posttoday

ยอดชายสายลับ

15 พฤศจิกายน 2555

ผู้เข้าไปสืบความลับ นั่นคือความหมายของคำว่า “สายลับ” หรือ “สปาย” (Spy) อย่างที่เราเข้าใจแบบพื้นๆ

โดย...โจ เกียรติอาจิณ


ผู้เข้าไปสืบความลับ นั่นคือความหมายของคำว่า “สายลับ” หรือ “สปาย” (Spy) อย่างที่เราเข้าใจแบบพื้นๆ

แต่บางครา “สายลับ” มักสวมบทบาทในฐานะ “เอเยนต์” (Agent) ถ้าจะให้ฟังดูดีมีชาติตระกูล (หน่อย) “สายลับ” ก็เท่ากับ “จารชน” ซึ่งเป็นบุคคลที่รัฐส่งไปล้วงความลับจากศัตรู หรือฝ่ายที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นศัตรู โดยเฉพาะอย่างยิ่งความลับทางการทหาร และอาจรวมถึงการล้วงความลับจากต่างบริษัท

โลกความจริง “สายลับ” ยังมีอยู่ ทว่า ไม่ค่อยปรากฏโฉมหน้าที่แท้ให้คนรู้จัก ขณะที่โลกบันเทิง “สายลับ” นั้นหาเจอตัวเป็นๆ ไม่ยากนัก ส่วนใหญ่ก็จะโผล่มาในภาพยนตร์ หรือซีรีส์อันว่าด้วย “สายลับ” ถือเป็นตัวละครเอกและเฟืองจักรที่ช่วยขับเคลื่อนให้เรื่องราวสนุกตื่นเต้นยิ่งขึ้น

เช่นพวกเขาเหล่านี้ที่เข้าข่าย “ยอดชายสายลับ” ทั้งหล่อ ทั้งเท่ ไม่พอ ยังหุ่นล่ำ กล้ามแน่น น่าหม่ำ (ชะมัด) แถมความเก่งและฉลาดก็เป็นเลิศ ที่สำคัญพวกเขาฆ่าไม่ตายสักที ประดุจดั่งฮีโร่ในจอที่ครองใจแฟนๆ มายาวนาน

เจมส์ บอนด์ สายลับติดหรู

จากจินตนาการผสานประสบการณ์จริงที่ “เอียน เฟลมมิง” (อดีตผู้สื่อข่าวรอยเตอร์สและนายทหารแผนกปฏิบัติการลับ หน่วยราชการลับแห่งราชนาวีอังกฤษในสงครามโลกครั้งที่ 2) ปั้นแต่งขึ้นในนวนิยายชุด (ปี 1952 ก่อนเขาจะเสียชีวิตลง ปี 1964 และมีคนมาสานต่อเขียนอีกมาก) สู่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ระดับแฟรนไชส์ที่ทำออกมาภาคแรก เมื่อปี 1962 Dr.No จนถึงล่าสุด Skyfall ภาคฉลองครบรอบ 50 ปี

“บอนด์ เจมส์ บอนด์” ทุกครั้งเขาจะแนะนำตัวเยี่ยงนี้

ยอดชายสายลับ

 

ไม่ใช่แค่การแนะนำตัวเท่ๆ จนเป็นวลีติดหู สายลับรหัส 007 ชาวอังกฤษยังชอบจิบวอดก้ามาร์ตินี โดยสั่งแบบเขย่าไม่ต้องคน ขับรถหรู ติดแอกเซสซอล้ำๆ เสริมทัพด้วยอุปกรณ์โคตรไฮเทค ใช้ชีวิตฟู่ฟ่า กินของแพง ใช้ของแพง มีสาวสวยอึ๋มล้อมกายเสมอ นี่ละ “เจมส์ บอนด์”

ภาพจำของสาวกนั้น “เจมส์ บอนด์” คือสายลับที่มากับความหล่อ ความเท่ ความเนี้ยบ ความแพง ความเวอร์ (ตกลงเขาเงินเดือนเท่าไหร่อ่ะ อยากรู้จัง อิอิ) แล้วไหนเสน่ห์ร้ายกาจอีกเล่า ที่เขาชอบหว่านใส่สาวๆ ให้ยอมพลีกายในชั่วเวลาข้ามคืน (อิจฉา!!!)

ด้วยเสน่ห์ร้ายเหลือและร้ายกาจของ “เจมส์ บอนด์” ไม่แปลกที่เขาจะมีผู้หญิงเข้ามาพัวพัน ซึ่งเราเรียกกันว่า “สาวบอนด์” สายลับคนอื่นเป็นยังไงไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ สายลับ 007 มีสาวให้ควงตลอดและลงเอยที่บนเตียงเกือบจะทุกคน แต่ละคนสวยเริดเชิดหยิ่ง แล้วยังเซ็กซี่ไม่มีที่ติ โดยเฉพาะยุคแรกๆ ภาพเธอออกไปทางนางนกต่อ นางยั่วมากกว่า พอมายุคหลัง เธอเหล่านั้นก็แกร่งและเก่งขึ้น ไม่ได้สวยอย่างเดียว ไม่ได้แค่ขายอึ๋ม ทว่า ยังเป็นคู่หูและผู้ช่วยสายลับคนนี้ได้ดี

ขณะเดียวกัน เรื่องบู๊ล้างผลาญ “เจมส์ บอนด์” ก็พร้อมฉะกับศัตรูอย่างทะนงและองอาจ ภาคแรกจนถึงภาคล่าสุด เขางัดไม้เด็ด ลีลาบู๊แหลกมาโชว์ จากยุคสงครามเย็นจนถึงการล่มสลายของรัสเซีย สู่ยุคที่ศัตรูคือคนที่ถูกสร้างและอ้างอิงให้ทันกระแส สายลับ 007 ล้วนแต่เคยปะมือมาแล้วทั้งสิ้น

ในโลกภาพยนตร์ บทสายลับสังกัดหน่วยสืบราชการลับอังกฤษ (Secret Intelligence Service) หรือรู้จักในนาม MI6 (Military Intelligence, Section 6) ยศนาวาโท สังกัดกองกำลังพลสำรอง กองทัพเรือ ได้ผ่านมือกระทาชายมาหลายต่อหลายคน (ใครเกิดทันยุคไหนก็ไปรำลึกกันเองนะคร้าบ)

ยอดชายสายลับ

 

“ฌอน คอนเนอรี” (7 ภาค แชมป์บอนด์) “จอร์จ ลาเซนบี” (ภาคเดียว ก็เสียวได้) “โรเจอร์ มัวร์” (7 ภาค แชมป์บอนด์เหมือนกัน) “ทิโมธี ดัลตัน” (2 ภาค) “เพียร์ซ บรอสแนน” (4 ภาค) “แดเนียล เครก” (รวมภาคล่าสุด ก็ 3) อ่ะแถมให้อีกหนึ่ง “เดวิด นิเวน” ในเวอร์ชัน “เจมส์ บอนด์” ฮาแตกแหวกมว้ากกกกก

“แซม เมนเดส” ผู้กำกับ Skyfall บอกว่า “เจมส์ บอนด์ ในนวนิยายถือเป็นตัวละครที่มีความขัดแย้งในตัวเองสูงมาก นั่นจึงเป็นจุดเริ่มที่ทำให้เขาดื่มหนัก กินของหรูๆ และมีเซ็กซ์กับสาวไม่ซ้ำหน้า

“ก็เพราะไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะมีชีวิตอยู่มั้ย จะโดนฆ่าหรือเปล่า การเป็นสายลับมันคือการที่เขาขอใช้ชีวิตให้สุดเหวี่ยงไปเลย เขากลัวความตาย แต่ก็เลือกวิธีนี้เพื่อประชดใส่มันซะเลย”

เจสัน บอร์น สายลับติดดิน

ไม่ได้เป็นญาติฝ่ายไหน “เจมส์ บอนด์” แต่เขาคือคู่แข่งที่จะมาข่มบารมีสายลับติดหรู ซึ่งถูกสร้างขึ้นจากปลายปากกานักเขียนชาวอเมริกัน “โรเบิร์ต ลัดลัม” (เคยเป็นทหารช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2) ในนวนิยาย The Bourne Identity ปี 1980 ก่อนจะนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ฉายทางโทรทัศน์ ปี 1988 มีโอกาสโลดแล่นบนจอเงิน ปี 2002 ต่อเนื่องอีก 2 ภาค The Bourne Supremacy กับ The Bourne Ultimatum ขณะที่ภาคล่าสุด The Bourne Legacy มันคนละเรื่องกันเลยและไม่เกี่ยวข้อง “เจสัน บอร์น” แม้แต่น้อย

“เจสัน บอร์น” เปิดตัวในโลกภาพยนตร์ เขาเป็นเพียงชายหนุ่มผู้รอดตายโดยมีลูกเรือหาปลาชาวอิตาลีช่วยชีวิตไว้ ไม่มีสมบัติอะไร มีแค่ลูกกระสุนที่หลังกับหมายเลขบัญชีธนาคารที่ฝังไว้บนสะโพก

นั่นทำให้ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ทว่า ก็มีคนหมายปองคิดร้าย โชคดีที่เขามีทักษะพิเศษในการต่อสู้ ทำให้ใครหน้าไหนก็ไม่กล้าแหยมกับผู้ชายที่ชื่อ “เจสัน บอร์น”

ยอดชายสายลับ

 

เรื่องราว “เจสัน บอร์น” ค่อยๆ เปิดเผยทีละน้อย และเชื่อมโยงกันทั้ง 3 ภาค โดยวนเวียนอยู่กับปฏิบัติการโหดระห่ำและภาพอดีตที่ยังตามหลอกหลอน ซึ่งหาต้นตอไม่เจอว่ามันคืออะไร และหนักไปกว่านั้น “เจสัน บอร์น” คือใคร เขาเองก็ไม่มีคำตอบ

ชีวิตสายลับ “เจสัน บอร์น” ไม่ได้ปูพรมด้วยความหรูหราฟู่ฟ่า ตรงกันข้าม เขาติดดินมากๆ เสื้อผ้าไม่ได้คัตติงเนี้ยบจากห้องเสื้อชั้นนำ ไม่ได้ใช้รถหรู ทั้งๆ ที่ก็มีเงินในบัญชีธนาคารในสวิสเซอร์แลนด์ (ว่าแต่ใครฝากให้เขาอ่ะ 555) ส่วนอุปกรณ์ไฮเทค อย่าพูดถึงเลย แทบไม่ได้เห็นเขาใช้

อีกอย่างที่สะท้อนค่าความเป็น “เจสัน บอร์น” ชัดเจน คือการบู๊แหลก เขาสามารถต่อกรกับศัตรูได้ทุกเวลาด้วยลีลาพะบู๊สุดขั้ว นั่นจึงเป็นที่มาของสายลับคนรากหญ้า ชนะใจแฟนๆ ที่ชื่นชอบการไล่ล่าแบบถึงเนื้อถึงตัว โดยไม่ได้ชูจุดขายว่าต้องหล่อ เท่ ไม่จำเป็นมีออปชันพิเศษ ไม่จำเป็นต้องพึ่งผู้หญิงสวยเอ็กซ์เป็นสีสัน

แน่นอนบทบาทสายลับนี้ ก็ส่งให้ “แมต เดมอน” ที่สวมวิญญาณ “เจสัน บอร์น” 3 ภาครวด โดดเด้งจนเป็นสัญลักษณ์ที่ยากจะลืมเขาได้ แม้ว่าจะมีภาคใหม่ออกมา (เจเรมี เรนเนอร์ นำแสดง) แต่ว่า “แมต เดมอน” กับการเป็นสายลับติดดิน (อืม!!! แถมสูญเสียความทรงจำด้วยนะ) ดูราวจะเป็นคนเดียวกันไปแล้ว

ยอดชายสายลับ

อีธาน ฮันท์ สายลับไร้เงา

เคยเป็นซีรีส์ดังทางโทรทัศน์ (ปี 1966-1973) ภายใต้ปฏิบัติการสายลับ Impossible Missions Force (IMF) จากบทที่เขียนขึ้นโดย “บรูซ เกลเลอร์” ผ่านไปอีกยาวนาน กว่าจะมีการนำมาปัดฝุ่นทำเป็นภาพยนตร์ แล้วก็สมใจภาคแรก ปี 1996 ก่อนทยอยส่งภาคต่อๆ มา ปี 2000 ปี 2006 ปี 2011 ล่าสุด M:I 5 ก็มีแพลนว่าจะทำ โดยวางตัว “ทอม ครูซ” มารับบท “อีธาน ฮันท์” เช่นเดิม

ปฏิบัติการสายลับ “อีธาน ฮันท์” ค่อนข้างมีคาแรกเตอร์ชัด แต่มักถูกเมินเฉยใส่ดั่งคนไร้เงาหรือไร้ตัวตน โดยเฉพาะจากต้นสังกัด ถึงอย่างนั้นเมื่อต้องโชว์แมนเขาก็ไม่ยอมพลาด ขอโชว์แมนขาดใจไปข้างจนชนะใจชาวเอ็มไอทั่วโลก

ภาคหลังๆ ตัวตนแท้จริง “อีธาน ฮันท์” มักดูลึกลับ ถูกปกปิดจากเขาเอง ประมาณเกรงภรรยาจะรู้ว่าเป็นใคร ขณะเดียวกัน การเป็นคนไร้เงาไร้ตัวตนก็ยิ่งชัดเป็นทวี เมื่อเขาไม่ได้รับการสนับสนุนให้ทำงาน นั่นก็ไม่เท่ากับยังถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ก่อการร้าย (น่าเจ็บใจจริงๆ )

ยอดชายสายลับ

 

เหตุนี้จึงนำไปสู่ชนวนแห่งความขัดแย้ง และการขอพิสูจน์ตัวตนอีกครั้งในฐานะสายลับที่เปี่ยมไปด้วยน้ำยาและความสามารถ หาใช่สายลับแพะรับบาปที่ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ

ถ้าพูดถึงความเก่งกาจแล้วละก็ “อีธาน ฮันท์” ก็ใม่เป็นรองใคร แต่ที่เด่นๆ คือ เขาเด้งออกมาในแง่เทคนิคแพรวพราวและเหนือชั้น จำได้มั๊ยอ่ะ ฉากไต่ตึก ฉากห้อยโหน ทว่า ที่ไม่เคยลืมเลือนง่ายๆ ในความทรงจำแฟนๆ ก็เห็นจะไม่พ้น การโรยตัวในท่าที่โคตรเท่จนเป็นที่กล่าวขวัญว่า “อีธาน ฮันท์” ไปหัดวิชาตัวเบามาจากสำนักไหนในเมืองจีน (อิอิ)

ด้านภาพลักษณ์ สายลับไร้เงาคนนี้ก็ค่อนข้างเน้นความทันสมัยไฮเทค เรียกว่าไม่เบา ชวนให้สาวๆ กรี๊ดดดดดได้ในทุกคราที่เห็นหน้า โปรยยิ้มของเขามีเสน่ห์ แล้วข้อดีอีกอย่างคือว่าเขาเจ้าชู้น้อยกว่าสายลับบางคน (555) ทั้งยังมีความมุ่งมั่นสูงจะลบล้างความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่อด้วยวิถีแมนๆ

สายลับแบบนี้ก็มีด้วย

จอห์นนี อิงลิช สายลับหน้าเป็น : ขายฮาลูกเดียว สายลับคนนี้ไม่หัวเราะก็ไม่ใช่เขาล่ะ “โรแวน แอทคินสัน” ตลกอัจฉริยะชาวเมืองผู้ดี พลิกมารับบทวายป่วงในหนังล้อ “เจมส์ บอนด์” Johnny English (ปี 2003) ต่อด้วย Johnny English Reborn (ปี 2011) โดยมีสโลแกนประจำตัวว่า เขาไม่รู้จักความกลัว ไม่แคร์ความตาย นั่นเพราะเขาไม่รู้อะไรเลย (555)

ออสติน พาวเวอร์ สายลับสุดเพี้ยน : ขายฮาแถมบ้าด้วย บ้าเข้าขั้นเพี้ยนไปแล้ว “ไมค์ เมเยอร์ส” รับบทเป็น “ออสติน พาวเวอร์” สายลับผู้เร้นกายในมาดแฟชั่นนิสตาตัวพ่อ ที่จะมาต่อกรกับ “ดร.อีวิลส์” (ก็ตัว ไมค์ เมเยอร์ส นั่นแหละ) เรื่องเต็มไปด้วยความอู้ฟู่เครื่องกาย มี 3 ภาค ฮาทุกภาค Austin Powers in Goldmember (ปี 2002) Austin Powers The Spy Who Shagged Me (ปี 1999) Austin Powers: International Man of Mystery (ปี 1997)