เงียบ เรียบ นิ่ง จริงจัง ‘เดวิทย์ โตเทียมศรี’
ฉบับนี้พบและนั่งลงคุยกับหนุ่มลูกครึ่งไทยไต้หวัน “เดวิทย์ โตเทียมศรี” ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ แห่งรีสอร์ตสวย ร่มรื่น “ซี แซนด์ ซัน รีสอร์ท แอนด์ สปา พัทยา”
โดย...ณัฐพลศศิญากร / ภาพ ทาคิซาว่า
ฉบับนี้พบและนั่งลงคุยกับหนุ่มลูกครึ่งไทยไต้หวัน “เดวิทย์ โตเทียมศรี” ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ แห่งรีสอร์ตสวย ร่มรื่น “ซี แซนด์ ซัน รีสอร์ท แอนด์ สปา พัทยา” ผู้ผันตัวจากนักการโรงแรมในเมืองกรุงไปดูแลรีสอร์ตต่างจังหวัด แม้เจ้าตัวจะบอกอยู่ตลอดเวลาว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะทำงานด้านนี้เลย แต่ด้วยความเป็นคนรักการบริการและยิ่งทำไปเรื่อยๆ ก็เริ่มสนุกจนทำมาถึงทุกวันนี้
“สมัยเรียนมัธยมตอนเขาให้เลือกสาย ผมเลือกสายศิลป์คำนวณ เพราะรู้ว่าตัวเองไม่เก่งเลข พอเข้ามหาวิทยาลัยเลือกเกี่ยวกับการโรงแรมก็เพราะว่าเราถนัดเรื่องภาษา คิดว่าน่าจะไปประยุกต์ใช้กับการโรงแรมได้ ส่วนใหญ่ที่เลือกมาเป็นสิ่งที่ไม่ได้อยากทำเลย”
เมื่อจบปริญญาตรี เขาเริ่มทำงานที่บริษัทขายอุปกรณ์ด้านการบิน ตอนนั้นยังเป็นช่วงชีวิตที่เขากำลังค้นหาตัวเอง เหมือนกับเด็กจบใหม่หลายๆ คนที่ต้องเผชิญกับชีวิตช่วงนี้ ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจลาออกจากงานและเลือกที่จะไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศญี่ปุ่น ก่อนไปเรียนก็มีการเตรียมตัวโดยการเรียนภาษาญี่ปุ่น จนเริ่มพูดได้ในระดับหนึ่ง แต่สุดท้ายก็เข้ามหาวิทยาลัยที่ตั้งใจไว้ไม่ได้ เนื่องจากเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังจึงเข้าค่อนข้างยาก บวกกับวิชาที่เลือกนั้นคือวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นวิชาที่ค่อนข้างห่างไกลจากตัวเขา จึงไม่ได้มีความตั้งใจอยากจะเรียน และที่เลือกสาขานี้เพราะว่าเป็นวิชาอินเตอร์ สอนเป็นภาษาอังกฤษ
หลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่นไม่ได้เขาก็ตัดสินใจไปเรียนต่ออนุปริญญาโทที่เบอร์มิงแฮม คอลเลจ ออฟ ฟู้ด ที่ประเทศอังกฤษ โดยเลือกเรียนต่อเกี่ยวกับการโรงแรมใช้เวลาเรียนประมาณปีกว่า ขณะเรียนเขาได้ทำงานพิเศษเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ร้านอาหาร เนื่องจากได้รายได้ค่อนข้างดี ชีวิตที่นั่นส่วนใหญ่ก็ทำงาน เรียน และสลับกับการไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง
“เมื่อเรียนจบผมเริ่มทำงานที่แรกที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ที่นี่ให้อะไรผมหลายอย่าง ทั้งความรู้ ประสบการณ์ต่างๆ ตำแหน่งแรกที่ทำคือรีเซปชั่น จากนั้นก็ค่อยๆ ขยับตำแหน่งไปเป็นเซลส์ แมนเนเจอร์
ตอนทำงานนี้ผมยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบทำอะไรด้วยซ้ำ แต่นิสัยส่วนตัวผมเป็นคนขยัน เจ้านายสั่งให้ทำอะไรผมทำ และการที่ผมได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเพราะความพยายามของตัวเอง ผมเชื่อว่าเราทำอะไรได้มากกว่าตำแหน่งงานที่ทำ ด้วยประสบการณ์หลายๆ อย่างที่ได้สะสมมา พอรู้ว่าตำแหน่งเซลส์ว่างเลยลองไปสมัครดู... ผมมีความเชื่อในการทำงานว่า ถ้าเราทำดี ทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี พยายามไม่มีปัญหากับใคร อะไรยอมได้ยอม จนปลายปีได้รับตำแหน่งพนักงานดีเด่น” เขาเล่าอมยิ้มปลื้ม
เขาทำงานที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ได้เกือบ 6 ปี จึงตัดสินใจลาออก เพราะอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศมาลองดูแลรีสอร์ตต่างจังหวัด พอได้มาทำงานที่นี่ตอนแรกๆ ไม่คิดว่าจะอยู่ได้ แต่พอทำไปสักพักก็ทำให้เขาค้นพบตนเองว่า ไม่ชอบความวุ่นวาย ได้ชีวิตช้าลง มีเวลาให้กับตนเองมากขึ้น เวลาเราอยู่ในเมืองเรามักจะไม่ค่อยรู้ตัวเองเท่าไหร่ ก็หลงไปตามกระแส พอได้ลองใช้ชีวิตแบบนิ่งๆ มันเห็นถึงความแตกต่าง เป็นความสุขอีกรูปแบบหนึ่ง
เมื่อพูดถึงความแตกต่างระหว่างการดูแลโรงแรมในเมืองกับรีสอร์ต เดวิทย์ บอกว่า การดูแลโรงแรมในเมืองกับการดูแลรีสอร์ตต่างจังหวัดค่อนข้างแตกต่างกันมาก โรงแรมจะมีกฎค่อนข้างเข้มงวดให้พนักงานทุกคนต้องปฏิบัติตาม ง่ายสำหรับการควบคุมพนักงาน แต่รีสอร์ตค่อนข้างเป็นธุรกิจครอบครัว ไม่มีกฎเข้มงวดมากนัก ที่สำคัญทำงานที่นี่เขาเปลี่ยนมาทำหน้าที่เป็นผู้บริหารได้แสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ และต้องรักษาวินัยในการทำงานค่อนข้างมาก ไม่ทำอะไรที่ไม่ดีให้ลูกน้องเห็น ต้องมีสติในการทำงานมากๆ
“ผมคิดว่าถ้าเราได้ทำงานในสิ่งที่เราชอบมันน่าจะมีความสุข เรื่องเงินเป็นปัจจัยสำคัญก็จริง แต่บางทีอาชีพที่ทำแล้วได้เงินมากแต่เป็นอาชีพที่ทำแล้วไม่มีความสุข ผลลัพธ์ของงานคงออกมาไม่ดีนัก ซึ่งผมเข้าใจคนที่เขาต้องทำงานที่เงินมากๆ นะ
คนเรามีปัจจัยในชีวิตแตกต่างกัน แต่ถ้าชีวิตเรามีทางเลือก อยากให้เลือกทำในสิ่งที่รักแล้วพยายามขวนขวายหาความรู้ใหม่ๆ เพิ่มเติมอยู่เสมอ ยิ่งเป็นผู้บริหารผมว่ายิ่งจำเป็นต้องหาความรู้เพิ่ม อาจจะหาจากลูกน้องก็ได้ อย่าคิดว่าตนเองเป็นผู้บริหารแล้วจะรู้ไปหมดทุกเรื่อง หรือไม่ก็ออกไปข้างนอก หาประสบการณ์ใหม่ๆ ที่สำคัญผมอยากให้เราซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น ยิ่งตนเองยิ่งสำคัญ เริ่มต้นจากตัวเราแล้วสิ่งดีๆ จะตามมาเอง และอย่าลืมรักษาคุณธรรมไว้ด้วย”
หลายคนมักบอกกับเดวิทย์ว่า การทำงานของเขาคล้ายๆ กับการได้พักผ่อนไปในตัว แต่เขาไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลย ที่ “ซี แซนด์ ซัน” มองไปทางไหนเห็นงานทั้งหมด พอจะพักผ่อนก็รู้สึกแปลกๆ เพราะฉะนั้นถ้าจะพักผ่อนง่ายสุดของเขาคือกลับบ้านที่กรุงเทพฯ หรือไม่ก็ไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ เวลาไปต่างประเทศชอบไปดูสิ่งใหม่ๆ เผื่อเก็บมาพัฒนางานของเราได้
นอกจากนี้เขายังให้ความสำคัญกับการพักผ่อนด้วยเช่นกัน เขาบอกว่าเคยเห็นคนรู้จักที่มุ่งมั่นทำงานมากๆ จนไม่มีเวลาพักผ่อน ดูชีวิตไม่มีความสุขเลย “การทำงานกับการพักผ่อนต้องแบ่งให้ชัดเจน ในปีหนึ่งต้องมี 1-2 ครั้ง ต้องมีเวลาให้ตัวเอง ไม่อยากมาย้อนคิดทีหลังว่าทำไมตอนนั้นเราไม่มีเวลาพักผ่อนเลย ไม่ได้ไปในที่ที่อยากไป กินข้าวนอกบ้านวันหยุด หรือไปช็อปปิ้ง เดินเล่นในเมืองบ้างตามโอกาสครับ”
เรื่องราวของเดวิทย์
เดวิทย์ บุคลิกเงียบ ขรึม หน้าหวาน ดูใจดี พูดจาสุภาพ รักสงบและสันโดษ
เขาทำงานในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ซี แซนด์ ซัน รีสอร์ท แอนด์ สปา พื้นที่ 40 ไร่ สไตล์บาหลี คอนเทมโพรารี ดูแล 61 ยูนิต สปา ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในรีสอร์ตที่รายล้อมด้วยต้นไม้ร่มรื่น ถือเป็นรีสอร์ตหรูเงียบสงบแห่งเดียวย่านสัตหีบ
เขาจบมัธยมต้นจากเซนต์ดอมินิก และมัธยมปลายที่สาธิตประสานมิตร ช่วงนั้นได้ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา 1 ปี ส่วนมหาวิทยาลัยจบเอกด้านภาษาและการโรงแรม วิชาโทความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และศึกษาต่ออนุปริญญาโทที่เบอร์มิงแฮม คอลเลจ ออฟ ฟู้ด ประเทศอังกฤษ
ข้อคิดการใช้ชีวิตของเขาคือ “การทำงานควรจะทำสิ่งที่เราชอบ เงินสำคัญ...แต่ถ้าได้ทำสิ่งที่เราชอบน่าจะมีความสุขกว่า บางอาชีพเงินดีแต่ไม่ใช่สิ่งที่เรารัก เราจะทำได้ผลงานออกมาไม่ดีเท่าที่ควร อาจจะไม่ได้มีความสุข ถ้าเรามีทางเลือกได้ทำสิ่งที่รักก็เป็นสิ่งที่ดี”