พิจักขณา วงศารัตนศิลป์ เป็นนางเอกต้องดูดี
น้ำตาลพิจักขณา วงศารัตนศิลป์ หลายคนอาจจำเธอได้บ้างทางหน้าจอทีวี เพราะเธอฮอตถึงขั้นคว้างานพรีเซนเตอร์สินค้าโฆษณาถึง 9 ตัวในหนึ่งปี
โดย...นกขุนทอง ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน
น้ำตาล-พิจักขณา วงศารัตนศิลป์ หลายคนอาจจำเธอได้บ้างทางหน้าจอทีวี เพราะเธอฮอตถึงขั้นคว้างานพรีเซนเตอร์สินค้าโฆษณาถึง 9 ตัวในหนึ่งปี ทั้งฉายเดี่ยวและประกบนางเอกซุป’ตาร์ก็มีมาแล้ว แต่ตอนนี้ผู้คนอาจจะยังไม่รู้จักเธอมากนักเพราะงานโฆษณามาเดี๋ยวก็ไป แป๊บๆ คนก็ลืม
ทว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ชื่อของน้ำตาลจะขึ้นแท่นเป็นนางเอกช่อง 3 แถมยังประกบพระเอกเบอร์ต้นๆ ของช่อง นั้นคือ “เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์” ในละครเรื่อง “มัจจุราชสีน้ำผึ้ง” ของค่ายบรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น ที่มีกำหนดออกอากาศวันที่ 13 พ.ค.นี้
ก่อนหน้านี้น้ำตาลศึกษาที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) คณะศึกษาศาสตร์ ภาษาไทย (โครงการพิเศษ) แถมยังเป็นดาวคณะปี 2553 ด้วย เธอใช้เวลาวันหยุดเสาร์อาทิตย์ไปมาระหว่างกรุงเทพฯ กับเชียงใหม่ เพื่อรับงานโฆษณา แต่พอเคสติ้งผ่านได้งานละคร ชีวิตของน้ำตาลก็มาถึงจุดเปลี่ยน เธอต้องเลือก เพราะงานละครถ่ายเช้าถึงดึกอาทิตย์ละ 3 วัน 4 วัน จะเทียวไปเทียวมาเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว
เส้นทางที่ต้อง ‘เลือก’ และ ‘แลก’
ระหว่างความฝันอยากเป็น “ครู” กับนักแสดง ซ้ำยังก้าวกระโดดเป็น “นางเอก” เธอต้องเลือก!!
“คุยกับผู้ใหญ่หลายท่าน จะทำอย่างไรดี ต้องลาออกจากที่เรียน ฝันมาทั้งชีวิตอยากเรียน มช. น้ำตาลไม่อยากหลุดจากโครงการพิเศษด้วย เพราะฝันอยากเป็นครู ที่บ้านก็รับราชการหมด งานแสดงก็เป็นโอกาส แต่ถ้าบินไปกลับ อาจจะทำให้เสียทั้งสองอย่าง ในที่สุดก็เลือกย้ายมาเรียนมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา น้ำตาลคิดว่าการศึกษาไม่มีสิ้นสุด แต่การทำงานในวงการบันเทิงโอกาสดีๆ ไม่ได้มาบ่อยๆ ขอทำตรงนี้ก่อน”
เมื่อก้าวเข้าสู่งานใหญ่ แต่น้ำตาลยังใหม่ การแสดงก็ไม่เคยเรียนมา แถมวีรกรรมที่ผ่านๆ มาก็เอาดีทางด้านสปอร์ต เกิร์ล เรื่องแอ็กติ้งไม่สันทัด “ถูกส่งไปเรียนแคสติ้งค่ะ ยิ่งอ่านบทนางเอกเรื่องนี้ต้องร้องไห้ทั้งนั้นเลยจะทำยังไงดี แต่ได้เรียนเรื่องมุมกล้อง การทำความเข้าใจกับบทก็ช่วยให้เรามั่นใจขึ้น แต่พอมารู้ว่าพระเอกเป็นใคร ยิ่งตื่นเต้น (หัวเราะ) แค่วันฟิตติ้งก็ตื่นเต้นมาก พอมาเล่นจริงก็เกร็ง แต่พี่เคนน่ารักมาก ช่วยให้คลายความกังวลได้ แต่บทก็ไกลตัวน้ำตาลมาก น้ำตาลห้าวๆ สบายๆ สนุกสนานร่าเริง แต่นางเอกต้องถูกกระทำจากทุกคนรอบตัว ได้แต่เก็บกด ระบายออกด้วยการร้อง ซึ่งน้ำตาลร้องไห้ไม่เก่ง ครอบครัวเลี้ยงเราให้เป็นผู้หญิงเข้มแข็งมีเหตุผล ไม่ตัดสินคนอื่นด้วยคำพูด ไม่คิดมากกับคำพูดคน เมื่อเราทำดีแล้วก็ไม่รู้สึกกับอะไร”
เป็น ‘ทอม’ ก่อนเป็น ‘นางเอก’
น้ำตาลมีน้องชายคนเดียว และมีลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้ชายหมดเลย คุณพ่อเป็นตำรวจ ของเล่นวัยเด็ก ตุ๊กตุ่นตุ๊กตาเหรอน้ำตาลไม่รู้จัก อย่างน้ำตาลต้องปืนผาหน้าไม้เท่านั้น วันว่างก็ว่ายน้ำ เตะฟุตบอล โดดยางก็ไม่เค้ยไม่เคย
น้ำตาลเล่าย้อนถึงวัยกระโปรงบานขาสั้น “ตอนเรียน ม.2 ลองเป็นทอม (หัวเราะ) ตอนนั้นน้ำตาลเป็นนักฟุตบอลหญิงของโรงเรียน ซอยผมสั้น ก็มีคนมากรี๊ด ก็เลยลองเป็นทอมดู แต่เป็นไม่นานค่ะเพราะรู้สึกไม่ชอบ ไม่ใช่เรา”
ใครจะคิดว่าทุกวันนี้น้ำตาลจะสาวสวยได้เป็นถึงนางเอก แม้กระทั่งเจ้าตัวยังแทบจะไม่เชื่อเลย “ด้วยความที่เราคิดว่าไม่สวย ขาวแค่ตาเพราะตัวดำมาก น้ำตาลเล่นกีฬากลางแจ้งทุกอย่าง ซ้อมวิ่งเสร็จไปซ้อมฟุตบอล เสาร์อาทิตย์ไปเล่นเทควันโด เพราะอยากติดทีมชาติ กินข้าวเยอะ กินกล้วยกับน้ำผึ้ง ออกกำลังขา พอมา ม.5 อยากเป็นผู้กองต้องเท่แน่เลย ผู้ชายทั้งโรงพักมาทำความเคารพเรา จากว่ายน้ำธรรมดาก็ฝึกหนัก เคยอยากเรียนดนตรีไทย อยากตีขิมมาก สมัครหมดแต่ไม่ผ่าน สุดท้ายก็ได้แต่ฉิ่ง (ฉิ่งจริงๆ นะ) ฟ้อนรำก็อยาก น้ำตาลอยากรำอวยพร เห็นเวลาเปิดงานมีผู้หญิงมารำสวยๆ ก็ไปฝึก แต่ได้เป็นแค่ฟ้อนม้ง”
แต่พอขึ้นมัธยมปลายน้ำตาลเริ่มเรียนหนักขึ้น การกีฬาเลยน้อยลง เหลือวิ่งเพียงเอย่างเดียว ตัวเริ่มขาวขึ้น ประจวบกับไปดัดฟัน จากนักกีฬาก็เลื่อนขั้นมาเป็นเชียร์ลีดเดอร์และขยับมาถือป้ายนำ เป็นดรัมเมเยอร์ แววความงามเลยส่องประกายล่ะ!!
“เคยหนักสุด 68 กก. ก็ลดมาเรื่อยๆ ตอนเป็นเชียร์ลีดเดอร์เราต้องอยู่บนยอด แต่น้ำหนัก 55 ฐานไม่ไหวแน่ๆ ก็ลดจริงจัง ปกติเลิกซ้อม เคยกินก็ไม่กินแล้ว เต้นออกกำลังกายทุกสัดส่วน”
เป็นนางเอกต้อง ‘ดูดี’ หัวจรดเท้า
บุคลิกนิสัยความชอบ น้ำตาลยังเป็นเช่นเดิม ยังรักชอบเล่นกีฬากลางแจ้ง ชอบเที่ยวป่าเขาลำเนาไพร อยากโดดน้ำทะเล แต่พอวัยเข้าสู่มหาวิทยาลัยก็เริ่ม “รักสวยรักงาม” เพิ่มมาอีกอย่าง
“เพราะงานด้วยเลยทำให้ต้องดูแลตัวเอง ผิวพรรณก็ดูแลต้องประโคมครีมกันแดดเพราะดำง่ายมาก น้ำตาลต้องบังคับตัวเองให้ดื่มน้ำเยอะๆ ด้วยเพราะผิวแห้ง ตอนนี้หนัก 49 กก. ออกกำลังกายทุกวันตอนเช้า รับประทานอาหารเช้าปกติ หลังสี่โมงไม่กินแป้ง เวลาไปกองจะมีซุป มีผัดผักให้ แต่ก็กินนิดเดียว ฝึกตัวเองไม่ให้กินของจุกจิก เมื่อก่อนติดกาแฟ ต้องลดลงเรื่อยๆ จนหยุดแล้วไม่ติดเหมือนเดิม และพอหลังสองทุ่มงดอาหารเลย ถ้าหิวจริงๆ อนุญาตตัวเองได้แค่ฝรั่งหนึ่งชิ้น คิดถึงสมัยที่เล่นกีฬาต้องทำให้มีกล้ามเนื้อแขนขาต้องโด๊ปนั้นนี่ กินกล้วยทีหนึ่งหวี ตอนนี้เป็นของต้องห้ามเลย ว่ายน้ำก็ทำได้แค่เกาะขอบตีเท้าไปมา ไม่ใช่ตัว้นำตาลเลย (หัวเราะ)”
ถึงจะต้องดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดขนาดไหน น้ำตาลก็ยังมีความสุข เพราะสิ่งที่น้ำตาลทำเทียบกับนักแสดงคนอื่นๆ ถือว่ายังน้อย “คืนไหนมีถ่ายดึกมาก มื้อเย็นพี่ทีมงานก็ให้กินข้าวได้หนึ่งช้อน หนึ่งช้อนโต๊ะนี่แหละค่ะ (น้ำตาลย้ำ) กลัวไม่มีแรง แต่มื้อเช้ากลางวันปกตินะคะ ตอนเย็นเรานอนไม่ได้ต้องการอะไร ร่างกายต้องการพักผ่อน ส่วนสำคัญคือวิตามิน เพราะระยะเวลาการออกกำลังกายเราไม่มีเท่าคนอื่นเขา น้ำอัดลมก็งดไปเลยค่ะ พอทำไปเรื่อยๆ เราจะชินเอง รู้สึกของพวกนี้ไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่เข้าวงการคงไม่ได้ดูแลตัวเองขนาดนี้ น้ำตาลไม่ชอบอะไรที่ห้ามใจตัวเอง แต่จุดนี้ทำให้เรารู้จักดูแลตัวเองมากขึ้น”
นี่แหละ ‘น้ำตาล’ หวานซะไม่มี...
น้ำตาลพิจักขณา วงศารัตนศิลป์
เกิด 30 ส.ค. 2534
สูง 170 เซนติเมตร
ขอวัดสัดส่วนได้ 32-26-37
หุ่นดีแบบน้ำตาล ต้องไม่ผอมก้าง มีน้ำมีนวลบ้าง จะใส่เสื้อผ้าสวยได้ทุกแบบ
ขาวโบ๊ะแบบพึ่งการฉีดกลูต้าไธโอนก็ขอบาย เพราะฉีดยาแล้วทำกิจกรรมที่ชอบไม่ได้ ไปไหนต้องหลบแดดตลอด ขาดใจตายแน่เลย!
อยู่ตัวคนเดียวชอบเสื้อยืดสบายๆ กางเกงทะมัดทะแมง แต่ถ้าออกงานพบปะผู้คนน้ำตาลก็แปลงกายให้สวยเจิดได้ทันที
น้ำตาลจะดูรองเท้าก่อน ห้ามแตะเด็ดขาด และค่อยหาเสื้อผ้าที่เข้ากัน ทรงผมต้องเซตเป็นทรง ไม่ยอมปล่อยให้ชี้ฟู เพราะเป็นจุดดึงสายตาอันดับแรกๆ
เวลาซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า จะเลือกโทนสีกลางๆ ขาว ดำ น้ำตาล ครีม เพราะแมตช์ง่ายกับทุกสี
ไม่เน้นของใช้แบรนด์เนม แต่ก็มีบ้าง
ชอบใส่ต่างหูแบบติดหูมาก
สิ่งที่อยากทำตอนนี้ อยากเป็นนางเอกนักบู๊!!!