ฉอด & เอส คู่ลุยงาน-ลุยกินแห่งปี

05 มีนาคม 2556

เผยสัมพันธ์ ฉอด-สายทิพย์ กับ เอส- วรฤทธิ์ ที่เรียกได้ว่าเป็นคู่หูทั้งในเรื่องงานและเรื่องกิน

เรื่อง : จตุรภัทร หาญจริง / ภาพ : วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

จากคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ก็ได้มารู้จักกันผ่านทางกิจกรรมอันหลากหลาย (แต่ก็ไม่ได้รู้จักกันอย่างจริงจัง) จนกระทั่งแนวคิดของการทำธุรกิจของคนคนหนึ่งได้บอกเล่าผ่านใครหลายคนจนเข้าหูคนคนหนึ่ง ซึ่งมีความรู้สึกว่าคนคนนี้น่าสนใจดี นี่จึงเป็นการเดินทางมาบรรจบกันอย่างถูกคน ถูกที่ และถูกเวลา ของ ฉอด-สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (สายธุรกิจสื่อ) บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และ เอส-วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย กรรมการผู้จัดการ เอ-ไทม์ ทราเวิลเลอร์, Executive Producer/Production House แล้วความสัมพันธ์ของทั้งสองคน...ก็ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว

"คุณเอสเป็นคนที่ละเอียดมาก"
ฉอด-สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา

“ตอนคุณเอสเป็นดารา มาร่วมกิจกรรมกับคลื่นอาร์วีเอส (ก่อนจะมาเป็นอีเอฟเอ็ม) เวลามีกิจกรรม เขาก็มาร่วมกิจกรรมกับทางคลื่นของเราบ่อย แล้วคุณเอสก็มีพี่ๆ ที่ซี้กันอยู่ที่นี่ด้วย ก็เลยได้รู้จักเขามาเรื่อยๆ

พอดี เมื่อ 5 ปีที่แล้ว พี่กำลังมีโปรเจกต์ใหม่ คือ เอ-ไทม์ ทราเวิลเลอร์ แล้วพี่เห็นคนที่ซี้กับคุณเอสเขามาเปรยๆ ให้ฟังว่า คุณเอสสนใจอยากทำรายการ และเขาก็มีหัวทางด้านธุรกิจ ประกอบกับคุณเอสเป็นนักแสดงที่ชีพจรของเขาลงเท้าอยู่ตลอดเวลา ถ่ายละครทั้งใกล้ทั้งไกล ทั้งในและนอกประเทศ เลยทำให้พี่มีความสนใจในตัวเขาเป็นพิเศษ พี่ก็เลยชวนเขาทำ ซึ่งเขาก็หลวมตัวมาทำกับเราในที่สุด (หัวเราะ)

จากโปรเจกต์ เอ-ไทม์ ทราเวิลเลอร์ เขาก็ทำได้ดีมาก จนมาถึงซีรีส์ คลับฟรายเดย์ ที่นำเอาเรื่องราวจากรายการคลับฟรายเดย์มาทำเป็นซีรีส์ 12 ตอน ซึ่งต้องขอบอกว่าคุณเอสเขาก็ทำได้ดีมาก ไม่น่าเชื่อว่าคนเบื้องหน้าจะทำงานเบื้องหลังได้ดีขนาดนี้ แม้จะส่งเทปก่อนออกอากาศแบบหวุดหวิดมาหลายเทปแล้วก็ตาม (หัวเราะ) แต่เขาก็ทุ่มเท เช้ายันเช้าเพื่องานนี้ได้ ตอนนี้จบซีซันที่หนึ่งแล้ว กำลังจะขึ้นซีซันที่สอง พร้อมกับโปรเจกต์ใหม่ที่เขารับผิดชอบอีกงานหนึ่งนั่นคือ ซิตคอมดีเจเอ-ไทม์ ซึ่งก็เป็นโปรเจกต์ที่เราทำกันด้วยความสนุก เหนื่อยแต่สนุก จะออนแอร์ในเดือน เม.ย.นี้ พร้อมกับซีรีส์ คลับฟรายเดย์ ซีซันที่สอง ทางกรีนแชนแนล

ถามว่าเป็นห่วงเขามั้ย ก็เป็นห่วงเขานะ เพราะเขาต้องทำทุกสิ่งอย่าง รวมทั้งต้องดูแลคนอีกมากมาย แต่ในมุมมองของพี่ พี่เชื่อมือคุณเอสนะ เพราะคุณเอสเป็นคนที่ละเอียดมาก ขอย้ำว่ามากจนเรารู้สึกว่า ไม่ต้องเยอะมากขนาดนี้ก็ได้ (หัวเราะ) แต่สิ่งที่พี่ได้จากคุณเอส พี่ได้ความสดใหม่ในวิธีคิดของคนรุ่นใหม่อย่างเขานะ อย่างพี่ พี่ทำงานมานาน เวลาคุณเอสเขานำเสนอมุมมองใหม่ๆ ก็ทำให้เราได้อะไรจากมุมมองของเขามาปรับใช้กับวิธีการทำงานของเรา เวลาเขาท้วงติงความคิดของเรา เราก็ได้ฟังในสิ่งที่เขานำเสนอ เพราะความละเอียดของเขา ทำให้เราต้องหยุดฟัง พี่ว่าการทำงานมันเป็นการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

ฉอด & เอส คู่ลุยงาน-ลุยกินแห่งปี

เวลาเห็นคุณเอสเครียดๆ จากการทำงาน หรือเขาเห็นเราเหนื่อยกับงาน กับทุกสิ่งอย่าง คุณเอสจะชวนพี่ตะลุยกิน เพราะฉะนั้นกิจกรรมที่เราสองคนทำร่วมกันมากที่สุด นอกเหนือการการทำงาน ก็คือการกินนี่แหละค่ะ เราสองคนจึงสรรหาของกินกันได้ไม่หยุดหย่อน ข้างถนนก็กินกันได้ อย่างบางทีเหนื่อยๆ เราขับรถไปพัทยาเพื่อกินข้าวมื้อเดียวแล้วก็กลับ เราคิดว่าการกินเป็นการระบายออกที่ดีได้อย่างหนึ่ง สังเกตได้จากหุ่นของคุณวรฤทธิ์ (หัวเราะ)

เราเป็นคู่ลุยงาน คู่ลุยกิน นับๆ ดู เราทั้งคู่ต่างทำงานร่วมกันวันหนึ่งเกือบ 20 ชั่วโมง เจอกันตอนเช้า เลิกงานก็เกือบตีหนึ่งตีสอง จนบางทีรู้สึกว่าใช้เวลาอยู่ด้วยกันเยอะไปแล้ว ควรจะแยกกันอยู่บ้าง (หัวเราะ)”

"สำหรับพี่ฉอด การกินเป็นเรื่องใหญ่เสมอ"
เอส-วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย

“ตอนที่ผมได้รับเชิญให้ไปร่วมกิจกรรมต่างๆ ของคลื่นอาร์วีเอส ผมยังไม่รู้จักว่าพี่ฉอดคือใคร (หัวเราะ) คือผมรู้จักพี่ๆ ทีมงานเอ-ไทม์ นัดเจอ นัดกินข้าวกันบ่อย พอซี้กันมากเข้า ก็เริ่มมีการปรึกษากับพวกพี่ๆ ว่า อยากทำรายการบ้างจะต้องทำยังไง พอพี่ฉอดรู้เรื่องนี้ แกเลยนึกขึ้นได้ว่ากำลังมีโปรเจกต์เอ-ไทม์ ทราเวิลเลอร์ แกเลยทาบทามให้ผมมารับผิดชอบโปรเจกต์นี้ ซึ่งหลังจากนั้นเราก็ได้ร่วมงานกันอย่างจริงจัง

หลังจากตัดสินใจทำโปรเจกต์เอ-ไทม์ ทราเวิลเลอร์ จนทำแล้วอยู่ตัว ผมก็ได้รับโอกาสดีๆ จากพี่ฉอดให้ได้ทำซีรีส์คลับฟรายเดย์ จนมาถึงล่าสุด ซิตคอมดีเจเอ-ไทม์ ซึ่งทั้งสองโปรเจกต์นี้เป็นการลงมาทำจริงๆ ไม่ใช่เอาแค่ชื่อมาปะหน้าว่าเราทำ พอลงมาทำเต็มตัว ก็พยายามทำการบ้านให้หนัก ด้วยความที่อยากให้งานออกมาดีที่สุด ผมเลยต้องละเอียดทุกจุด

ปกติผมเป็นคนที่ชินกับการทำงานโดยไม่ได้วุ่นวายกับใครมากมาย แต่พอมาทำตรงนี้รายละเอียดเยอะ ดูแลคนเยอะ ทำให้เรารู้ซึ้งถึงหัวอกคนเบื้องหลังเลยว่า เหนื่อยหนักมาก แต่ก็สนุกดีครับ

กับการทำงานร่วมกับพี่ฉอด พี่ฉอดเป็นคนวางทิศทางการทำงาน แต่ระหว่างทาง เราทำงานร่วมกัน ช่วยกันคิด ช่วยกันออกความคิดเห็น ผมยกให้พี่ฉอดเป็นครู ผู้ซึ่งคอยสอนให้ผมหัดคิดในอีกมุมมองหนึ่ง ไม่ว่าจะงานเล็กงานใหญ่ก็ต้องหัดคิดในมุมที่แตกต่าง รวมทั้งการเป็นนักแก้ปัญหาที่เฉียบคมด้วย

ฉอด & เอส คู่ลุยงาน-ลุยกินแห่งปี

ส่วนเรื่องการกิน บอกได้เลยคำเดียวว่า สำหรับพี่ฉอดการกินเป็นเรื่องใหญ่เสมอ (หัวเราะ) คือเรารู้สึกว่าเราทำงานกันหนักมาก พอทำงานเหนื่อยๆ แล้วได้กินของอร่อยๆ ก็ทำให้เรารู้สึกดีเลยทีเดียว เมื่อก่อนพี่ฉอดไม่ค่อยไปกินที่ไหน เป็นพวกกินตามกอง กินข้าวกล่องที่เขาจัดให้ แต่เดี๋ยวนี้แกก็กินเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้นนะ ตั้งแต่ผมพาแกไปกินตามที่ต่างๆ ที่เห็นว่าแกน่าจะได้ไปกิน (หัวเราะ)

ยอมรับว่าทุกวันนี้ เราสองคนคุยกันเยอะมาก ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องงานเป็นหลัก แต่ก็มีบ้าง ที่พี่ฉอดแกจะเมาท์เรื่องคนอื่นให้ฟัง รู้มั้ยว่าแฉแต่เช้า มีที่มาจากฉอดแต่เช้านะ (หัวเราะ) จริงๆ แล้วภาพที่เห็นว่าเป็นพี่สาวอบอุ่นใจดีในคลับฟรายเดย์ หรือพิธีกรมาดนิ่งในรายการคืนพิเศษคนพิเศษ แกสร้างภาพ (หัวเราะ) พูดเล่นนะครับ จริงๆ แกเป็นพี่สาวที่ใจดี และเป็นหญิงแกร่งคนหนึ่งของวงการบันเทิงครับ”

Thailand Web Stat