‘อยากเป็นครูผู้ให้’ กานต์กุลยา ฉิมพลีวนาศรม

12 พฤษภาคม 2556

นิสิตสาวสวยรูปร่างสูงโปร่ง เมเม่กานต์กุลยา ฉิมพลีวนาศรม วัย 21 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะครุศาสตร์ เอกมัธยมศึกษา

โดย...วราภรณ์ ภาพ : ภัทรชัย ปรีชาพานิช

นิสิตสาวสวยรูปร่างสูงโปร่ง เมเม่กานต์กุลยา ฉิมพลีวนาศรม วัย 21 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะครุศาสตร์ เอกมัธยมศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เห็นรูปร่างสูงชะลูดและมีความสวยงามแบบไทยๆ แบบนี้ เธอเคยเข้าประกวดนางงามและติด 1 ใน 20 เวทีประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ ปี 2013 มาแล้ว กานต์กุลยามีความใฝ่ฝันแรงกล้า อยากเป็นแม่พิมพ์ของชาติ เพราะได้ต้นแบบดีที่หล่อหลอมเธออยากเป็น “คุณครูผู้ให้” บ้าง


อยากเป็น ‘แม่พิมพ์’ ของชาติ

คติประจำใจที่กานต์กุลยาท่องไว้ในใจเสมอ คือ ไม่มีใครได้ทุกสิ่งดั่งใจหวัง ไม่มีใครพลาดหวังทุกครั้งไป ให้กำลังใจตัวเองทุกครั้งที่ไม่สมหวัง คิดเสียว่าวันนี้ไม่ใช่ของเรา แต่สักวันต้องเป็นของเรา ดังนั้นเราจึงไม่ควรคาดหวังอะไรมาก แต่ทำทุกช่วงเวลาให้ดีเพื่อไปสู่จุดนั้นให้ได้ ย้อนกลับไปในช่วงวัยเด็ก แม้เธอจะโตกลายเป็นสาวแล้ว แต่เป้าหมายในชีวิตเดิมที่ฝันไว้ตั้งแต่เด็กๆ ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเธอได้ต้นแบบที่ดี คือ คุณครูเมื่อครั้งเธอเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนตันตรารักษ์ พัทยา จ.ชลบุรี โรงเรียนเล็กๆ ตามวิถีพุทธจรรโลงศาสนา คุณครูจึงดูแลลูกศิษย์ได้อย่างทั่วถึง ตอนเป็นเด็กตัวน้อยหากเด็กหญิงกานต์กุลยาไม่เข้าใจวิชาไหนก็จะเข้าไปถามคุณครูที่สอนสั่งลูกศิษย์เหมือนลูกเหมือนหลาน นอกจากวิชาการที่คุณครูให้แล้ว ยังให้ความสามารถพิเศษที่ติดมากับตัว คือ การพูดภาษาอังกฤษ และสอนให้เธอมีท่วงท่าการรำไทยที่สวยงามมาตั้งแต่เด็กๆ

“หนูรู้สึกประทับใจ คือ คุณครูสนธิ ท่านรักลูกศิษย์มาก ท่านสอนลูกศิษย์ทุ่มเท ด้วยเป็นโรงเรียนเล็กๆ เด็กไม่ถึงพันคน คุณครูจึงสอนหนังสืออย่างทั่วถึง จนกลายเป็นความผูกพัน หนูเรียนที่นั่นตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยม 3 อายุ 12 ปี ตอนเด็กๆ หนูทำกิจกรรมเยอะมาก เช่น คุณครูผลักดันให้หนูเป็นผู้นำกล่าวสุนทรพจน์อังกฤษไทย เล่านิทานภาษาอังกฤษซึ่งหนูชอบมาก หนูตั้งใจเรียนมากทำให้ผลการเรียนดี เพราะสิ่งหนึ่งคือพ่อกับแม่ปลูกฝังให้รักการเรียน ตอนเด็กๆ แม่เล่าว่าแม่อยากเรียนหนังสือมากแต่ไม่ได้เรียน แต่แม่ก็มาเรียนจบปริญญาตรีเมื่อตอนอายุมากแล้ว แม่สอนหนูเสมอว่ามีหน้าที่เรียนก็ต้องตั้งใจเรียนไป”

เมื่อจบมัธยมต้น กานต์กุลยาต้องย้ายไปเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนชลกันยานุกูล ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัด และจบมัธยม 6 ด้วยเกรดเฉลี่ยสูงถึง 3.97

คุณครูที่ดีต้องทุ่มเท

อีกเพียงปีเดียว เธอจะศึกษาจบชั้นปีที่ 5 แล้ว เมื่อศึกษาจบเธอมุ่งมั่นที่จะเป็นครูที่ดี โดยเธอยึดหลัก คือ ครูไม่ได้เป็นแค่คนที่ให้ความรู้เท่านั้น แต่ต้องเป็นครูที่ปลูกฝั่งความดีงามให้ลูกศิษย์ด้วย เพราะเธอเห็นว่า สังคมเราคนเก่งอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเป็นคนดีด้วย โลกพัฒนาไปได้ก็จริง แต่คุณธรรมความดีจะเป็นตัวควบคุมให้คนนำความรู้ความสามารถไปใช้ให้ถูกให้ควร

“หากเราปั้นเด็กที่เก่งมาก เขาสามารถพัฒนาไปเป็นอาชีพได้ แต่เขาต้องคิดให้ได้ด้วยว่า สิ่งที่เขาทำ ไปทำร้ายคนอื่นหรือเปล่า หนูรู้ว่าเป็นสิ่งยาก แต่ก็เป็นสิ่งที่อยากทำ”

หากไม่มีอะไรผิดพลาด เทอมนี้ถ้าเธอสามารถคว้าเกรดเฉลี่ย 3.65 มาครองได้ ก็จะทำให้เธอเข้าใกล้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเข้าไปทุกที แต่หากใครถามถึงเคล็ดลับการเรียนให้ได้ดี เธอบอกอย่างถ่อมตัวว่าแค่ตั้งใจเรียนในห้อง กลับบ้านไปอ่านหนังสือทบทวน ก่อนสอบก็อย่าเครียด เห็นเกรดนี้แบบนี้ แต่เธอก็มีเล่นอินเทอร์เน็ตท่องเว็บไซต์อยู่เหมือนกัน แต่หลักที่ต้องยึดไว้เสมอ คือ รู้เวลา รู้หน้าที่ และรู้จักแบ่งเวลา

กิจกรรมในวัยเรียน

ไม่ใช่แค่การเรียนอย่างเดียวที่เธอโฟกัส กิจกรรมภายในรั้วมหาวิทยาลัยหลักๆ ที่เธอทำ คือ เป็นพิธีกรประจำของคณะคุรุศาสตร์ ซึ่งงานการพูดเธอถนัดและทำมาตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมต้น มัธยมปลาย งานพิธีกรงานใหญ่ที่ท้าทายความสามารถมากๆ คือ งานประชุมการศึกษานานาชาติ ซึ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมกันจัดกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ จากทั่วโลก ในงาน “เจนเนอรัล เอดูเคชั่น” การประชุมวิชาการด้านการศึกษา พิธีกรต้องใช้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษในการสื่อสาร

“ในงานมีพิธีกรทั้งหมด 5 คู่ หนูเป็นพิธีกรกับเพื่อนผู้ชายอีกคนหนึ่ง เวลาทำหน้าที่รู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเป็นงานใหญ่ กลัวพูดผิด ก็ต้องมีสมาธิ พิธีกรต้องรู้ลำดับขั้นตอนของงานทุกอย่าง ดังนั้นเราต้องมั่นใจ ถือเป็นงานที่ฝึกสมอง เพราะต้องแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้เสมอ” นั่นคือกิจกรรมในช่วงปี 3 แต่ช่วงเรียนปี 2 เธอรับหน้าที่เป็นเชียร์ลีดเดอร์ เต้นเป็นกลุ่มแบบตลกสนุกสนานที่เรียกว่า “เชียร์ปีศาจ” ซึ่งนิสิตที่จะทำหน้าที่นี้ได้ ต้องมีความขำ และกล้าแสดงออก

สำหรับกิจกรรมภายนอกมหาวิทยาลัย ด้วยความเป็นคนมีจิตอาสา เมเม่สมัครไปเป็นครูอาสาสอนภาษาอังกฤษให้กับตำรวจ เพื่อเตรียมพร้อมสู่การเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

“ทุกๆ วันศุกร์ เมเม่จะไปสอนภาษาอังกฤษให้กับตำรวจจราจร สอนแล้วสนุก สอนบทสนทนาง่ายๆ แทรกไวยากรณ์ สอนที่ สน.สุทธิสารช่วงบ่ายโมงได้ประมาณ 3 เดือนแล้ว มีนายตำรวจมาเรียนประมาณ 30 คนต่อคลาส เพราะเมเม่อยากนำความรู้ด้านภาษาอังกฤษไปให้ความรู้คนอื่น เพื่อเป็นประโยชน์กับสังคม เขาจะได้นำไปช่วยเหลือนักท่องเที่ยวได้ค่ะ”

Thailand Web Stat