เป้าหมายชีวิต...
วันนี้จะพูดเรื่องการคิดเป็นภาพชัดอย่างสร้างสรรค์ มีคนถามมาเยอะมาก ว่า ทำไมคนเราจะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าเราเป็นใคร รักอะไร อยากทำอะไรให้สำเร็จ มีผลกับการทำงานต่างๆ ในชีวิตของเราอย่างไร
โดย...ฐิตินาถ ณ พัทลุง [behappycompass@gmail.com] ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์
วันนี้จะพูดเรื่องการคิดเป็นภาพชัดอย่างสร้างสรรค์ มีคนถามมาเยอะมาก ว่า ทำไมคนเราจะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าเราเป็นใคร รักอะไร อยากทำอะไรให้สำเร็จ มีผลกับการทำงานต่างๆ ในชีวิตของเราอย่างไร
กระบวนการตั้งเป้าหมาย แบบมีภาพ เสียง และมีความรู้สึกของเราต่อเป้าหมายนั้น มีผลกับชีวิตของเราอย่างยิ่งและเป็นเรื่องที่เราพบกันอยู่ทั่วไป ในชื่อเรียกที่ต่างกัน ในองค์กร อาจเรียกว่า Strategic Planning การวางแผนเชิงกลยุทธ์และโครงสร้าง ศัพท์ทางจิตใต้สำนึก อาจเรียกว่า Creative Visualization การจินตนาการคิดอย่างสร้างสรรค์ และมีรายละเอียด ศัพท์ทาง NeuroLinguistic Programming (NLP) เรียกการตั้งเป้าหมายอย่างสมบูรณ์ คือ Well Formed Goals
การไม่ตั้งเป้าหมาย เปรียบเหมือนกับคนที่ไปยืนหน้าเคาน์เตอร์ขายตั๋ว แล้วบอกคนขาย ว่า เอาอะไรก็ได้ หรือบางคนอาจจะแค่บอกว่า ไม่ไปที่นั่น ไม่ไปที่นี่ คนขายก็อาจจะจัดตั๋วที่ไม่มีใครไปมาให้
ชีวิตนั้น ถ้าเราไม่กำหนด ชีวิตของเรา คนอื่นก็จะมากำหนดให้
การตั้งเป้าหมายในใจนั้น มีองค์ประกอบง่ายๆ คือ
เป็นเป้าหมายที่ระบุในเชิงบวก ที่ใจของเราสามารถเห็นภาพ เห็นสภาวะที่เราได้รับสิ่งนั้นได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่การตั้งในเชิงลบ เช่น เราจะไม่พูดว่า ไม่เป็นหนี้ แต่ไปให้ไกลกว่านั้น คือ มี
อิสรภาพทางการเงิน ไม่ใช่มีชีวิตตามข้อจำกัดทางการเงิน แต่มีชีวิตตามศักยภาพของตนเอง มองเห็นตัวเอง ได้ทำงานที่รัก มีความสุขกับงานทุกวันอย่างเต็มที่ ปล่อยพลังสร้างสรรค์ ลงมือทำสิ่งที่ควรทำ และมุ่งมั่นทำจนสำเร็จ ดูแลครอบครัวได้อย่างดีเยี่ยม เป็นไอดอลของลูกตัวเอง มีพลังพอหลังเลิกงานที่จะมีเวลาอบอุ่นกับครอบครัว รักกอด คุยกับครอบครัวโดยไม่รู้สึกว่ามีกำแพงบางๆ มากั้น
สร้างความสำเร็จของตนเอง อย่างเป็นอิสระจากรูปแบบความล้มเหลวหรือผิดพลาดทางการเงินในอดีตของพ่อกับแม่
มีความสัมพันธ์ รัก เข้าใจกันอย่างลึกซึ้งกับคู่ชีวิต เพราะมีศรัทธาในตัวเองและในตัวคู่ครองของตน แสดงความรักความเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง สื่อสารความรู้สึกได้อย่างไม่มีอะไรมากั้น ด้วยความเข้าใจกัน
มีชีวิตอย่างมีเป้าหมายที่ดีงามที่ไปเหนือกว่าตนเอง มีการแบ่งปัน และศึกษาเพิ่มปัญญาภายนอกและปัญญาภายในให้ตัวเอง มีความสงบสุขภายนอกและภายใน เป็นต้น
การตั้งเป้าหมายนั้น มีเงื่อนไข คือ
1.ระบุเชิงบวก
2.เป็นเป้าหมายของชีวิตเรา ไม่ใช่เป้าหมายให้คนอื่นเป็นอย่างใจเรา
3.เรามีและสามารถเข้าถึงทรัพยากรที่ทำให้เราสำเร็จได้
4.วัดผลได้อย่างชัดเจนว่า ในวันที่เราสำเร็จ เราจะเห็นภาพอะไร ได้ยินเสียงอะไรรอบตัว สภาพแวดล้อมของชีวิตด้านต่างๆ เป็นอย่างไร มีความรู้สึกอย่างไรในตนเอง
5.เช็กว่าไม่มีความขัดแย้งภายในใจของเรา ที่ไม่อยากให้เป้าหมายนี้สำเร็จ อาทิ บางคนอยากสอบเข้าทำงานที่หนึ่งได้ แต่ในใจลึกๆ กลัวว่า หากประสบความสำเร็จจะไม่เป็นที่รัก ใจส่วนนั้นจะดึงชะลอการประสบความสำเร็จ
เราอาจไม่เชื่อเลยว่า มีคนจำนวนมากใช้ชีวิตแบบลงโทษพ่อแม่ของตัวเอง เช่น ทำไม่สำเร็จเหมือนที่พ่อเคยทำไม่สำเร็จ ทำไม่สำเร็จเพื่อได้รับความสนใจจากพ่อแม่โดยไม่รู้ตัว ไม่เคยได้รับคำชมจากพ่อแม่เรียกร้องความสนใจด้วยการไม่สามารถรักษาความสำเร็จไว้ได้ ทำพลาดซ้ำรอยที่พ่อเคยทำ
เราทุกคนมีศักยภาพคู่ควรกับการมีความสุขประสบความสำเร็จ วันนี้ลองสำรวจภายในใจตัวเอง ว่า อะไรที่ฉุดดึงรั้งเราไว้จากความสำเร็จ
กลับไปทำความเข้าใจตัวเราและคนที่เรารักใหม่ สลัดหลุดออกจากวงจรซ้ำๆ ที่กลับมาในชีวิตเราด้วยความเข้าใจใหม่
มองเห็นภาพชีวิตที่เราต้องการอย่างชัดเจนในทุกมิติ แล้วกำหนดรู้อย่างชัดเจน ว่า ตอนนี้เราอยู่ที่จุดไหน มีทรัพยากรอะไร ต้องการเดินไปอยู่ที่จุดไหน เดินทางไปสู่เป้าหมายด้วยลีลาและความสะดวกสบายความสง่างามอย่างไร มองเห็นภาพคนที่จะได้รับประโยชน์จากการเป็นเราที่ยอดเยี่ยม เห็นใบหน้าแห่งความสุขของผู้คน เห็นเป้าหมายที่จะปรากฏในชีวิตในอีก 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี
กำหนดกลยุทธ์ของการทำงาน การมีชีวิต วิถีชีวิตที่ต้องการจะเป็น แล้วเขียน การลงมือทำอย่างมหัศจรรย์ สิ่งใดที่ไม่ได้ผล ศึกษาทบทวนแล้วเปลี่ยนวิธี
ให้การกระทำ คำพูด ความคิด ของเราสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของชีวิต ทุกอย่างที่เราทำจะทรงพลัง
ขอให้ทุกคนมีชีวิตอย่างยอดเยี่ยมมหัศจรรย์ทุกวัน