โอยาสุมินาไซ The Okura Prestige Bangkok
หญิงสาวในชุดกิโมโนโน้มตัว 45 องศา ยิ้มมุมปากแต่พองาม เปล่งเสียงทักทายอย่างอ่อนโยน “สวัสดีค่ะ”
โดย...กาญจน์ อายุ
หญิงสาวในชุดกิโมโนโน้มตัว 45 องศา ยิ้มมุมปากแต่พองาม เปล่งเสียงทักทายอย่างอ่อนโยน “สวัสดีค่ะ” เป็นภาษาไทยที่ไม่ผิดเพี้ยน นั่นไม่ใช่เพราะเธอพูดไทยเก่ง แต่เธอคือคนไทยที่ทำงานในโรงแรมเชื้อสายญี่ปุ่น “ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ” (The Okura Prestige Bangkok)
ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ สร้างปรากฏการณ์ใหม่สองสิ่ง สิ่งแรกคือ ดิ โอกุระ แห่งนี้เป็นสาขาในไทย และสองคือ ดิ โอกุระ แห่งนี้เป็น ดิ โอกุระ “เพรสทีจ” สาขาแรกในโลก ต้องกล่าวก่อนว่า โรงแรม ดิ โอกุระ กำเนิดที่ประเทศญี่ปุ่นมากว่า 50 ปี แต่ในประเทศไทยจะมีงานแกรนด์ โอเพนนิง ในวันที่ 3 ต.ค. 2555 นี้ ซึ่งเป็น ดิ โอกุระ น้องใหม่ที่มีความพิเศษตรงคำว่า “เพรสทีจ”
“เพรสทีจ” คือความเป็น “โมเดิร์น” หรือที่เรียกการออกแบบและตกแต่งว่า “Japanese Modern” แตกต่างจากในญี่ปุ่นที่เป็นแบบ Japanese อย่างเดียว ความโมเดิร์นสะท้อนผ่านเฟอร์นิเจอร์ ความเรียบง่าย สี แสง และเทคโนโลยีที่ใช้ ส่วนความเป็นญี่ปุ่นสะท้อนผ่านพนักงานทุกคนอย่างที่หญิงสาวต้นเรื่องเป็น การบริการที่เอาใจใส่ อาหารญี่ปุ่นโดยเชฟระดับโลก และรายละเอียดเล็กน้อยที่คิดมาแล้วอย่างดี
ห้องพักที่ ดิ โอกุระ เพรสทีจ มีทั้งสิ้น 240 ห้อง 11 ประเภท มีตั้งแต่ขนาด 47 ตร.ม. ในประเภทดีลักซ์ ขนาด 97 ตร.ม. ในประเภทเพรสทีจ สวีท จนถึงขนาด 302 ตร.ม. ในประเภทอิมพีเรียล สวีท ซึ่งแขกที่ใช้บริการห้องพักตั้งแต่ระดับสวีทขึ้นไปจะสามารถใช้บริการพิเศษที่ The Club Lounge ไม่ว่าจะเจรจาธุรกิจในห้องประชุมส่วนตัว ดื่มชายามบ่าย หรือจิบค็อกเทลยามเย็น แขกสามารถใช้บริการได้ฟรีทุกวันขณะเข้าพัก
เมื่อเข้าไปในห้องพัก ความรู้สึกแรกที่ได้รับคือความโมเดิร์น แต่เมื่อได้ใช้ Facilities แล้วคุณจะพบกับเจแปนนิส สไตล์ ซึ่งนี่แหละคือรายละเอียดเล็กน้อยที่คิดมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นทุ่งใบจิงโกะ (Ginkgo) บนเตียงนอน นกกระสาบนหัวเตียง เกลียวคลื่นทะเลข้างอ่างล้างหน้า หรือศิลปะเหนือโต๊ะทำงาน และองค์ประกอบเฉพาะอื่นๆ ที่มีเพียงในโรงแรมญี่ปุ่นเท่านั้น อาทิ อ่างล้างมือขนาดเล็กที่มีไว้ล้างมือเท่านั้น ซึ่งแยกต่างหากจากอ่างล้างหน้า สุขภัณฑ์ที่มีระบบสั่งการอิเล็กทรอนิกส์ และชุดชงชาที่มีใบชาพร้อมเสมอ
ห้องอาหารมี 3 ห้อง ได้แก่ ห้อง Elements บริการยุโรป เปิดเฉพาะดินเนอร์ ถ้าใครได้มีโอกาสไปให้สังเกตผนังด้านสีดำ สีดำที่เห็นคือถ่านที่จะช่วยดูดกลิ่นจากครัวเปิดในห้องอาหาร ห้อง Yamazato บริการอาหารญี่ปุ่นที่แม้กระทั่งวัตถุดิบก็นำเข้ามาจากญี่ปุ่นทั้งหมด และห้อง Up & Above บริการอาหารนานาชาติให้บริการตลอดวัน พิเศษหลัง 5 โมงเย็น Up & Above Bar ด้านนอกอาคารจะเปิดให้บริการพร้อมบรรยากาศบางกอกไนต์ให้คุณมองกรุงเทพฯ จากชั้น 24
ก่อนที่จะมาโรงแรมนี้ฉันพูดภาษาญี่ปุ่นเป็นคำหนึ่ง คือคำว่า “ซาโยนาระ” แต่ไม่รู้อะไรดลใจทำให้คิดอีกคำหนึ่งขึ้นมาได้ “โอยาสุมินาไซ” มันแปลว่า “ราตรีสวัสดิ์” คำที่ฉันอยากพูดทันทีที่ก้าวเข้ามาใน ดิ โอกุระ เพรสทีจ