"ขำๆ300ล้าน"ล้อมวงฮากับ4เกลอพี่มาก...พระโขนง

15 เมษายน 2556

มุขตลกโคตรขำ พลิ้วไหว เหมาะเจาะลงตัว จนผู้ชมพร้อมใจมอบตำแหน่ง “จอมขโมยซีน” ให้อย่างปราศจากข้อกังขา

เรื่อง...อินทรชัย พาณิชกุล / ภาพ...วิศิษฐ์ แถมเงิน

เพราะกระแสปากต่อปาก ไลค์ต่อไลค์ แชร์ต่อแชร์ ทำให้ภาพยนตร์โรแมนติกคอมมิดีเรื่อง “พี่มาก...พระโขนง” ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นถล่มทลาย

ทุนสร้างเพียง 65 ล้านบาท ล่าสุดโกยรายได้ทะลุ 300 ล้านไปเรียบร้อยแล้ว ทำเอา โต้ง-บรรจง ปิสัญธนะกุล ผู้กำกับ และคณะ ยิ้มแก้มฉีกอย่างคนมีความสุขที่สุดในโลก

แต่ที่หัวเราะเสียงดังกว่าใครเพื่อน หนีไม่พ้นก๊วนสี่เกลอ ฟรอย-ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์ เผือก-พงศธร จงวิลาส เชน-วิวัฒน์ คงราศรี และบอมบ์-กันตพัฒน์ เพิ่มพูนพัชรสุข

มุขตลกโคตรขำ พลิ้วไหว เหมาะเจาะลงตัว จนผู้ชมพร้อมใจมอบตำแหน่ง “จอมขโมยซีน” ให้อย่างปราศจากข้อกังขา

ว่ากันว่านี่คือตลกที่ฮาที่สุดแล้วในยุคนี้

\"ขำๆ300ล้าน\"ล้อมวงฮากับ4เกลอพี่มาก...พระโขนง

เคยคิดไหมว่าวันหนึ่งจะดังเป็นพลุแตก

บอมบ์ : นี่เราดังแล้วใช่ไหม (หัวเราะ)

เผือก : โหย เอาเป็นว่าแค่ได้เข้าวงการ ยังไม่คิดเล้ย (ทำเสียงสูง) ผมเป็นพนักงานบริษัทโฆษณา รับจ๊อบถ่ายโฆษณาบ้างนิดๆ หน่อยๆ แล้วก็ลางานมาเล่นหนังสี่แพร่ง ห้าแพร่ง จากนั้นก็ไหลมาเรื่อยจนถึงจุดนี้ ไม่ได้วางผงวางแผน ใฝ่ฝันอะไรเลย  

เชน : ส่วนผมเข้ามาวงการบันเทิงก่อนใครเพื่อน ก็เป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาไปวันๆ ไม่ได้หวังจะต่อยอดทางการแสดงไปเล่นหนัง เล่นละครอะไรมากมาย ตอนนี้ก็ยังทำงานประจำเป็นดีเทลขายยา

บอมบ์ : ผมเริ่มจากไปออดิชันร้องเพลง ไม่รู้นะ ตัวผมเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าโด่งดังอะไร ยังเหมือนเดิม แต่เพียงว่าหนังที่เราเล่นมันคงจะเป็นที่ตอบรับจากหลายๆ คนที่ชื่นชอบ

ฟรอย : ผมไม่ได้มีความคิดอยากจะดัง อยากมีชื่อเสียงอะไรอยู่แล้ว ทำแล้วแฮปปี้ คิดแค่อยากสนุก แล้วอยากให้คนดูสนุก มีความสุขด้วยเท่านั้นเอง เดี๋ยวนี้ไปไหนคนก็เรียกสี่เกลอ ไม่ก็เรียกไอ้เต๋อ เพราะเค้าติดภาพเรา จำเราได้ในคาแรกเตอร์นั้นไปแล้ว ก็ขอบคุณครับ

ที่เล่นเข้าขากันนี่ เพราะอะไร

“เคมี ... เคมีล้วนๆ” ทั้งสามหน่อตอบพร้อมกันเสียงดัง

เผือก : ครั้งแรกตอนเวิร์กช็อปหนังเรื่องสี่แพร่งก็รู้สึกแล้วว่านี่คือทีมเดียวกัน มันเข้ากันโดยที่เราก็ไม่รู้ว่าทำไม จริงๆ หนังเรื่องนี้เว้นวรรคไปด้วยซ้ำ ไม่ได้เจอกันตั้งนานเกือบ 3 ปี แต่แปลกตรงพอกลับมาร่วมงานกันในพี่มากพระโขนงมันแทบไม่ต้องเริ่มใหม่

บอมบ์ : ใช่มันต่อติดเลย รู้ทางกันหมดแล้ว

ฟรอย : จริงๆ นอกกองเราก็สนิทกันอยู่แล้วนะ ไม่ใช่ว่าสั่งแอ็กชันก็ค่อยแสดงว่าเป็นเพื่อนซี้กัน พวกเราสนิทกันจน ... (คิดนาน) จนไม่มีช่องว่าง ไม่ต้องวางตัวอะไรกันแล้ว (หัวเราะ)

\"ขำๆ300ล้าน\"ล้อมวงฮากับ4เกลอพี่มาก...พระโขนง

ใครๆ ก็บอกว่าแก๊งสี่เกลอเป็นตัวขโมยซีนของหนังเรื่องนี้ คล้ายๆ เบื้องหลังที่ทำให้หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ

เผือก : โห ไม่เลย

บอมบ์ : ไม่จริง

ฟรอย : (ส่ายหัว)

เชน : เค้าบอกว่าพวกผมเด่นมาก 4 คนที่เล่นเป็นเพื่อนพี่มากพระโขนง คิดง่ายๆ ว่าถ้าตัดส่วนดรามาที่ยอดเยี่ยมของโอ้ (มาริโอ้ เมาเร่อ รับบทพ่อมาก) กับใหม่ (ดาวิกา โฮร์เน รับบทแม่นาค) ออกไป แล้วมีแต่พวกผม หนังเรื่องนี้ก็จะเป็นแค่หนังตลกโปกฮาแบบตึ่งโป๊ะธรรมดาทั่วไป

จากความสำเร็จถล่มทลาย จนคนดูต้องจองตั๋วกันข้ามวัน อะไรคือ สูตรสำเร็จของหนัง

เชน : วิธีบอกต่อครับ คนที่ไปดูแล้วชอบก็บอกต่อเพื่อน ปากต่อปาก ใครไม่ดูคงรู้สึกเชย ตกกระแส

เผือก : ผมเคยคุยกับพี่โต้ง (บรรจง ปิสัญธนะกุล ผู้กำกับ) ว่าหนังเรา ถ้าเข้าไปดูแล้วฮาถือว่าเสมอตัว แต่ถ้าคนออกจากโรงแล้วแบบน้ำตานองหน้า นี่แหละหนังเราจะ Success ที่สุด ต้องยกเครดิตให้ 2 คนนั้นเลย พอมันจบซึ้งปุ๊บ คนดูก็จะเฮ้ย หนังตลกบ้าไรวะ ซึ้งอยู่แล้วน้ำตาไหลออกมา น้ำตาไหลแล้วกลับมาหัวเราะใหม่ มันกลายเป็นเซอร์ไพรส์ของคนที่มาชม มันลงตัวพอดี เป๊ะมาก

ฟรอย : เบื้องความความสำเร็จ เราต้องให้เครดิตทีมงานทุกคนครับ ทีมเวิร์กกองพี่มากพระโขนงนี่ถือว่าสุดยอด

ที่ผ่านมา ตำนานแม่นาคพระโขนง เมื่อจับมาทำหนังมักตีความในแง่ของหนังผี ความรัก แต่เรื่องนี้ดูมันแหวกแนวออกมาเลย รู้สึกยังไง

เผือก : ตอนแรกก็กลัวโดนด่า เรื่องภาษาวัยรุ่น ภาษาเด็กแนว มันต้องมีฟีดแบ็กทางลบแน่ๆ เพราะคนจะติดอารมณ์หนังเก่าแบบว่าเอาหนังในตำนานมาทำ แต่เชื่อใจพี่โต้ง เพราะว่าเขาต้องเอาอยู่

บอมบ์ : ตอนที่ประกาศออกมาว่าคนมารับบทพี่มากคือมาริโอ้ แม่นาคเป็นใหม่ ดาวิกา คนก็ด่ากัน เฮ้ย เอาฝรั่งมาเล่นทำไม แต่พอทุกๆ อย่างมันค่อยๆ เปิดเผยออกมา คนก็เริ่มรู้แล้วล่ะว่าเรากำลังจะทำอะไร

ฟรอย : ผมไม่กลัวโดนด่านะ หนังก็ยังคงความเป็นตำนานรักแม่นาคพระโขนงอยู่ คงเรื่องราวความรักอันงดงามระหว่างคนกับผี แต่เพียงแค่ครั้งนี้เล่าผ่านมุมมองของพี่มาก

โดยส่วนตัวผมอยากให้ทุกคนลืมทุกอย่างให้หมด อย่าไปจำภาพแม่นาคในครั้งที่ผ่านๆ มา อันนี้คือหนังพี่มากพระโขนง เป็นอีกหนึ่งมุมมองที่นำเสนอเรื่องราวที่แปลกใหม่ อยากให้มองภาพมุมกว้างมากขึ้น อยากให้ดูระหว่างทางของเรื่องนี้มากกว่า ว่าเรื่องราวความรักของทั้งคู่ดำเนินไปอย่างไร คนส่วนใหญ่จะรู้ว่าแม่นาคเค้ารอพี่มาก แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าพี่มากหายไปไหน ไปทำอะไรมา และมีความรักต่อกันขนาดไหน

\"ขำๆ300ล้าน\"ล้อมวงฮากับ4เกลอพี่มาก...พระโขนง

ประเด็นถกเถียงกันในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับเรื่องพูดคำหยาบมากเกินไปจนล้น มองเรื่องนี้ยังไง

เผือก : โห เรื่องนี้ผมอยากชี้แจงมาก เพิ่งเข้าไปอ่านในพันทิป จะบอกว่าเราไม่ได้พยายามยัดเยียดคำหยาบให้กลายเป็นนิสัยหลักของคนแน่ๆ แต่คำหยาบที่ปรากฏออกมามันคือรีแอ็กชัน สมมติว่าเราอยู่ในสถานการณ์คับขันมากๆ ผีจะมาบีบคออยู่แล้ว และอยู่กับเพื่อนสนิททุกคน ด้วยคาแรกเตอร์ของเผือกในเรื่อง ผมคงไม่ตะโกนว่า ตายแล้วครับเพื่อนๆ (เลียนเสียงสุภาพมาก) เพื่อนบอมบ์ เพื่อนเชนครับ ผีจะมาหักคอแล้วครับ มันไม่ใช่ ต้องมองจากความจริงด้วย เดี๋ยวนี้ ความเป็นจริง มันพูดกันหนักกว่านี้อีกนะ 

นี่คือวิธีการพูดของเพื่อนที่สนิทกัน ผมไม่ได้ไปพูดกับยายว่าเหี้ย ไม่ได้ไปพูดกับพระว่าเหี้ย เหตุการณ์มันสมเหตุสมผล แต่ผมรับคำตำหนินะ จะปรับลดในการแสดงครั้งต่อๆ ไป แต่ขอให้มั่นใจว่าพวกเราไม่ได้ยัดเยียดคำนี้โดยที่ไม่ได้คิดอะไร มันมีเหตุและผลของมัน

บรรยากาศกองถ่ายพี่มากพระโขนง เห็นว่าฮากันขี้แตกขี้แตน เต้นกังนัม ฮาเรมเชค อัพรูปลงอินสตาแกรมกันตลอด

บอมบ์ : ฮามาก เพราะมันมีระยะเวลาในการถ่ายทำเยอะ นี่อยู่กัน 2 เดือนครึ่ง เจอกันก็ป่วนๆ กันอย่างเนี้ย ทั้งพวกช่างหน้า ช่างอะไรต่อมิอะไรพวกเนี้ย ในกองเรามันจะมีแต่เรื่องความฮาๆ ตลอดเวลา

เผือก : ใช่ๆ โดยเฉพาะฟรอยที่คอยกระตุ้นให้เพื่อนไม่ง่วง มันมีความพิเรนทร์ของมันตลอดทั้งคืน ตีสามตี่สี่ก็ยังคึกอยู่ (ฟรอยพยักหน้าหงึกๆ) ที่สำคัญคือ กองเรามีนางเอกที่แบบ โห สวย น่ารัก ก็ชุ่มชื่นหัวใจนะเวลามากอง

มาริโอ้ขำไหม

บอมบ์ : อุ้ย ขำ

เชน : ตัวจริงน่ะขำมาก เป็นคนมุกเยอะ แพรวพราว แต่ว่าเขาไม่ค่อยได้เปิดเผยด้านนี้ให้ใครเห็น

ฟรอย : โอ้ไม่ใช่คนตลก แต่เป็นคนกวนตีน (ทั้งสามเกลอหัวเราะครืน) พวกผมพูดเก่งก็ชอบแหย่ ชอบแกล้งโอ้ แต่เห็นหล่อๆ หงิมๆ แบบนี้ โดนตอกกลับมาหน้าหงายเหมือนกันนะ (ยิ้มแฉ่ง)

\"ขำๆ300ล้าน\"ล้อมวงฮากับ4เกลอพี่มาก...พระโขนง

แล้วพี่โต้งล่ะเห็นนุ่มๆ นิ่งๆ แถมเป็นมือเขียนบทด้วย ตัวจริงฮาไหม

เผือก : ดาร์กนะ

เชน : ไม่ฮานะ

บอมบ์ : ดุ

เชน : ผมโดนจนนอยด์อะ ห่างจากการแสดงไปตั้ง 2 ปี กลับมายังหาทิศทางตัวเองไม่เจอว่าต้องเล่นประมาณไหน ลืม แล้วแบบไดอะล็อกมีอยู่ไดอะล็อกนึงเล่นไม่ได้ทั้งคืน พี่โต้งก็ด่าเสียเซลฟ์ไปเลยพักนึง

ยิ่งสนิทกันมากขึ้นเขายิ่งเห็นเราเป็นน้อง พูดได้บอกได้ เลยยิ่งแบบจะเฮี้ยบมากขึ้น กล้าด่าพวกเรามากขึ้น กล้าเคี่ยวพวกเรามากขึ้น เขามีจิตวิทยาที่ทำให้เราแบบตั้งใจทำงาน ไม่งั้นเราก็จะเล่นเละเทะไปหมด

ฟรอย : เวลาเล่น เวลาทำงานจริงจังมาก (ลากเสียงยาว) แกไม่ใช่ตัวยิงมุข เป็นคนเก็บมุข ผมสังเกตว่าแกชอบเสี้ยมให้คนเล่นมุขกัน แล้วแกก็บอกเฮ้ย มุขนี้ขอ มุขนี้เอา เหมือนมาช้อปปิ้งมุข เพื่อเอาไปใส่ในบท นี่เป็นสไตล์การทำงานแกเลย

ถ้าอยากเปลี่ยนบทบาท เปลี่ยนอิมเมจไปจากตรงนี้ อยากเล่นหนังแนวไหน บทยังไง

ฟรอย : ใจจริงก็ยังรักคาแรกเตอร์ตัวเองนะ ตลกๆ กวนตีนๆ แบบนี้ แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากลองเล่นแนวอื่นเหมือนกัน บทอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ตลก (หัวเราะก๊าก)

เผือก : ผมอยากนิ่งขึ้นครับ หลายเรื่องแล้วที่เล่นเยอะ บางทีเหนื่อย การที่ผมต้องกรี๊ด ตะโกนโหวกเหวกทั้งคืนมันเหนื่อยมาก แล้วซีนที่ไม่เห็นผม บางทีก็ต้องส่งอารมณ์เต็มให้เพื่อน ทั้งๆ ที่ไม่เห็นในกล้องก็ต้องตะโกน อยากจะเล่นนิ่งๆ บ้าง อยากเป็นบอมบ์ สบ๊ายสบาย

เชน : ผมอยากเล่นหนังรัก พูดเยอะๆ ลองดูจะได้พัฒนาตัวเอง อยากได้อะไรที่ดรามาบ้าง

บอมบ์ : ผมอยากเล่นบทยากๆ อยากร้องไห้ได้ คือปกติผมร้องไห้ยาก แล้วผมดูโอ้ มันแบบว่าผู้ชายบ้าอะไรวะร้องไห้แล้วออกมาเป็น 4 สายอะ น้ำตามันไหลพรากๆ คนเก่งเท่านั้นมันถึงสามารถทำได้

ปกติจะเห็นสี่เกลออยู่ในหนังตลก หนังผีเท่านั้น คิดจะเล่นแนวนี้ไปอีกนานไหม

เผือก : มันอาจจะเป็นเรื่องสุดท้ายที่เล่นหนังผีตลกก็ได้ เราเดินทางมาตั้งแต่สี่แพร่ง สี่แพร่งนี่คนไม่ได้คาดหวัง ไม่ได้รู้จักเราเลย แต่มันดันประสบความสำเร็จ ห้าแพร่งคือการต่อยอดของแก๊งนี้

เชน : ผมรู้สึกว่ามันพีกที่สุดแล้ว เรื่องพี่มากพระโขนง นี้มันอาจจะเป็นผีตลกเรื่องสุดท้ายแล้วก็ได้สำหรับพวกเรา ถ้าเป็นนักบอลก็คงแขวนสตั๊ดแล้วอะ

************************

\"ขำๆ300ล้าน\"ล้อมวงฮากับ4เกลอพี่มาก...พระโขนง

"โต้ง-ปิยะ ปิสัญธนะกุล"เบื้องหลังความสำเร็จพ่อมาก...ขา

“ผมติดใจการหยิบคนที่ไม่จำเป็นต้องเป็นซุปเปอร์สตาร์ขึ้นมา ตอนแรกในหนังเรื่องสี่แพร่ง ไม่มีใครคิดว่า 4 คนนี้น่าดูอะไร แต่พอออกฉาย โอ้โห คนชอบมาก

รู้สึกว่าเจ๋งดีที่เราไม่ต้องอาศัยคนที่เป็นตลกอาชีพ หยิบก็หยิบนักแสดงธรรมดาเนี่ยแหละ ไม่จำเป็นต้องใช้ดาราที่มีชื่อเสียง ดังที่สุดในประเทศ ใช้พวกเราเนี่ยแหละ ขอแค่เหมาะกับบท มีเสน่ห์แพรวพราวในแง่ความตลก

ในฐานะคนเขียนบท ผมชอบตลกที่มันกลมกลืนกับสถานการณ์ เรื่องนี้จะเห็นว่าไม่ค่อยมีฉากไหนที่มุกตลกโดดๆ ออกมา จะล้อไปกับสถานการณ์ แล้วก็อารมณ์ขันแบบเสียดสี จิกกัดนิดนึง เรื่องนี้บทโดดเด่นในแง่นั้น ความกวนตีน พูดแขวะไปแขวะมา กวนๆ อะไรแบบนี้
ในแง่คอมมิดี แน่นอน ความตลกอยู่ที่ 4 คนนี้ แต่แง่ความโรแมนติก ดรามา ทั้งใหม่และมาริโอ้ก็ขโมยหัวใจคนดูไปได้เยอะมาก หนังเรื่องนี้มีตัวนำ 6 คนไม่ใช่แค่ 2 คน หรือ 4 คน ทั้ง 6 คนเท่ากันหมด ผมเชื่อว่าทุกคนก็คิดอย่างนั้น คนดูก็จะคิดอย่างนั้น

ใช้เวลาเขียนบทหนังเรื่องนี้อยู่ปีครึ่ง รู้สึกว่าตัวเองกล้าเหมือนกัน แต่เราไม่เคยแวบไปกลัวเลย การทำงานแบบนี้ต้องกล้าอย่างเดียวเลยครับ ถ้าไม่กล้าเสี่ยงผลตอบรับก็จะกลางๆ แต่การที่กล้าแคสมาริโอ้ การที่กล้าใช้ภาษาสมัยใหม่ กลายเป็นว่าที่เราเสี่ยงไป มันคุ้มค่า
ผมเชื่อมั่นว่าผลลัพธ์สุดท้ายคนจะเก็ต คนดูสมัยนี้ก้าวไปข้างหน้าแล้ว ผมไม่เคยดูถูกคนดู ผมเชื่อว่าเค้าก้าวหน้ามามาก

ผลตอบรับตอนนี้ ปลื้มใจมากครับ การทำหนังเรื่องหนึ่งใช้เวลา 2 ปี แต่ตัดสินด้วยเวลาเข้าฉายแค่ 4 วันแรก ถ้ามันไม่เวิร์ก ทุกคนเฟลอยู่แล้ว การทำหนังมันเสี่ยงอยู่แล้ว มันจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้”  

Thailand Web Stat