posttoday

คุณพ่อยอดนักเอเยนซี เกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน

27 มกราคม 2556

เจ้าพ่อแห่งวงการอีเวนต์ เกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ

เจ้าพ่อแห่งวงการอีเวนต์ เกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ

โดย...จอยฟูล ซีเล็คชัน

เจ้าพ่อแห่งวงการอีเวนต์ เกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ หรือ “พี่หมอก” ของพี่ๆ น้องๆ ในวงการ ผู้ที่ตอนนี้ยังยิ้มปลื้มกับการจัดอันดับจากนิตยสารอีเวนต์ชื่อดังของสหรัฐ Special Events Magazine ที่จัดอันดับอินเด็กซ์ฯ เป็นบริษัทอีเวนต์อันดับ 7 ของโลก

“อินเด็กซ์ฯ เป็นบริษัทไทยบริษัทเดียวที่ติดอยู่ในท็อปเทนของโลก เราพิสูจน์ฝีมือและสร้างสรรค์ผลงานที่ไม่แพ้ใครในระดับเวิลด์คลาส ยกระดับอีเวนต์ไทยสู่มาตรฐานสากลจนเป็นที่ยอมรับ ขณะที่รายได้ก็เพิ่มขึ้นจาก 72 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 87 ล้านเหรียญสหรัฐ” พี่หมอก เล่า

นอกจากอันดับดีๆ ในวงการเอเยนซีโลก อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ยังประสบความสำเร็จอย่างงดงามจากการจัดละครเวทีเรื่องล่าสุด “แม่เบี้ย” ที่กวาดทั้งกล่องและรายได้อย่างท่วมท้น ซึ่งพี่หมอกก็เล่าให้ฟังว่า ละครทำด้วยใจรัก ทำด้วยความสนุก ละครเวทีที่คนทำตั้งใจปล่อยของเต็มที่ การตอบรับดีมาก และคนทำ (ละคร) ก็มีความสุข

แผนงานในอนาคต จึงมีละครที่อินเด็กซ์ฯ เตรียมจะโชว์ฝีไม้ลายมือให้เต็มเหนี่ยว เป็นหนังผีคอมมิดีเทคนิคแน่น ต่อจากนั้นก็จะเป็นละครเวทีฟอร์มยักษ์ “โหมโรง” ที่แฟนๆ รอชมได้ในอีกไม่นานเกินรอ ส่วนวันนี้ขอฉายในมุมของยอดคุณพ่อ ครอบครัวที่อบอุ่นประกอบด้วย 3 คน พ่อแม่ลูก พี่หมอกและภรรยา สวรรยา กับลูกสาวคนสวย จิดาภา กาญจนะโภคิน

จิดาภา หรือน้องมาย อายุ 21 ปี ปัจจุบันเรียนการออกแบบและตกแต่ง ที่เซนต์มาร์ติน ประเทศอังกฤษ คุณพ่อ เล่าว่า น้องมายไปเรียนอังกฤษตั้งแต่เด็ก อยู่อังกฤษมา 7 ปีแล้ว เลือกเรียนด้านออกแบบก็เพราะชอบทางนี้จริงๆ ตอนนี้เรียนอยู่ปี 3 ซึ่งก็ดูๆ อยู่ว่า จบแล้วจะเรียนต่อปริญญาโทเลย หรือจะเลือกทำงานก็สุดแล้วแต่ ครอบครัวนี้ให้อิสระทางความคิดและการตัดสินใจเต็มที่

“ลูกไปใช้ชีวิตและเรียนหนังสือที่อังกฤษ พ่อแม่ก็ได้ไปเยี่ยมบ้าง ส่วนใหญ่ก็จะไปทุกปี ขับรถออกไปนอกเมืองกัน ทางใต้ของลอนดอนสวยและอากาศก็ดี ถือเป็นช่วงเวลาของครอบครัว หรือบางปีก็ไปไกลๆ เช่น อียิปต์” พี่หมอก เล่า

พี่หมอก เล่าต่อว่า ลูกสาวสนิทกับคุณแม่ คุยและปรึกษากันในเกือบทุกเรื่อง ครอบครัวสนิทกัน โดยพี่หมอกเองนั้นก็เกิดและเติบโตมาในครอบครัวที่สนิทสนมกันมาก พี่หมอกเลือกทางเดินด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ชีวิตของใครก็ของคนนั้นที่ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง จึงเห็นความสำคัญในเรื่องนี้

“เรื่องไปเรียนอังกฤษนี้ ก็ลูกสาวเองที่เป็นคนขอ เป็นคนตัดสินใจอยากไปเรียน ตัวเขาไปเรียนซัมเมอร์ต่างประเทศบ่อยๆ ทั้งที่สิงคโปร์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ก็มีความรู้สึกคุ้นเคย แต่ตอนจะไปไกลถึงอังกฤษนี้ ใจหายเหมือนกัน” พี่หมอก เล่า

ตอนที่ใจหายมากที่สุด คือ ตอนส่งลูกไปเมืองนอก ตอนนั้นน้องมายอายุ 13-14 ปี ลูกคนนี้ไม่ค่อยร้องไห้ แต่ตอนไปส่งเห็นลูกร้องไห้ ก็ชักจะใจเสียเหมือนกัน (ฮา) อย่างไรก็ตามเรื่องของพ่อลูกและครอบครัวนี้ ก็ดำเนินไปอย่างมีความสุข น้องมายปรับตัวได้และสนุกกับการเรียนที่อังกฤษ รออีกไม่นานคงได้กลับมาใช้ชีวิตและทำงานที่เมืองไทย จะอัจฉริยะเหมือนคุณพ่อหรือไม่ คงต้องคอยติดตาม