ฐิตินาถ ณ พัทลุง กับเข็มทิศชีวิตมั่งคั่ง
โดย...จตุรภัทร หาญจริง
โดย...จตุรภัทร หาญจริง
ผมจำได้ว่า ตอนปี 2547 ผมได้ตกหลุมรักหนังสือเล่มหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะตอนนั้นกำลังต้องการเนื้อหาประมาณนี้ กอปรกับรูปเล่มกำลังพอดี สี่สีทั้งเล่ม ทำให้ภาพประกอบภายในเล่มดูมีมิติ และทำให้เราได้ขบคิดไปตามภาพประกอบนั้นๆ ใช่แล้วครับ ผมกำลังพูดถึงหนังสือเล่มที่มีชื่อว่า “เข็มทิศชีวิต” เขียนโดย “ฐิตินาถ ณ พัทลุง”
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ผมก็ได้ตกหลุมรักเข็มทิศชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็น “เข็มทิศชีวิตมั่งคั่ง” หนังสือเล่มที่ต้องการให้เราสร้างความมั่งคั่งจากภายใน เพื่อส่งพลังให้เราสามารถสร้างความมั่งคั่งในโลกแห่งความเป็นจริงได้มากยิ่งขึ้น
ผมมีนัดพูดคุยกับฐิตินาถ (เธอเรียกแทนตัวว่า “ครูอ้อย”) ณ สถานที่สงบๆ แห่งหนึ่งใจกลางกรุง เธอเริ่มต้นบทสนทนาอย่างอารมณ์ดี
“จากที่ครูอ้อยทำงานกับผู้คนมาโดยตลอด ทำให้ครูอ้อยค้นพบว่าคนส่วนใหญ่มักจะมีความทุกข์อยู่ตลอดเวลา เหตุผลที่คนเป็นทุกข์เพราะไม่เข้าใจโครงสร้างว่าเส้นทางที่จะทำให้เรามีความสุขและความสำเร็จนั้นต้องทำอย่างไร”
นี่คงเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญที่ทำให้ฐิตินาถมีความปรารถนาอยากให้เพื่อนมนุษย์ได้ค้นพบความมั่งคั่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกๆ คน
“เรื่องของความมั่งคั่งไม่ได้ถูกสอนในระดับครอบครัวเลย กลับกลายเป็นว่าถูกสอนให้เชื่อในเรื่องของโชคลาภวาสนามากกว่าการสร้างความมั่งมั่ง อย่างคนรวย พ่อแม่เขาสอนวิธีสร้างความมั่งคั่งในโต๊ะอาหาร แต่ในระดับคนทั่วไป พ่อแม่กลับไม่ได้สอนเรื่องเหล่านี้ให้ลูกๆ เลย”
หากหนังสือเล่มนี้จะเป็นสิ่งทดแทนในสิ่งที่พ่อแม่ไม่เคยสอนให้กับเรา ฐิตินาถ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่จะทำให้พื่อนมนุษย์ได้เข้าใจคำจำกัดความของคำว่ามั่งคั่งอย่างถูกต้อง เพื่อที่จะทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างน่าอัศจรรย์
“คำจำกัดความของคำว่ามั่งคั่ง คือ คนที่ใช้ชีวิตตามศักยภาพของชีวิตตัวเอง ไม่ใช่ใช้ชีวิตตามข้อจำกัดทางด้านการเงิน เราทำในสิ่งที่เรารักและทำได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด เรามีชีวิตอย่างที่เราคู่ควรตามศักยภาพที่คนคนหนึ่งเกิดมาอย่างยอดเยี่ยม แต่ไม่ได้มีชีวิตตามข้อจำกัดทางการเงินว่า ฉันเรียนอันนี้ไม่ได้ ฉันทำงานที่ฉันรักไม่ได้ ฉันไปภาวนาไม่ได้ เพราะฉันมีปัญหาเรื่องการเงิน ความมั่งคั่ง แปลว่า เงินไม่ใช้ข้อจำกัดระหว่างตัวคุณกับสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคุณ”
ฐิตินาถเชื่อว่าทุกคนมีคนที่เรารัก มีคนที่เราอยากจะอยู่ด้วย มีสิ่งที่เราอยากจะทำ และมีสิทธิมีอิสระในการทำสิ่งที่เราอยากจะทำ มีปัญญา มีความสุข มีความอิ่มเต็มในชีวิต และอยากตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตได้อย่างคนที่มีความสุข
“คนทุกคนอยากมีชีวิตที่ดี มีสุขภาพที่ดี อยากทำอะไรอีกตั้งมากมาย แต่ก็ทำไม่ได้ ทำให้ครูอ้อยอยากรู้ว่า เขาอยากมีชีวิตที่ดี แต่อะไรเป็นข้อจำกัดของเขา พอไปดูเบื้องหลังของแต่ละคน ทำให้ได้รู้ว่า แต่ละคนมีความคิดที่ผิดหมดเลย เคยไหมที่เราถูกฝังหัวไว้ว่า เราทำสิ่งนี้ไม่ได้ สู้พี่ไม่ได้ สู้คนอื่นไม่ได้ สิ่งนี้มันเป็นคำพูดที่กดทับความทะเยอทะยานของเรามาตั้งแต่เด็ก ทำให้เราเติบโตมาแล้วตั้งหลักชีวิตผิดหมด จนกลายเป็นคนที่ไม่มีความทะเยอทะยาน เพราะกลัวคนอื่นมองเราในแง่ไม่ดี พระพุทธเจ้าบอกว่า เราทุกคนต้องมีฉันทะ นั่นคือความอยากทำในสิ่งที่ดี เรามีสิทธิที่จะอยากประสบความสำเร็จได้ และลงมือทำได้ด้วยการเปลี่ยนทัศนคติที่มีอยู่เดิมภายในจิตใจของเรา”
ฐิตินาถ ย้ำว่า โลกไม่ได้ต้องการให้เราแค่ใช้ได้ แต่โลกต้องการให้เราเป็นเลิศ และให้เราเป็นเยี่ยม “เราทุกคนมีส่วนที่ดีที่สุด เก่งที่สุด และไม่มีใครเหมือน โลกต้องการให้เราดึงสิ่งเหล่านี้ออกมาใช้ให้เกิดความมั่งคั่งให้ได้มากที่สุด ในเวลาที่โลกมอบโจทย์ชีวิตให้เรามา ขอเพียงเราอนุญาตให้ตัวเองได้ตั้งความคิด หรือตั้งเข็มทิศชีวิตให้ถูกต้อง แล้วเราจะค้นพบความมั่งคั่งที่งอกเงยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด”
หลังจากได้พูดคุยสนทนากับหญิงเก่งท่านนี้ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมค้นพบหัวใจสำคัญของหนังสือเล่มนี้ นั่นคือ การค้นพบความมั่งคั่งทั้งจากภายในและภายนอก “ถูกต้องค่ะ ความมั่งคั่งต้องมาจากภายในและภายนอก ภายในคือการคลี่คลายปมชีวิตในอดีต อะไรคือสิ่งที่พ่อแม่ทำแล้วล้มเหลวและตกทอดมาถึงเรา เราต้องสลัดมันออกไปจากตัว อะไรที่เราเกลียดในสิ่งที่พ่อแม่ทำ เราจะเผลอทำมันโดยไม่รู้ตัว จนกว่าจะเห็นมัน เข้าใจ ยอมรับ และให้อภัยมัน เราถึงจะหลุดจากมันไปจากตัวได้ ซึ่งมันจะส่งผลถึงความมั่งคั่งภายนอก ที่ทำให้เรารับมือกับความสำเร็จได้ อย่าลืมว่าการรับมือกับความล้มเหลวนั้นยาก แต่การรับมือกับความสำเร็จนั้นยากกว่า หากเรามีความมั่งคั่งจากภายใน เราจะอยากทำให้ชีวิตของตัวเองดีขึ้น ยอดเยี่ยมขึ้น โดยไม่หวั่นเกรงความล้มเหลว หรือหวาดกลัวที่จะทำอะไรเพื่อให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น จนถึงขั้นประสบความสำเร็จในชีวิต”
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากมีความมั่งคั่งทั้งจากภายในและภายนอก ขอเพียงปรับทัศนคติเดิมๆ ความเชื่อเดิมๆ ให้เกิดเป็นความอิ่มเต็มจากภายใน แล้วคุณจะค้นพบว่า คุณสามารถสร้างสรรค์สิ่งยิ่งใหญ่ได้ด้วยความภาคภูมิ โดยไม่มีความหวาดกลัว และนี่เป็นสิ่งที่ผมค้นพบจากหนังสือเล่มนี้ และผมก็อยากให้คุณได้ค้นพบไปพร้อมๆ กันด้วยครับ