เวนเกอร์ ต้องรับผิดเมื่อ"ปืนใหญ่"ไร้อานุภาพ
ว่ากันว่าหากอาร์เซนอลมีเจ้าของสโมสรที่ชื่อ โรมัน อับราโมวิช ป่านนี้ อาร์แซน เวนเกอร์ คงจะถูกตะเพิดจากเก้าอี้ผู้จัดการทีมไปนานแล้ว
ว่ากันว่าหากอาร์เซนอลมีเจ้าของสโมสรที่ชื่อ โรมัน อับราโมวิช ป่านนี้ อาร์แซน เวนเกอร์ คงจะถูกตะเพิดจากเก้าอี้ผู้จัดการทีมไปนานแล้ว
โดย...จาด้า
ทว่า ความจริงก็คือบารมีเก่ายังช่วยให้กุนซือชาวฝรั่งเศสอยู่ในตำแหน่งได้จนถึงตอนนี้ หลังจากที่ “เดอะ กันเนอร์ส” เพิ่งจะขายหน้าประชาชี ครั้งใหญ่ด้วยการตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึกแคปปิตอล วัน คัพ หลังแพ้จุดโทษต่อ แบรดฟอร์ด ซิตี ซึ่งเป็นเพียงแค่ทีมจากดิวิชัน 4 ของอังกฤษ
ผลจากการตกรอบถ้วยใบเล็กที่สุดของเมืองผู้ดีเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ทำให้เวนเกอร์ถูกวิจารณ์ยับจากทั้งคอมเมนเตเตอร์ แฟนบอล หรือแม้กระทั่งนักเตะเก่าของอาร์เซนอลเองอย่าง เอียน ไรต์ และ โทนี อดัมส์
จากที่เคยอยู่ในสถานะ “Untouchable” หรือพวกที่แตะต้องไม่ได้ ในแบบเดียวกับ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาวันนี้กลับมีแต่เสียงร้องเรียกให้อาร์เซนอลแยกทางกับโค้ชเลือดน้ำหอมรายนี้เสียที เผื่อว่าอะไรๆ จะดีขึ้นมาบ้าง
ศรัทธาที่หายไป
หากไม่นับเฟอร์กีแล้ว เวนเกอร์คือผู้จัดการทีมที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดในลีกสูงสุดของอังกฤษ นับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมเมื่อปี 1996 กุนซือชาวฝรั่งเศสพาอาร์เซนอลคว้าแชมป์ไปแล้ว 11 รายการ ซึ่งรวมถึงพรีเมียร์ลีก 3 สมัย และเอฟเอ คัพ อีก 4 สมัย
อย่างไรก็ตาม หนสุดท้ายที่ “ปืนใหญ่” ได้โทรฟี่มาเชยชมก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2005 ซึ่งพวกเขาเอาชนะ “ปีศาจแดง” ได้ในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ
“In Arsene We Trust” หรือ “In Wenger We Trust” “เราเชื่อในตัวเวนเกอร์” ซึ่งเรามักจะได้ยินหรือเห็นจากป้ายที่กลุ่มแฟนพันธุ์แท้นำมาให้กำลังใจโค้ชวัย 63 ปี เริ่มจะหาได้ยากขึ้นไปทุกทีๆ เพราะมันเริ่มจะแทนที่ด้วยเสียงโห่หรือป้ายขับไล่ให้เขาออกจากเก้าอี้
หากลองไปอ่านตามเว็บบอร์ดหรือบล็อกของสาวกเดอะ กันเนอร์ส รวมถึงโพลตามเว็บไซต์กีฬาต่างๆ จะได้ข้อสรุปว่า เสียงส่วนใหญ่เริ่มคล้อยไปในทางเดียวกันว่าอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งผู้จัดการทีม ไม่ว่าจะเป็นการโชว์สปิริตลาออกเองหรือสโมสรเป็นคนสั่งปลด
ขณะที่บ่อนรับพนันแบบถูกกฎหมายหลายแห่งของเมืองผู้ดี ก็ยกให้เวนเกอร์เป็นเต็ง 2 ในฐานะกุนซือพรีเมียร์ลีกคนต่อไปที่จะถูกเด้ง เป็นรองแค่ ไบรอัน แม็คเดอร์มอตต์ ของเรดดิง ซึ่งรั้งรองบ๊วยของตาราง เพียงคนเดียวเท่านั้น
ที่น่าสนใจก็คือตัวเต็งทั้งสองคนจะโคจรมาพบกันเองในเกมนัดมันเดย์ไนต์คืนวันพรุ่งนี้ และคงไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์หากจะมีใครต้องตกงานหากพบกับความปราชัย
ไม่ว่าจะถูกสับเละจากนักวิจารณ์ขนาดไหน แต่เวนเกอร์ก็ยืนกรานว่ายังไม่คิดถอดใจง่ายๆ เพราะเขาคือคนที่ต้องรับผิดชอบในการนำทีมกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งให้ได้
“งานของผมก็คือจะต้องมีความมุ่งมั่นและให้ความสำคัญกับสิ่งที่สำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือ ผมรักฟุตบอล รักสโมสรแห่งนี้ และผมก็ทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อสโมสร แต่ที่นอกเหนือไปจากนี้มันก็อยู่เหนือการควบคุมของผม” เวนเกอร์ กล่าวก่อนนำลูกทีมเผชิญหน้ากับเรดดิง
ดีแต่ขาย
แฟนบอลส่วนใหญ่ฟันธงว่า สาเหตุหลักที่ทำให้อาร์เซนอลร้างราความสำเร็จมากว่า 7 ปี ก็เป็นเพราะการขายซูเปอร์สตาร์ประจำทีมออกไป โดยที่ผู้เล่นใหม่ไม่สามารถจะทดแทนได้
ความจริงแล้วการจะพุ่งเป้าไปที่เวนเกอร์คนเดียวก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่แฟร์นัก เพราะอำนาจเด็ดขาดในการซื้อขายนักเตะอยู่ที่บอร์ดบริหารของสโมสร ทว่าในฐานะผู้จัดการทีมทำให้เขาหลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะมีส่วนในความรับผิดชอบที่ไม่สามารถรั้งผู้เล่นตัวหลักเอาไว้ในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดียม
ครั้งหนึ่งเวนเกอร์ได้รับการยกย่องว่าเป็น “นักปั้นมือทอง” ของวงการลูกหนัง จากผลงานการทำให้ผู้เล่นอย่าง ปาทริก วิเอรา, เอ็มมานูเอล เปอตีต์, เธียร์รี อองรี, นิโกลาส์ อเนลกา, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์, เชส ฟาเบรกาส, ซามร์ นาสรี และ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะชั้นแนวหน้าของโลกได้อย่างน่าชื่นชม
ทว่า น่าเสียดายที่รายชื่อข้างต้นส่วนใหญ่ไม่ได้ฝากอนาคตไว้กับสโมสร และย้ายออกไปในช่วงที่ยังเป็นกำลังสำคัญของทีม
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการขายสตาร์เหล่านี้นำรายได้อย่างงามมาให้สโมสร แต่น่าเสียดายที่นักเตะใหม่ที่เวนเกอร์นำเข้ามาในระยะหลัง กลับไม่อาจจะสร้างผลงานได้ดีอย่างที่กองเชียร์คาดหวัง ไม่ว่าจะเป็น อังเดร อาร์ชาวิน, มารูยาน ชามักห์, ลูคัส โพดอลสกี หรือ โอลิวิเยร์ ชิรูด์
นั่นเองที่ทำให้กระแสความไม่พอใจเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อผู้เล่นตัวเก่งที่ขายไปนั้นดันไปอยู่ในมือของคู่แข่งแย่งแชมป์ทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี, แมนฯ ยูไนเต็ด หรือเชลซี ทั้งๆ ที่สโมสรไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินจนถึงขั้นต้องขายนักเตะกิน
เมื่อถูกบี้เรื่องซื้อนักเตะดังมาเสริมทัพในช่วงเปิดตลาดฤดูหนาวบ่อยขึ้นเรื่อยๆ เวนเกอร์ก็ประชดว่า “เราจะซื้อ ลิโอเนล เมสซี ในเดือน ม.ค.นี้ และเราจะเซอร์ไพรส์พวกคุณ”
คอลูกหนังทุกคนต่างรู้ดีว่า อาร์เซนอลจำเป็นต้องซื้อผู้เล่นชั้นดีมาร่วมทีมในช่วงปีใหม่นี้ โดยสื่อเชื่อว่างบในการช็อปนักเตะน่าจะอยู่ที่ประมาณ 40-60 ล้านปอนด์ (ราว 2,000-3,000 ล้านบาท)
ขณะเดียวกันกับที่ต้องพยายามหานักเตะใหม่เข้ามา ภารกิจสำคัญอีกอย่างของกุนซือเจ้าของสมญานาม “เดอะ โปรเฟสเซอร์” ก็คือ การพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อรั้งผู้เล่นตัวหลักอย่าง ธีโอ วัลคอตต์ เอาไว้ให้ได้ ท่ามกลางความพยายามของเพื่อนร่วมลีกที่จ้องจะฉกเอาดาวเตะทีมชาติอังกฤษไปครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นลิเวอร์พูล, เชลซี, “ปีศาจแดง” หรือแม้แต่แมนฯ ซิตี ที่คว้าผู้เล่นของปืนใหญ่ไปแล้วหลายคน
ต้องมองไปข้างหน้า
ดูเหมือนว่าความสำเร็จเก่าๆ ของเวนเกอร์ จะทำให้การทำงานของเขายากขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะเป็นเรื่องธรรมดาที่แฟนบอลจะเอาผลงานในปัจจุบันไปเปรียบเทียบกับยุครุ่งเรือง โดยเฉพาะในช่วงที่พวกเขาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดไปครองด้วยสถิติไร้พ่ายในฤดูกาล 2003-2004 ซึ่งตอนนี้มี วิเอรา, เปอตีต์, อองรี และ โรแบร์ ปิแรส เป็นตัวหลัก
ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับปีนี้ซึ่งอาร์เซนอลออกสตาร์ตฤดูกาลได้เลวร้ายที่สุดในรอบ 18 ปี เมื่อเก็บชัยชนะได้แค่ 5 นัดจาก 15 นัดแรกในพรีเมียร์ลีก แถมยังแพ้ไปถึง 4 ก่อนที่จะกระเตื้องขึ้นมาด้วยการชนะ เวสต์บรอมวิช และขยับขึ้นมาอยู่ที่ 7 ของตารางหลังจบเกมนัดที่ 16
พอจะดีขึ้นมาหน่อยก็ดันมาสะดุดแพ้แบบช็อกโลกต่อแบรดฟอร์ดเข้าไปอีก และนั่นทำให้แฟนบอลบางกลุ่มอยากเห็นเวนเกอร์ออกจากตำแหน่งก่อนที่จะหมดสัญญาในเดือน มิ.ย. 2014
อย่างไรก็ตาม คงเป็นการเปล่าประโยชน์ที่จะนั่งย้อนคิดถึงคืนวันเก่าๆ เพราะสิ่งที่อาร์เซนอลต้องรีบทำในตอนนี้ก็คือ การแก้ไขปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งคนที่จะต้องรับบทหนักที่สุดก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเวนเกอร์ ที่จะต้องเรียกความมั่นใจและศรัทธาคืนมาจากทั้งนักเตะและแฟนบอล
ข่าวลือที่ว่ากุนซือชาวฝรั่งเศสแตกคอกับ สตีฟ โบลด์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยของเขานั้น ทำให้บรรยากาศในเอมิเรตส์ สเตเดียม อึมครึมยิ่งไปกว่าเดิม แต่ยังดีที่เวนเกอร์เลือกที่จะออกมาสยบข่าวดังกล่าว
ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นความจริงหรือแค่เป็นการนั่งเทียนเขียนเองของสื่ออย่างที่เวนเกอร์เชื่อ แต่เพื่อความเป็นเอกภาพของสโมสร นั่นคือสิ่งที่เขาสมควรทำไปพร้อมๆ กับต้องพยายามโน้มน้าวบอร์ดบริหารให้อนุมัติเงินมาซื้อนักเตะใหม่มากู้สถานการณ์ในช่วงปีใหม่นี้
ลิสต์ผู้เล่นที่มีข่าวว่าอาจจะย้ายมาเป็นขุนพล เดอะ กันเนอร์ส คนใหม่ก็มีทั้ง เฟอร์นานโด ยอเรนเต ดาวยิงแอทเลติก บิลเบา ที่เจ้าตัวก็ออกมาประกาศเจตนารมณ์แล้วว่าอยากย้ายมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก รวมถึง เดมบา บา (นิวคาสเซิล), มาติเยอ เดอบูชี (ลีลล์), นานี (แมนฯ ยูไนเต็ด), วิลเฟรด ซาฮา (คริสตัล พาเลซ), ราฮีม สเตอร์ลิง (ลิเวอร์พูล), แฟรงก์ แลมพาร์ด (เชลซี), คลาส แยน ฮุนเตลาร์ (ชาลเก) และเด็กเก่าอย่าง อองรี
นอกจากการหานักเตะใหม่เสริมทีมแล้ว อาจจะต้องมีความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของแท็กติกด้วย เพราะสไตล์การเล่นสวย เน้นเกมบุกนั้นไม่ได้การันตี 3 แต้ม และนั่นก็เป็นโจทย์สำคัญที่เวนเกอร์จะต้องนำไปขบคิดและแก้ปัญหาการใช้โอกาสเปลืองของลูกทีมให้ได้ เพราะไม่ใช่แค่อันดับในลีกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเข้ารอบลึกๆ ในศึกเอฟเอ คัพ และยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ที่ต้องอาศัยทีเด็ดทีขาดมากกว่าที่เป็นอยู่ด้วย
ทว่า ท่ามกลางช่วงเวลาที่ย่ำแย่ตอนนี้ก็ยังพอจะมีข่าวดีให้ได้ชื่นใจบ้างเมื่อ แจ็ก วิลเชียร์, อารอน แรมซีย์ และ อเล็กซ์ ออกซ์เลดแชมเบอร์เลน 3 แข้งอายุน้อยพร้อมที่จะฝากอนาคตไว้กับสโมสร เช่นเดียวกับเวนเกอร์ที่ต้องการจะอยู่พิสูจน์ฝีมือกับทีมต่อไป
ส่วนตัวแล้ว ผู้เขียนมองว่าอาร์เซนอลน่าจะให้โอกาสเวนเกอร์อีกสักตั้ง แต่หากจบซีซันแล้วไม่มีพัฒนาการที่ดีขึ้น ก็คงถึงเวลาที่จะต้องแยกทางกันจริงๆ และปล่อยให้เป็น 16 ปีแห่งความหลังไป