายามทำให้คนเรารู้สึกแช่มชื่นเบิกบานเพราะธรรม ครั้งหนึ่งอาตมาเคยไปสอนกรรมฐานที่สำนักงานของบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งทำเกี่ยวกับหมู่บ้านจัดสรรอยู่ข้างสนามบินสุวรรณภูมิ
หลังจากที่ได้ไปครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ทุกคนก็มีความสุขมากขึ้น ครั้งที่ 3 อาตมาก็ไป คนที่เคยมาปฏิบัติแล้วภายหลังก็พาเอาพ่อแม่มาปฏิบัติด้วย
น้องคนหนึ่งได้พาพ่อแม่มาปฏิบัติด้วย เมื่อปฏิบัติได้ครบ 5 วัน แม่บอกว่า ทำไมลูกไม่พาแม่มาตั้งแต่แรก เพราะรู้สึกมีความสุขมากกับการปฏิบัติธรรม ได้ฟังธรรมก็แช่มชื่นเบิกบาน อิ่มอกอิ่มใจ
แม้แต่ตัวอาตมาผู้แสดงธรรมเอง หลายครั้งอาตมาสังเกตเห็นว่าขณะแสดงธรรมบางทีมันก็ธรรมปีติขึ้นมา สารเอนดอร์ฟินหลั่ง บางครั้งอาตมาตัวชาทั้งตัว ตั้งแต่หัวจรดเท้า ต้องหยุดแสดงธรรม เพราะว่าน้ำตาไหล แสดงธรรมไปๆ ความสุขมันพรั่งพรูจากข้างในออกมา น้ำตาไหลแล้วมีความสุขมาก ต้องนิ่งก่อน แต่ญาติโยมจะไม่รู้
นี้เป็นความสุขอันเกิดจากการทำงานอันเป็นที่รักของเรา
ศิลปินบางคนกำลังวาดรูปอยู่ดีๆ วาดไปๆ ตัวชา เพราะเกิดปีติที่เห็นงานของตัวเอง มันสดใสได้ดั่งใจ ก็ต้องทิ้งพู่กัน หยุดพักก่อน
มีอยู่ครั้งหนึ่ง อาตมากำลังนั่งเขียนบทความอยู่ประมาณตี 3 เขียนไปๆ แล้วจู่ๆ ตัวเบาไปหมดเลย มือก็เบา เวลาเราแตะไปที่แป้นคีย์บอร์ด เหมือนกับมือของเราสัมผัสลงไปบนสำลี อาตมาก็ถามตัวเองว่า เอ๊ะ มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเรา กายเบา จิตเบา มือเบา เหมือนกับคนเล่นเปียโน มันนุ่มไปหมด ทำงานต่อไม่ได้ ตกอยู่ในภาวะสุญญากาศ
เมื่อกำลังไปเรียนสมาธิจึงรู้ว่าจิตมันเกิดการรวมตัวโดยอัตโนมัติ
การที่เราทำงาน เราก็ได้เจริญสมาธิโดยวิธีธรรมชาติ พอจิตมันรวมตัวปุ๊บมันจะเกิดภาวะอย่างหนึ่งซึ่งก็คือ จิตตมุทุตา จิตมันนุ่มนวล พอจิตมันนุ่มนวล กายก็พลอยนุ่มนวลไปด้วย เบามาก
ฉะนั้น ที่เรามารู้มาว่าคนในสมัยพุทธกาลท่านเหาะกันเป็นว่าเล่นก็เป็นเรื่องปกติ คือพอจิตมันเบากายก็ไม่กินน้ำหนัก เพราะจิตกำหนดวัตถุ พอจิตเบามันก็เหาะได้เป็นเรื่องปกติ แค่ตั้งใจว่าจะเหาะมันก็เหาะได้จริงๆ อย่านึกว่าไม่มีจริง
เอาง่ายๆ แค่นักกีฬากระโดดค้ำถ่อเหาะไปได้ยังไง จิตมันเหาะก่อน พอจิตมันกระโดดก่อน มันก็กระโดดตาม ก็ขึ้นได้
นักกีฬายิมนาสติกพวกนี้ เป็นตัวอย่างว่าถ้าจิตพร้อมที่จะกระโดด จิตเบาแล้วเขาก็กระโดดได้ทั้งๆ ที่เขาแบบน้ำหนักไว้ไม่น้อยเลย
ฉะนั้นเวลาที่เราเจริญสมาธิทั้งโดยตรงและเป็นไปโดยวิธีธรรมชาติ จิตก็จะ “มุทุตา” คือนุ่มนวลก่อน จากนั้นก็จะ “ลหุตา” คือเบาไปหมด เบาไปทั้งเนื้อทั้งตัวจนรู้สึกว่า เอ๊ะทำไมฉันเหมือนไม่มีน้ำหนัก เหมือนไม่มีตัวตน
พอมันเบาแล้วภาวะที่เกิดตามมาก็คือ “กัมมัญญตา” คือ ควรแก่การทำงาน
หมายความว่า เอาจิตตัวนี้ไปคิดเรื่องไหน พอแตะไปนิดความคิดมันจะแล่น ความคิดมันจะแล่นไปตลอดสาย ไม่ขัด ไม่ข้อง ไม่ติด
แตะไปประเด็นไหน มันจะแล่นไปตลอดสายเหมือนฟ้าแลบลงมาผ่านเครื่องบิน เห็นท้องฟ้าสุดขอบสายตา นั่นก็คือเมื่อจิตนุ่มนวลแล้วมันก็ควรแก่การงาน คือปลอดจากกิเลสแล้ว เมื่อเราคิดเราก็คิดได้ลุล่วง
&<2288;