posttoday

ออสซี โอเพน...ไม่มีที่สำหรับม้ามืด

13 มกราคม 2556

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นแกรนด์สแลมรายการใด ชื่อของตัวเต็งลุ้นแชมป์ชายเดี่ยวก็ไม่เคยหนีพ้นเหล่าขาประจำอย่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นแกรนด์สแลมรายการใด ชื่อของตัวเต็งลุ้นแชมป์ชายเดี่ยวก็ไม่เคยหนีพ้นเหล่าขาประจำอย่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์

โดย...จาด้า

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นแกรนด์สแลมรายการใด ชื่อของตัวเต็งลุ้นแชมป์ชายเดี่ยวก็ไม่เคยหนีพ้นเหล่าขาประจำอย่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์, โนวัก โจโควิช และ แอนดี เมอร์เรย์ รวมถึง “ออสเตรเลียน โอเพน 2013” ด้วย

แฟนลูกสักหลาดตัวยงคงเสียดายไม่น้อยที่ ราฟาเอล นาดาล นักหวดมือ 4 โลก ชาวสเปน พลาดโอกาสล่าแชมป์ที่เมลเบิร์น พาร์ก ระหว่างวันที่ 14-27 ม.ค.นี้ เนื่องจากไม่สามารถสลัดปัญหาบาดเจ็บที่หัวเข่าได้ทัน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสมาชิกบิ๊กโฟร์จะหายไปหนึ่งหน่อ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้การลุ้นแกรนด์สแลมแรกของปีลดความน่าสนใจลงไปแต่อย่างใด เพราะ โจโควิช ก็ยังมีลุ้นแชมป์ 3 ปีซ้อน, เฟเดอเรอร์ ก็ยังมีโอกาสได้ชูโทรฟีเป็นสมัยที่ 5 ขณะที่ เมอร์เรย์ ก็หวังจะได้เฮในทัวร์นาเมนต์นี้เสียที

ออสซี โอเพน...ไม่มีที่สำหรับม้ามืด

 

เช่นเดียวกับการแข่งขันของสาวๆ ที่จะว่าไปแล้วน่าติดตามกว่าประเภทชายเดี่ยวเสียอีก เนื่องจากมีนักหวดหลายคนที่มีศักยภาพพอที่จะกระชากแชมป์มาจาก วิกตอเรีย อซาเรนกา

แฮตทริกแชมป์?

โจโควิช จะได้จารึกชื่อในหน้าประวัติศาสตร์ของศึกออสเตรเลียน โอเพน หากเขาป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ เพราะนั่นหมายความว่า เขาจะกลายเป็นคนแรกในยุคโอเพน (นับตั้งแต่ปี 1968) ที่ชนะเลิศทัวร์นาเมนต์นี้ 3 สมัยติดต่อกัน

ก่อนหน้านี้อดีตมือ 1 โลกหลายคน ทั้ง อิวาน เลนเดิล, จิม คูเรียร์, อังเดร อกัสซี และ เฟเดอเรอร์ เคยคว้าแชมป์ 2 ปีซ้อน แต่พอจะลุ้นแฮตทริกก็เป็นอันฝันสลายเหมือนกันหมด

อย่างไรก็ตาม นักหวดอารมณ์ดีจากเซอร์เบีย คงไม่หวั่นเรื่องอาถรรพ์พวกนี้ เพราะเขาคือผู้เล่นบนฮาร์ดคอร์ตที่ดีที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แถมความมั่นใจยังเต็มเปี่ยมจากการคว้าตำแหน่งมือ 1 โลก เมื่อจบฤดูกาลติดต่อกันเป็นสมัยที่ 2

“ผมรู้สึกว่านี่คือจุดที่ทุกคนต้องเริ่มต้นใหม่หมด เพราะฉะนั้นผมจึงไม่ได้มองว่าตัวเองจะอยู่ในสถานะที่กดดันกว่าคนอื่นๆ ผมเจอกับสถานการณ์และความกดดันในการป้องกันแชมป์รายการสำคัญๆ มาหลายครั้งแล้ว ด้วยเหตุนี้ผมจึงรู้ว่าความรู้สึกมันเป็นยังไง และผมต้องทำตัวยังไง” โจโควิช กล่าว

นักเทนนิสวัย 25 ปี ซึ่งจะประเดิมรอบแรกด้วยการพบกับ ปอล อองรี มาติเยอ จากฝรั่งเศส ถือว่าโชคดีอยู่ในสายที่ค่อนข้างเบา เมื่อเทียบกับสายล่างที่มีทั้ง เฟเดอเรอร์, เมอร์เรย์, โจ-วิลเฟรด ซองกา และ ฮวน มาร์ติน เดล โปโตร

โจโควิช ซึ่งเป็นอดีตแชมป์ปี 2008, 2011 และ 2012 เชื่อว่าการที่กูรูเทนนิสส่วนใหญ่ฟันธงว่าแชมป์ไม่น่าจะพ้นมือบิ๊กโฟร์ ถือเป็นความคิดที่ผิดถนัด เพราะว่ามีหลายคนที่มีโอกาสเป็นตัวสอดแทรกสร้างเซอร์ไพรส์ได้เช่นกัน ซึ่งรวมถึง ดาวิด เฟร์เรร์ มือ 4 ของรายการ ชาวสแปนิช และ โทมัส เบอร์ดิช มือ 5 จากเช็ก ที่อยู่สายบนร่วมกับเขาด้วย

ในการแข่งขันแกรนด์สแลม 8 รายการหลังสุด โจโควิช ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ถึง 6 ครั้ง และก่อนเดินทางมาไล่ล่าความสำเร็จที่เมลเบิร์นปีนี้ เขาก็ได้เดินทางไปพักผ่อนชาร์จแบตให้กับตัวเองที่มัลดีฟส์ ซึ่งเจ้าตัวเชื่อว่าจะช่วยให้พร้อมเต็มที่ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ สำหรับการลุ้นแชมป์เมเจอร์ลำดับที่ 6 ในการเล่นอาชีพ

ออสซี โอเพน...ไม่มีที่สำหรับม้ามืด

 

แน่นอนว่า หากเป็นไปได้นักหวดเซิร์บคงภาวนาว่าขออย่าได้เจอกับแมตช์มาราธอนเหมือนปีที่แล้วอีก เพราะกว่าจะคว่ำ เมอร์เรย์ ในรอบตัดเชือกได้ก็กินเวลาไปกว่า 5 ชม. และในรอบชิงชนะเลิศเขาก็ต้องใช้เวลาถึง 5 ชม. 53 นาที กว่าจะสยบ นาดาล ลงได้สำเร็จ พร้อมกับสร้างสถิติเป็นนัดชิงดำแกรนด์สแลมที่ใช้เวลานานที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วย

โอกาสดีเพราะไม่มีความกดดัน

ผลพวงจากการคว้าแชมป์แกรนด์สแลมแรกของตัวเองในศึกยูเอส โอเพน 2012 ได้ทำให้ เมอร์เรย์ เป็นอิสระจากแรงกดดัน เพราะเขาได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าคู่ควรกับตำแหน่งผู้เล่นแถวหน้าของโลกอย่างแท้จริง

แม้จะยังเป็นแค่มือ 3 ของโลก แต่นักเทนนิสหนุ่มชาวสกอต ก็ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นคู่แข่งที่อันตรายที่สุดของ โจโควิช เหนือกว่า เฟเดอเรอร์ ที่มีดีกรีเป็นอดีตแชมป์ออสซี โอเพน ถึง 4 สมัย

ถ้าพูดถึงเรื่องความมั่นใจตอนนี้ เมอร์เรย์ ไม่เป็นสองรองใคร เพราะนอกจากแชมป์เมเจอร์แรกที่นิวยอร์กแล้ว เขายังคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2012 ที่กรุงลอนดอน ได้อีกต่างหาก ซึ่งผลงานที่โดดเด่นดังกล่าวทำให้เขาได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น OBE จากควีนอลิซาเบธที่ 2 ในวันปีใหม่ที่ผ่านมาด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น นักหวดวัย 25 ปี ยังป้องกันแชมป์บริสเบน อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่องก่อนศึกแกรนด์สแลมแรกของปี และนั่นน่าจะช่วยให้เจ้าตัวมีความฮึกเหิมก่อนพบกับ โรบิน ฮาเซ จากเนเธอร์แลนด์ ในรอบแรก

“เห็นได้ชัดว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา ผมทำได้ใกล้เคียงมาก แต่สุดท้ายก็มาตายตอนจบตลอด แต่ตอนนี้ผมทำได้แล้ว (คว้าแชมป์แกรนด์สแลม) ผมหวังว่าเมื่อผมอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นอีก ผมจะรับมือกับมันได้ดีขึ้น เพราะเวลาผมมีความกดดันน้อย ผมจะเล่นได้ดี” อดีตรองแชมป์ออสซี โอเพน เมื่อปี 2010-2011 กล่าว

การที่ได้ อิวาน เลนเดิล อดีตตำนานนักหวดเช็กมาเป็นโค้ช ทำให้ เมอร์เรย์ มีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด และช่วยให้เขากลายเป็นนักหวดชายจากสหราชอาณาจักรคนแรกในรอบ 76 ปี ที่คว้าแชมป์แกรนด์สแลมมาครองได้สำเร็จ

เลนเดิล ซึ่งเคยเป็นแชมป์เมเจอร์ที่แดนจิงโจ้ 2 สมัย ได้เข้ามาปรับแท็กติกและช่วยในเรื่องจิตวิทยาให้กับ เมอร์เรย์ เพราะก่อนหน้านั้นเขาเคยอกหักในรอบชิงแกรนด์สแลมหลายครั้งเช่นกันกว่าจะได้เฮในที่สุด

หากไม่มีอะไรพลิกโผแล้ว ตามเส้นทางของ เมอร์เรย์ น่าจะต้องไปตัดเชือกกับ เฟเดอเรอร์ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงก็น่าจะเป็นมวยที่ถูกคู่ เพราะดวลแร็กเกตในแมตช์ทางการกันมา 19 ครั้ง เมอร์เรย์ เหนือกว่าเพียงเล็กน้อย คือ ชนะ 10 แพ้ 9

ออสซี โอเพน...ไม่มีที่สำหรับม้ามืด

 

แก่แต่ยังเก๋า

จริงๆ แล้ว เฟเดอเรอร์ ก็ไม่ได้อายุเยอะอะไรมากมาย แต่เมื่อเทียบกับคู่ปรับหน้าเดิมๆ ของเขาอย่าง นาดาล, โจโควิช และ เมอร์เรย์ ที่อายุ 25-26 ปี ก็ทำให้นักหวดสวิส ดูแก่ไปโดยปริยาย

ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ด้วยหรือเปล่าที่ทำให้ “เฟดเอ็กซ์” ในวัย 31 ปี ตัดสินใจพักการแข่งขันในทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่องทุกรายการ เพื่อให้ร่างกายสดและพร้อมสำหรับการลุ้นแชมป์ออสเตรเลียน โอเพน เป็นสมัยที่ 5

ปีที่แล้วยอดนักหวดชาวสวิส คว้าแชมป์วิมเบิลดันไปครอง ซึ่งถือเป็นแกรนด์สแลมลำดับที่ 17 และนั่นทำให้กลับมาครองบัลลังก์มือ 1 โลกในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ โจโควิช จะเร่งเครื่องแซงกลับมาทวงตำแหน่งคืนได้สำเร็จ

“ผมตั้งใจที่จะไม่เล่นในทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่อง เพราะผมอยากให้ตัวเองสดตั้งแต่เริ่มรอบแรก หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผมจะเข้ารอบลึกๆ ได้ เพราะนั่นคือเป้าหมายของผม” เฟเดอเรอร์ กล่าว

คุณพ่อลูกแฝดจะลงเล่นแกรนด์สแลมเป็นรายการที่ 53 ติดต่อกัน และเขาก็มีโอกาสที่จะทำลายสถิติ 56 รายการของ เวย์น เฟอร์ไรรา จากแอฟริกาใต้ได้ไม่ยาก หากว่าไม่มีปัญหาบาดเจ็บรบกวน โดยคู่ต่อกรในรอบแรกที่เมลเบิร์น พาร์ก ของเขาในปีนี้ คือ เบอร์นัวต์ แปร์ มือรองบ่อนจากฝรั่งเศส

เฟเดอเรอร์ เชื่อว่าตำแหน่งแชมป์ชายเดี่ยวปีนี้คงไม่พ้นมือของท็อป 3 ของโลกเหมือนเดิม เพราะหากไม่นับ เดล โปโตร นักหวดร่างโย่งชาวอาร์เจนไตน์ ที่ได้แชมป์ยูเอส โอเพน 2009 แล้ว แชมป์แกรนด์สแลม 31 รายการหลังสุด ตกอยู่ในมือของ โจโควิช, นาดาล, เฟเดอเรอร์ และ เมอร์เรย์ ซึ่งถือเป็นจตุรเทพของวงการเทนนิสในยุคนี้อย่างแท้จริง

เป้าหมายมีไว้พุ่งชน

อาจจะไม่ใช่แชมป์เก่าหรือมือ 1 โลกในประเภทหญิง แต่สื่อและร้านพนันถูกกฎหมายต่างก็พร้อมใจกันยกให้ เซเรนา วิลเลียมส์ เป็นเต็งหนึ่งที่จะได้ชูโทรฟีที่เมลเบิร์น พาร์ก ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นักหวดสาวชาวอเมริกัน เป็นผู้เล่นที่โชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงที่สุดในช่วง 6 เดือนสุดท้ายของปีที่แล้ว เพราะหลังจากที่พลิกล็อกพ่าย วีร์กชินี ราซซาโน ซึ่งตอนนั้นเป็นมือ 111 ของโลก จนตกรอบแรกเฟรนช์ โอเพน 2012 แบบช็อกโลก เซเรนา ก็กลับมาแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่ เพราะ 36 นัดหลังสุดของปี เธอแพ้ไปแค่นัดเดียว

หลังจากที่คว้าแชมป์วิมเบิลดันแล้ว วิลเลียมส์ ผู้น้องก็ซิว 2 เหรียญทองโอลิมปิก “ลอนดอน 2012” ทั้งประเภทเดี่ยวและหญิงคู่ ร่วมกับ วีนัส พี่สาว

เท่านั้นยังไม่พอ เธอซิวแชมป์ยูเอส โอเพน เป็นแชมป์แกรนด์สแลมหญิงเดี่ยวรายการที่ 15 (หญิงคู่ได้ไปอีก 13 รายการ) ก่อนที่จะปิดฉากฤดูกาลด้วยการชนะเลิศศึกดับเบิลยูทีเอ ทัวร์ แชมเปียนชิพส์ ด้วยการต้อน มาเรีย ชาราโพวา มือ 2 ของโลกอย่างขาดลอย

หาก เซเรนา คว้าแชมป์ออสเตรเลียน โอเพน ไปครองได้ เธอจะกลับไปครองมือ 1 โลกทันที ทว่ากว่าจะไปถึงจุดนั้นก็มีแนวโน้มว่าเธออาจจะต้องเผชิญหน้ากับแชมป์เก่าและมือ 1 โลก คนปัจจุบันอย่าง อซาเรนกา ตั้งแต่รอบรองชนะเลิศ

นักหวดวัย 31 ปี ซึ่งจะประเดิมรอบแรกด้วยการเจอ เอดินา กัลโลวิตส์ฮอลล์ จากโรมาเนีย ตั้งเป้าที่จะคว้าแชมป์แกรนด์สแลมครบทั้ง 4 รายการในปีนี้ หรืออย่างน้อยก็ติดต่อกัน หลังจากที่เธอทำได้ 2 รายการในช่วงครึ่งปีหลังที่ผ่านมา

ออสซี โอเพน...ไม่มีที่สำหรับม้ามืด

 

“สำหรับฉันแล้ว มันเป็นเรื่องที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฉันหวังเอาไว้แน่นอน” เซเรนา ซึ่งเป็นอดีตแชมป์ออสซี โอเพน 5 สมัย (2003, 2005, 2007, 2009, 2010) กล่าว

สงครามนางฟ้าภาค 2?

ปีที่แล้ว อซาเรนกา คว้าแชมป์แกรนด์สแลมจาก‌การเข้าชิงเป็นครั้งแรกที่เมลเบิร์น ด้วยเหตุนี้จึงไม่‌ต้องสงสัยเลยว่า การกลับมาลงแข่งขันที่นั่นอีกครั้ง‌จะมีความหมายกับเธอมากเพียงใด

นักหวดสาวชาวเบลารุส ถล่ม ชาราโพวา ไป‌แบบสบายมือในรอบชิงชนะเลิศ ที่ว่ากันว่าเป็น‌เหมือนสงครามนางฟ้ากลายๆ เพราะทั้งคู่ถือเป็นผู้‌เล่นที่มีหน้าตาสะสวยชนิดที่เป็นนางแบบได้สบายๆ ‌(แถมยังชอบตีไปร้องกรี๊ดไปเหมือนกันอีกต่างหาก)

ปีนี้ อซาเรนกา อยู่คนละสายกับ ชาราโพวา ‌และนั่นหมายความว่าโอกาสเดียวที่ทั้งคู่จะได้ดวล‌แร็กเกตกันก็คือนัดชิงดำ แต่กว่าจะมองไกลไปถึง‌ตรงนั้น มือ 1 โลกคนปัจจุบัน อาจจะต้องพยายาม‌ผ่าน เซเรนา ให้ได้ก่อน เพราะสถิติที่พบกันมา 12 ‌ครั้ง นักหวดสหรัฐเป็นฝ่ายคว้าชัยถึง 11 หน

“ฉันอยากจะชนะให้ได้ทุกครั้งที่พบกัน ไม่ว่าจะ‌เป็นที่ไหน แต่ฉันไม่ได้รู้สึกถึงความกดดันเป็นพิเศษ‌ในฐานะแชมป์เก่า” อซาเรนกา ซึ่งจะพบกับ โมนิกา ‌นิคูเลสคู ในรอบแรก กล่าว

ขณะที่ ชาราโพวา มือ 2 ของโลก และเป็นอดีต‌แชมป์รายการนี้เมื่อปี 2008 จะอยู่ร่วมสายเดียวกับ ‌แอกเนียสกา รัดวานสกา นักหวดฟอร์มฮอตจาก‌โปแลนด์ ซึ่งเพิ่งจะคว้าแชมป์ในทัวร์นาเมนต์อุ่น‌เครื่อง 2 สัปดาห์ซ้อน ที่โอ๊กแลนด์และซิดนีย์ แถม‌ยังทำสถิติชนะ 9 นัดรวดในปีนี้ โดยที่ไม่เสียเซตด้วย

สาวสวยชาวรัสเซีย อาจจะไม่ได้ลงชิงชัยในราย‌การอุ่นเครื่องใดๆ เนื่องจากปัญหาบาดเจ็บเล็กๆ ‌น้อยๆ ที่รบกวน แต่เธอยืนกรานว่าสภาพร่างกาย‌ตอนนี้ฟิตสมบูรณ์พอที่จะไล่ล่าแชมป์แกรนด์สแลม‌รายการที่ 5 ในการเล่นอาชีพแล้ว

นอกเหนือจากฝีมือและดวงที่ต้องมีมาควบคู่กัน‌แล้ว สิ่งหนึ่งที่นักเทนนิสทุกคนจะต้องมีหากหวัง‌คว้าแชมป์ออสเตรเลียน โอเพน ก็คือความอึด ‌เพราะสภาพอากาศที่ร้อนระอุกว่า 40 องศา‌เซลเซียส ในคอร์ตที่เมลเบิร์น พาร์ก นั้น อาจจะ‌เป็นปัจจัยสำคัญที่จะตัดสินว่าใครจะได้ชูโทรฟีใน‌ท้ายที่สุดด้วย