ต่างมุมใน ‘สวนรถไฟ’ สบายๆ ต่างวัย ต่างเวลา
อาณาบริเวณกว่า 375 ไร่ ของสวนวชิรเบญจทัศ หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่า “สวนรถไฟ” ไม่มีใครปฏิเสธว่าบรรยากาศซึ่งร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้เป็นสถานที่สุดยอดปรารถนาอีกแห่งหนึ่ง
โดย...ธนก บังผล
อาณาบริเวณกว่า 375 ไร่ ของสวนวชิรเบญจทัศ หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่า “สวนรถไฟ” ไม่มีใครปฏิเสธว่าบรรยากาศซึ่งร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้เป็นสถานที่สุดยอดปรารถนาอีกแห่งหนึ่งสำหรับการพักผ่อนของผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ
ด้วยรถราการคมนาคมไปมาสะดวก ทั้งย่านลาดพร้าว บางซื่อ บางเขน จตุจักร พหลโยธิน หรือแม้แต่วิภาวดีรังสิต ทำให้หลายคนเลือกที่จะใช้สวนรถไฟเป็นที่นัดพบหรือออกกำลังกายทั้งช่วงเช้าตรู่และยามเย็นย่ำ
ซึ่งกิจกรรมที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป เช่น ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิก รำไทเก็ก ฟิตเนส สวนสนุก สนามกีฬา
ในบางช่วงเวลาของชีวิต สวนรถไฟคือที่นัดพบกับแฟนครั้งแรก เดินควงแขน บางคนอกหักแอบร้องไห้หลังต้นไม้ มีเรื่องราวและความหมายให้จดจำมากไปกว่าสวนสาธารณะ
มีมากกว่าเทรนด์
ผืนหญ้าสีเขียวที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้กว้างใหญ่ไพศาล ที่สวนรถไฟมีจักรยานให้เช่าในราคาที่ไม่แพง เริ่มต้นที่ราคา 20-30 บาท หลายแบบหลายทรงตามถนัด แค่ยื่นบัตรประชาชนหรือใบขับขี่เพื่อมัดจำกับทางร้าน โดยผู้ที่รักการปั่นจักรยานชมนกชมไม้ บางร้านยังมีโปรโมชันเช่าจักรยาน 5 ครั้ง ฟรี 1 ครั้ง
“ผมเคยนัดกับเพื่อนๆ มาถ่ายรูปกันที่นี่เป็นประจำ” ส.ต.อ.ศรายุทธ กองขมิ้น ตำรวจสันติบาล วัย 35 ปี ย้อนระลึกถึงวันเก่าๆ เมื่อหลายปีที่แล้ว
นอกจากถ่ายรูปแล้ว ในวันเสาร์และอาทิตย์หลังจากที่เดินจับจ่ายในตลาดนัดรถไฟ ช่วงเย็นๆ เขาก็มักจะมานั่งพักผ่อนก่อนจะกลับที่พักอยู่เสมอ
“ผมชอบบรรยากาศที่นี่ เปรียบไปแล้วก็เหมือนปอดของกรุงเทพฯ ที่นอกจากจะออกกำลังกายได้แล้ว บางทีหากมาคนเดียวก็ยังสามารถนั่งคิดนอนคิดอะไรไปเรื่อยๆ เพลินๆ หลีกหนีมาสูดอากาศบริสุทธิ์ที่นี่” ส.ต.อ.ศรายุทธ ให้ความเห็น
ซึ่งกิจกรรมอินเทรนด์ที่ ส.ต.อ.ศรายุทธ ไม่พลาด คือ การเดินชมอุทยานผีเสื้อและแมลงกรุงเทพฯ ภายในอาคารรูปโดมขนาด 1 ไร่ มีกรงผีเสื้อหลากสีหลายพันธุ์ให้เพลิดเพลินตื่นตาตื่นใจในความงาม
ที่สวนรถไฟแห่งนี้ นอกจากจะมีการชมภมรล้อเกสรพฤกษาแล้ว ยังมีเมืองจราจรจำลองให้เด็กๆ ได้เรียนรู้กฎจราจรต่างๆ บนท้องถนน มีสะพานแขวน สะพานพระราม 8 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หรือแม้แต่เสาชิงช้าก็มี
“หลังๆ มานี้ หน้าที่การงานทำให้ไม่ค่อยมีเวลา หากโอกาสเหมาะผมมักจะปั่นจักรยานไปรอบๆ ดูนั่นบ้าง นี่บ้าง แม้ว่าจะมาหลายครั้งแล้วก็ยังไม่เบื่อ ยังอยากลองพายเรือคายักดูบ้าง แต่กลัวจะพายไม่เป็น” ตำรวจหนุ่มหัวเราะเบาๆ
แต่กับ จรัสดล บุญเอนก พนักงานบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ หรือรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที อายุ 35 ปี บอกว่า หากมีเวลาว่างก็มักจะมานั่งหาความสงบที่สวนโมกข์ ของท่านพุทธทาสภิกขุ ซึ่งอยู่ภายในสวนรถไฟ
“นอกจากความเงียบสงบแล้ว การมาทำใจให้ปล่อยวางที่สวนโมกข์เป็นความสุขอย่างหนึ่ง สำหรับคนที่ต้องอยู่ท่ามกลางความแออัดวุ่นวายในเมืองหลวง” จรัสดล บอกเล่า
แทบไม่น่าเชื่อว่าพื้นที่ปอดของกรุงเทพฯ แห่งนี้ จะอยู่ติดกับสถานีขนส่งหมอชิต สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที มีรถเมล์ผ่านหลายสาย และยังอยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าวด้วย
“พอดีว่าที่พักผมอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินศูนย์วัฒนธรรม เลยสะดวกที่จะมาพักผ่อนออกกำลังกายในช่วงเย็นมากกว่าในช่วงเช้า แต่ส่วนมากเวลามาก็ไม่ได้วิ่งออกกำลังกายหรอกครับ นั่งดูคนที่ผ่านไปมาทอดอารมณ์คิดอะไรเพลินๆ บ้าง หรือไม่ก็ขลุกอยู่ที่สวนโมกข์ ท่านพุทธทาส ที่เงียบสงบและคนไม่พลุกพล่านเช่นกัน” จรัสดล บอกกล่าวถึงความชอบ
ค่อยๆ รำ ไม่รีบ ไม่เหงา
ในหลากหลายกิจกรรมนั้น เรายังสามารถพบเห็นการรวมตัวกันมากมายของผู้สูงอายุเพื่อรำไทเก็กช่วงตอนก่อนฟ้าสาง
“ฉันตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง เพื่อต้มชาผสมโสมนำมาแจกจ่ายให้กับเพื่อนๆ ได้ดื่มหลังจากรำไทเก็กเสร็จแล้ว” รำไพ เหมืองสิน คุณย่าคุณยายของหลานๆ หากนับนิ้วแล้วปีนี้ขวบปีเธอย่างก้าวเข้าสู่ปีที่ 77
“มาถึงก็ประมาณตีห้า หรือตีห้าครึ่ง คงไม่มาแต่มืดเพราะกลัวหกล้ม บางกลุ่มเราก็มีรำวงมาตรฐาน ส่วนฉันมานำรำไทเก็ก 18 ลมปราณ”
เธอบอกอีกว่า มาออกกำลังกายที่สวนรถไฟนี้มากกว่า 30 ปีแล้ว หลังจากที่ต้องเป็นม่ายตั้งแต่อายุ 40 กว่า
“ช่วงที่เป็นม่ายแรกๆ ยังสาวอยู่ ก็ยังพอเต้นมาก พออายุเยอะขึ้นแล้วจากวิ่งหรือเต้นก็เปลี่ยนเป็นรำไทเก๊ก ตอนนี้ฉันอายุ 77 ปีแล้ว ก็ตั้งใจรวมกลุ่มกันจะมาออกกำลังกายทุกวัน บางวันฝนตกเราก็มานะ อยู่มานานจนเปลี่ยนหัวหน้าที่ดูแลสวนรถไฟไม่รู้กี่คนแล้ว มีอายุมากที่สุดก็ 84 กับ 82 ปี ที่มาเต้นกันนี้อายุก็ประมาณ 60 ปีขึ้นแล้ว แต่เฉลี่ยแล้ว 70 ปีกว่า ออกกำลังกายนั้นมีประโยชน์นะ ได้สุขภาพแข็งแรง รำ 18 ลมปราณบางครั้งไม่ต้องไปหาหมอเลย ได้มีเพื่อนด้วย ฝนตกก็มา เพราะอยู่บ้านมันเหงา พอรวมกลุ่มกันแล้วก็ชวนกันไปทำบุญต่างจังหวัดด้วย นี่ก็กำลังจะจัดไปทำบุญ 9 วันกันเร็วๆ นี้ ไปทอดกฐินก็เคย บางวันก็มีที่เพื่อนไม่ตื่นค่อยๆ หายไปกันทีละคนสองคน” อาม่ารำไพ บอกเล่าอย่างอารมณ์ดี
เธอ เล่าให้ฟังอีกว่า ส่วนตัวของเธอนั้นมีลูก 7 คน ล้วนแล้วแต่โตเป็นผู้ใหญ่มีครอบครัวหายห่วงหมดแล้ว ทุกวันนี้เธอยังสามารถขับรถมาจากประชาชื่นเพื่อมารำไทเก็กได้เอง
“ก็อยากจะบอกว่า ควรจะออกกำลังกายให้สุขภาพแข็งแรง บางคนเป็นอัมพฤกษ์ ค่อยๆ รำไปก็หายนะ แล้วเราก็จะได้ไม่เหงาด้วย มีเพื่อน รวมกลุ่มกันไปวัด”
สำคัญที่สุดสำหรับวัยเกษียณที่อาม่ารำไพย้ำ คือ ไม่เหงา เพราะฉะนั้นหากได้มีการพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยน ชักชวนกันทำกิจกรรม ไปต่างจังหวัดบ้าง หรือไปทำบุญ ก็จะทำให้กระชุ่มกระชวยอยู่เสมอ
ก่อนจะจากกันไป อาม่ารำไพ ฝากให้คนที่สูงอายุแล้วได้ออกกำลังกาย อีกทั้งทำใจให้สบาย เพื่อที่ว่าจะได้มีชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุข
“ฉันถือว่าถึงจะมีเงินแต่ก็ไม่ได้มีประโยชน์ อย่าไปเครียด เราอย่าไปโกรธเขา บางทีเขาอาจไม่รู้ตัว เราต้องปล่อยวาง ฉันคิดอย่างนี้นะ” อาม่ารำไพ แนะนำ
ทางเดินคดเคี้ยวรอบสระน้ำ บางคนจับกลุ่มวิ่งออกกำลังกายเบาๆ บางคนปั่นจักรยาน สถานที่กว้างใหญ่ไพศาล ต้นไม้ใบหญ้าร่มรื่น เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนคลาย
ฤดูฝนใกล้เข้ามาแล้ว หากใครอยากจะลองมาออกกำลังกาย บางวันอาจต้องนำร่มติดไม้ติดมือเผื่อมาด้วย
แต่ถ้าฟ้าโปร่ง รับรองว่าถ้าได้มาสูดอากาศบริสุทธิ์สดชื่นยามเช้า ที่ “สวนรถไฟ” ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน