เหรียญตราในสรวงสวรรค์
หากบอกว่าผู้เสียชีวิตเสื้อแดงสู้เพื่อประชาธิปไตย แล้วร่างที่ไร้ลมหายใจของเหล่าทหารกล้าในคืนวันที่ 10 เมษา พวกเขาต่อสู้เพื่อสิ่งใด บทกวีแด่หัวใจผู้ใฝ่หา .... เพื่อแผ่นดินที่สูงค่ากว่าสิ่งใด
หากบอกว่าผู้เสียชีวิตเสื้อแดงสู้เพื่อประชาธิปไตย แล้วร่างที่ไร้ลมหายใจของเหล่าทหารกล้าในคืนวันที่ 10 เมษา พวกเขาต่อสู้เพื่อสิ่งใด บทกวีแด่หัวใจผู้ใฝ่หา .... เพื่อแผ่นดินที่สูงค่ากว่าสิ่งใด
ปราฎา เหมทิวากร
ถ้าใครจำเพลง “นกสีเหลือง” ของคาราวาน ที่ร้องอาลัยให้กับวีรชนที่ถูกล้อมปราบในเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 และ 6 ตุลา 2519 ได้ผมคิดว่าวันนี้เราอาจต้องรำลึกถึงเพลงอารมณ์เดียวกันให้แก่บรรดาทหารที่อยู่ใน “สนามรบ” รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในคืน 10 เมษา 2553 แม้จะมีความพยายามของคนที่อยู่เบื้องหลัง ต้องการทำให้เหตุการณ์บานปลายเหมือนเดือนพฤษภาคม 2535
แต่ผมในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้ร่วมชุมนุมที่สนามหลวงเมื่อ 18 ปีก่อน คิดว่าเหตุการณ์แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ช่วงพฤษภาทมิฬ ทหารเจตนาใช้ปืนเข้าสลายการชุมนุม แต่เหตุการณ์เมื่อค่ำวันที่ 10 เมษา 2553 มีคนที่พยายาม “บีบ” ให้ทหารใช้ปืนสลายการชุมนุม แต่ไม่สำเร็จ ภาพที่ปรากฎในสายตาของสาธารณชนคือการติดอาวุธหนักไว้หลังแนวปะทะของ ประชาชนคนเสื้อแดง มีการ “กำหนดจุดยิง” เข้าใส่ทหารฝ่ายเสนาธิการ นำไปสู่การสูญเสียพ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ผมคิดว่าทหารมีความชอบธรรมที่จะใช้ปืนในการป้องกันตัวแล้ว แต่ผู้บังคับบัญชาภาคสนามตัดสินใจไม่ทำ ดังนั้น ผมขอยืนไว้อาลัยต่อทหารที่สิ้นลมหายใจอันหาญกล้า มา ณ โอกาสนี้ครับ
จงบินไปเถิดคนกล้า...
ไปเก็บเหรียญตราในสรวงสวรรค์
ไปเก็บดวงดาวในแสงตะวัน
และไปถือธงนำทุกเส้นทาง
จงบินไปเถิดทหารกล้า...
สันติภาพที่ใฝ่หาอยู่เคียงข้าง
ดาบหอกกระบอกปืนที่เจ้าวาง
จักงดงาม งดงาม กลางบูรพา
ขอจดจารเจ้าไว้ในสายเลือด
ทุรชนรุมเชือดและเข่นฆ่า
เกียรติยศหลังองค์ปฏิมา
เพื่อแผ่นดินสูงค่ากว่าสิ่งใด
โอ้...แผ่นดินนั้นสูงค่ากว่าสิ่งใด
แม้ซุ่มเสียงจากรัฐบาลจะประกาศว่ากลุ่มคนเสื้อดำที่ยิงปืนและเอ็ม 79 ใส่ทหารคือกลุ่ม “ผู้ก่อการร้าย” แต่ผมคิดว่านี่เป็นนิยามแบบ “อ้อมค้อม”เกินกว่าเหตุ
เมื่อก่อนหน้านี้สำนักข่าวกรองแห่งชาติก็เคยเตือนรัฐบาลแล้วว่า มีข่าวการลักลอบขนอาวุธหนักมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนหน้านี้สำนักข่าวกรองแห่งชาติยังเตือนรัฐบาลด้วยว่า อาจมีขบวนการใต้ดินที่ “คู่ขนาน” เข้ามาเพื่อสร้างสถานการณ์ไม่ต้องแปลกใจว่าเหตุใดจึงมีการวางระเบิดรายวันที่นั่น-ที่นี่ เพราะต้องการให้ภาพของรัฐบาลบริหารได้แต่ปกครองประเทศไม่ได้ เมื่อประชาชนรู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ก็จะเป็นอีกแรงกดดันให้รัฐบาลต้องยุบสภาหรือลาออก
จรวดอาร์พีจีที่ยิงถล่มใส่แพร่งภูธรใกล้ๆกระทรวงกลาโหม เมื่อดึกวันที่ 20 มีนาคม ก็รับรู้กัน “วงใน”ว่าเอามาจากชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ที่ใกล้ชิด“หวานเจี๊ยบ” กับอดีตนายทหารใหญ่
ข่าวหนึ่งที่ผมสนใจและปรากฎในสื่อมวลชนต่างประเทศ คือคำกล่าวของผู้นำพรรคฝ่ายค้านศรีลังกา นายโสมวันษา อมราสิงเห บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางมาศรีลังกาอย่างลับๆ พร้อมด้วยผู้ติดตาม 5 คน เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2552 และได้เข้าพบนายมหิทรา ราชปักษี ประธานาธิบดีศรีลังกา ท่ามกลางข้อกังขาเรื่องธุรกิจการเมือง
ไม่เพียงเท่านั้น นายโสมวันษา ยังบอกว่า นายกุมารัน ปัทมานาธาน หนึ่งในผู้นำกลุ่มกบฎพยัคฆ์ทมิฬอีแลม ได้รับการยอมรับในบางส่วนของประเทศไทย เมื่อครั้งพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงมีการซื้อขายอาวุธกันเป็นจำนวนมาก ทำให้เชื่อว่าเป็นไปได้ที่ความร่ำรวยส่วนหนึ่งของพ.ต.ท.ทักษิณ มาจากเงินของกลุ่มกบฎพยัคฆ์ทมิฬอีแลม
จริงๆผมไม่ควรแปลกใจกับข่าวที่พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกรัฐบาลอังกฤษยึดทรัพย์ไปก่อนหน้านี้และจริงๆผมไม่ควรแปลกใจกับเหตุการณ์ในคืนวันที่ 10 เมษาที่เพิ่งเกิดขึ้นเช่นเดียวกัน ยิ่งผมมีโอกาสติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้าน ก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องได้ว่านี่คือพล็อตที่ “เค้า” ได้วางเอาไว้หมดแล้ว เมื่อรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถูกกดดันจากทุกสารทิศให้ต้องสลายการชุมนุมก็เลย “เข้าทางปืน”
แล้วก็ไม่ต้องแปลกใจหรอกว่า เหตุใดจึงมีการยิงแบบ “นัดเดียวปลิดชีพ” เข้าใส่ ฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพรอยเตอร์ ทีวี เพราะเค้าต้องการ “ขยายวง” เหตุการณ์นี้ไปสู่องค์กรระดับสากลและคนทั่วโลก ซึ่งคนวงในมีการพูดถึง “โมเดล” นี้มาตั้งแต่ก่อนการชุมนุมด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่สาธารณชนอยากทราบก็คือภาพที่หายไปจากม้วนเทปที่ ฮิโรยูกิ ถ่ายไว้ได้นั้นคืออะไร แล้วเหตุใดจึงเหลือแค่ 7 นาที เพราะพบว่ามีคนแอบฉกม้วนเทปนี้ไปจากร่างที่ไร้ลมหายใจก่อนนำกลับมาคืนผมก็อยากฝากความระลึกถึงเพื่อนร่วมวิชาชีพมา ณ ที่นี้เช่นเดียวกัน....
ส่วนผู้หลักผู้ใหญ่ในวิชาชีพสื่อมวลชน ที่รวมกันเป็นสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ซึ่งได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 บอกว่าการปิดพีเพิลชันแนล เป็นการปิดกั้นข่าวสารและเสรีภาพของประชาชนนั้น ผมคิดว่าความตายของฮิโรยูกิน่าจะเป็นอุทธาหรณ์ ผมอยากบอกว่า เสรีภาพนั้น ถูกขีดเส้นไว้ตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญทุกฉบับ การกระทำที่ล้ำเส้นไปกว่านั้น ไม่ใช่หลักธรรมของวิชาชีพสื่อมวลชนแถลงการณ์ของสมาคมฯจึงเป็นเรื่องที่น่าอับอายอย่างยิ่ง
ลึกๆแล้วผมก็เสียใจกับผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ทั้งหมด แต่วิธีการที่แกนนำคนเสื้อแดงใช้หลังการเสียชีวิตนั้นอาจไม่ถูกต้องเช่นการนำศพที่เพิ่งเสียชีวิตไปสวดที่แยกราชประสงค์ หรือการแย่งชิงศพก่อนการชันสูตร เพื่อสร้างกระแสว่ารัฐบาลฆ่าประชาชน ซึ่งผมเชื่อว่าวันนี้คนในสังคมคิดได้ คิดเป็น และมีน้ำอดน้ำทนมาพอสมควรแล้วผมจึงขอบันทึกความรู้สึกนึกคิดของผมเองหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน
ไร้รอยสักสันติภาพ
โดยปราศจากการสูญเสีย
ฐานันดรที่ต่ำเตี้ย
นั้นเกิดด้วยวิธีการ
ประชาธิปไตยเป็นหน้ากาก
ย่อมปลาสนาการ
ถูกสังคมตั้งคำถาม
เจ้าเดินตามดาวดวงใด
ฉีกวิญญาณความเป็นชาติ
ยกพวกมากแล้วลากไป
อสูรร้ายได้นำชัย
ธรรมาธิปไตยย่อมไม่มี
...สันติชัยย่อมไม่มี
ที่ผมต้องนำคำว่าธรรมาธิปไตยมาพูดนั้น เพราะว่าถ้าประชาธิปไตยที่เรียกร้องกันไม่มี “ธรรม” คอยกำกับเอาไว้ สุดท้ายประเทศไทยก็จะกลับไปเหมือนยุคเดิมเมื่อ 6-7 ปีก่อนในเมื่อประชาธิปไตยไม่ใช่แค่ระบบการเลือกตั้งเพื่อหาเสียงข้างมากอย่างเดียว อย่างที่กำลังหลอกลวงกัน แต่มันต้องกอปรด้วยระบบกำกับและตรวจสอบที่แข็งแรงเพื่อถ่วงดุลไม่ให้นักการเมือลุแก่อำนาจ
พรรคไทยรักไทยและพลังประชาชน ชนะการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมาก แต่ไม่ได้ถือ “ธงธรรม” ให้กับสังคมการหวังจะใช้วิธีเลือกตั้งเพื่อ “ฟอกความผิด” ให้บุคคลใดนั้นย่อมไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องการใช้พวกมากลากไป เพื่อแก้ปัญหาคอรัปชั่นให้กับพ.ต.ท.ทักษิณนั้น รังแต่จะทำร้าย ทำลายประเทศ สุดท้ายสังคมจะล่มจม
ผมขอทิ้งบรรทัดสุดท้ายของบทความ ด้วยบันทึกของเสด็จในกรมหลวงชุมพร เขตรอุดมศักดิ์ ตำนานของผู้ปกป้องประเทศชาติ จากข้าศึก ในหนังสืออนุสรณ์พระนคร’39 “ให้เอาคำต่อไปนี้ของกูไปประกาศให้คนรู้ว่า ... กูกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ผู้เป็นโอรสของพระปิยมหาราช ขอประกาศให้พวกมึงรับรู้ไว้ว่า แผ่นดินสยามนี้ บรรพบุรุษ ได้เอาเลือด เอาเนื้อ เอาชีวิตแลกไว้ ไอ้อีมันผู้ใด คิดชั่วร้าย ทำลายแผ่นดิน ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฤา กระทำการทุจริต ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อส่วนรวม จงหยุดการกระทำนั้นเสียโดยเร็ว ก่อนที่กูจะสั่งทหารผลาญสิ้นทั้งโคตรให้หมดเสนียดของแผ่นดินสยาม อันเป็นที่รักของกู”
ขอโทษผู้อ่านด้วยครับ ที่ทำให้ “วันสงกรานต์” กลายเป็น “วันสงคราม” ไปซะอย่างนั้น