ฟัง! โหรสิบห้า...ทายดวงประเทศไทย
การพยากรณ์ดวงชะตาบ้านเมืองที่ปรากฏออกสื่อ ไม่ว่าหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต ในปัจจุบัน
โดย...วรธารที / ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์
การพยากรณ์ดวงชะตาบ้านเมืองที่ปรากฏออกสื่อ ไม่ว่าหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เราจะคุ้นหน้าคุ้นตาโหรมีชื่อเสียงระดับประเทศที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการพยากรณ์ในเชิงโหราศาสตร์มาให้ข้อมูล แต่ถ้าถามว่าเด็กอายุ 15 ปี ทำนาย “ดวงเมือง” ประเทศไทย หรือดวงชะตาบ้านเมืองตามหลักวิชาการโหราศาสตร์ได้เยี่ยงโหรผู้มีประสบการณ์สามสิบสี่สิบปี เคยเห็นไหม ถ้าเคยก็เชื่อว่าน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
“ชัยวัฒน์ สดชื่น” หรือ “ช้าง” นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดาฯ คือเด็กอายุ 15 ปีที่กล่าวถึง เชื่อว่าแฟนๆ โพสต์ทูเดย์คงคุ้นหน้าคุ้นตาจากสกู๊ปหมอดูเด็กที่เรานำเสนอเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เกี่ยวกับตัวเขาและการเรียนโหราศาสตร์ของเขา ซึ่งมิเพียงเรียนจบหลักสูตร แต่เขาเข้าใจโหราศาสตร์ลึกซึ้งมาก จน “ธนกร สินเกษม” นายกสมาคมโหรแห่งประเทศไทยฯ กล้าพูดเต็มปากว่า “อัจฉริยะมาก” ซึ่งไม่เคยเห็นใครเก่งอย่างนี้ตั้งแต่เปิดสอนโหราศาสตร์มา
บางคนอาจแย้งว่าอายุแค่นี้จะเรียกว่าโหรได้ฤา...ขอบอกว่า คำว่าโหร ในพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายไว้ว่า ผู้พยากรณ์โดยอาศัยการโคจรของดวงดาวเป็นหลัก : ผู้ให้ฤกษ์และพยากรณ์โชคชะตาราศี ซึ่งถ้าตามหลักนี้ “ชัยวัฒน์” ก็น่าจะใช้คำนำหน้าว่า “โหร” ได้ทุกประการแปลกต่างที่เขาอายุน้อยเท่านั้น คราวนี้จึงเป็นบทพิสูจน์ความสามารถของเขาแท้จริง
การวางดวงเมืองตามหลักโหรฯ
ชัยวัฒน์เริ่มปูพื้นด้วยการอธิบายให้เราได้เห็นการพยากรณ์ตามหลักโหราศาสตร์ว่า โหรหรือผู้พยากรณ์จะต้องรู้เรื่องการโคจรของดาวเคราะห์บนท้องฟ้าที่ผ่านกลุ่มดาวฤกษ์ทั้ง 12 ราศี ผนวกกับการทำมุมกันของดาวเคราะห์ดวงต่างๆ ในระบบสุริยะ แล้วแปลความหมายเชิงสัญลักษณ์มาเป็นคำพูด ข้อเขียน หรือแนวทางความคิดตามหลักทฤษฎีของโหราศาสตร์ที่ได้มาจากสถิติทางดาราศาสตร์ จากการสังเกตของคนโบราณโดยปราศจากหลักการที่งมงายและความเชื่อแบบอิงเทวนิยม
ชัยวัฒน์ อธิบายต่ออีกว่า สำหรับโหราศาสตร์บ้านเมืองเป็นโหราศาสตร์แขนงหนึ่งที่ศึกษาในเรื่องของอิทธิพลการโคจรของดาวเคราะห์ที่ส่งผลต่อสถานการณ์บ้านเมืองและเหตุการณ์ที่สำคัญต่างๆ โดยโหรหรือผู้พยากรณ์จะต้องทำการวางดวงเมืองตามหลักโหราศาสตร์ ซึ่งดวงเมืองก็คือแผนที่ท้องฟ้าในวันที่สถาปนาเมืองหลวง รัฐ หรือประเทศ
“อย่างดวงเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกา ก็จะใช้แผนที่ท้องฟ้าในวันที่สหรัฐประกาศเอกราช ซึ่งก็คือวันที่ 4 ก.ค. 2319 เวลา 16.50 น. ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย มลรัฐเพนซิลวาเนีย เป็นดวงเมืองของประเทศสหรัฐ เพื่อใช้ดูเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในแต่ละช่วง โดยอาศัยการโคจรของดาวเคราะห์ต่างๆ มากระทบกับจุดตั้งรับในดวงเมืองแล้วตีความสัญลักษณ์ออกมาเป็นคำพยากรณ์” ชัยวัฒน์ อธิบาย
ดวงเมืองประเทศไทย
สำหรับดวงเมืองประเทศไทย ชัยวัฒน์ บอกว่า โดยทั่วไปนักโหราศาสตร์นิยมใช้แผนที่ท้องฟ้าของวันสถาปนาเสาหลักเมืองกรุงเทพมหานคร คือวันที่ 21 เม.ย. 2325 เวลา 06.54 น. ที่กรุงเทพฯ มาเฉลิมเป็นรูปของดวงเมือง ในที่นี้จึงจะขอผูกดวงเมืองตามหลักปฏิทินดาราศาสตร์ NASA แล้ว ตัดอยนางศะแบบลาหิรี ซึ่งจะได้ค่าตำแหน่งของดาวเคราะห์ที่ตรงกับความจริงบนท้องฟ้า ซึ่งดวงเมืองกรุงเทพฯ มีลัคนาสถิตราศี 23 องศา 56 ลิปดา 26 ฟิลิปดา เกาะตรียางค์ 5 นวางค์ 3 เกี่ยวกลุ่มดาวฤกษ์ภรณีนักษัตรที่ 2 ประกอบด้วยมหัทธโนแห่งฤกษ์ ส่งผลให้คนไทยมีนิสัยซื่อตรง จงรักภักดี เป็นนักบุกเบิก นักพัฒนา มีความอดทน ขยัน เก่งด้านปฏิบัติ ข้อเสียคือใจร้อน วู่วาม ขาดระเบียบ วินัย
คนไทยยังเป็นคนที่เก่งในการทำมาหากิน ฉลาดในการหาเงิน เพราะดาวอังคารตนุลัคน์ของดวงเมืองสถิตราศีพฤษภเรือนการเงินของดวงเมือง อีกทั้งมีเกตุสถิตอยู่ด้วยส่งผลให้คนไทยมีธุรกิจที่เกี่ยวกับความเชื่อโชค ลางมาก เช่น การดูดวง ร้านสังฆภัณฑ์ สนามพระ การขายหวยทั้งใต้ดินบนดิน
ในดวงเมือง ดาวพฤหัสบดีกุมกับดาวเสาร์ในภพศุภะราศีธนู โดยองศาที่ใกล้เคียงกันมากย่อมส่งผลให้คนไทยมีค่านิยมทางความเชื่อสูง แต่ข้อดีคนไทยมีศาสนามั่นคง อยู่ในครรลองคลองธรรมและเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม รวมถึงภพศุภะในดวงเมือง ซึ่งหมายถึงกฎหมาย รัฐธรรมนูญ เมื่อมีดาวพฤหัสและเสาร์คู่แห่งการเปลี่ยนแปลงสลับขั้วกุมกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนไทยมีรัฐธรรมนูญถึง 18 ฉบับ ทั้งที่เพิ่งได้ประชาธิปไตยมาแค่ 80 กว่าปีเท่านั้น ต่างกับสหรัฐที่มีประชาธิปไตยมา 200 กว่าปีแต่ไม่เคยเปลี่ยนรัฐธรรมนูญเลยแม้ครั้งเดียว?
“หากพิจารณาลึกลงอีกเห็นดาวจันทร์เป็นเกษตรที่ราศีกรกฎภพพันธุของดวงเมือง ทำมุมตรีโกณถึงดาวพุธและดาวศุกร์คู่ธาตุน้ำในราศีมีน ส่งผลให้คนไทยโดดเด่นด้านการเกษตร ปศุสัตว์ กสิกรรม มีความอุดมสมบูรณ์ในด้านธรรมชาติ ชุมทางของแม่น้ำที่สำคัญหลายสาย อีกทั้งดาวพุธเจ้าเรือนอริ และดาวศุกร์เจ้าเรือนปัตนิในดวงเมือง หมายถึงอุปสรรค ศัตรู คู่กรณี สงคราม ประเทศคู่พิพาท กุมกันในภพวินาศของดวงเมือง ส่งผลให้ไทยรอดพ้นจากการเป็นอาณานิคมและสงครามที่สำคัญๆ ของโลก หลายสิบครั้ง” ชัยวัฒน์ อธิบายแบบเจาะลึก
ในด้านการเมืองจะเห็นว่าในดวงเมืองดาวผู้นำคือดาวอาทิตย์สถิตในราศีเมษ 10 องศา 09 ลิปดาได้ตำแหน่ง “บรมอุจ” หรือ “ตำแหน่งจุดสูงสุดของดาวเคราะห์” ส่งผลให้พระมหากษัตริย์ของชาติไทยเราโดดเด่นไม่เหมือนใครในโลก ทรงเป็นราชาของราชันและเป็นศูนย์รวมใจของประชาชนชาวไทยทุกคน
ทว่าในอีกด้านหนึ่งดาวพลูโตโคจรอยู่ในภพกัมมะของดวงเมือง ส่งผลให้ประเทศไทยมักมีนายกรัฐมนตรีหรือผู้นำเผด็จการ ชอบจำกัดสิทธิของประชาชน ดังจะเห็นได้ในช่วงแรกๆ ที่ประเทศไทยมีนายกฯ เผด็จการหลายคน เช่น จอมพล ป. พิบูลสงคราม จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จอมพลถนอม กิตติขจร เป็นต้น
2556 ปีแห่งการพิสูจน์ผู้นำ
ปี 2556 ชัยวัฒน์ บอกว่า ถือเป็นปีแห่งการพิสูจน์ผู้นำ ว่าจะสามารถพาประเทศชาติรอดพ้นวิกฤตได้หรือไม่ เนื่องจากในปีนี้มีดาวเคราะห์ดวงใหญ่สำคัญๆ โคจรทำมุมต่อกันค่อนข้างรุนแรง เริ่มจากดาวเสาร์ที่โคจรเข้ามาในราศีตุลย์อย่างมั่นคงตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. 2555 เวลา 10.08 น. ตามปฏิทินดาราศาสตร์ และจะอยู่ในราศีนี้จนถึงวันที่ 2 พ.ย. 2557 เวลา 22.24 น. รวมระยะเวลากว่า 30 เดือน หรือประมาณ 2 ปีครึ่ง
“ตามหลักดาวเสาร์เป็นเจ้าเรือนภพกัมมะของดวงเมือง อันหมายถึงเรื่องการเมือง ผู้นำประเทศ นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี รัฐบาล โคจรมาได้ตำแหน่งอุจจ์ในราศีตุลย์ภพปัตนิของดวงเมือง ส่งผลให้ในช่วง 2 ปีครึ่งนี้ การเมืองจะร้อนแรงน่าจับตามอง แม้คณะรัฐบาลมีความเข้มแข็งและมีฐานเสียงที่ดี แต่ก็ควรระวังการสูญเสียบุคคลสำคัญหรือผู้นำที่เป็นผู้ชาย เพราะดาวเสาร์โคจรมาเล็งดาวอาทิตย์ในดวงเมืองเดิม อีกทั้งราหูซึ่งก็คือจุดตัดระหว่างทางโคจรของดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์ได้โคจร ย้อนวิถีมาอยู่ที่ราศีตุลย์ตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค. 2556 เวลา 19.35 น. (คำนวณตำแหน่งราหูจริงตามหลักดาราศาสตร์) เป็นการแสดงให้เห็นว่าจะเกิดอุปราคาขึ้นอย่างแน่นอนในราศีตุลย์และเมษ” ชัยวัฒน์ เน้นเสียง
ชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้จะเกิดอุปราคาขึ้น 5 ครั้ง ซึ่งเกิดไปแล้ว 3 ครั้งช่วงต้นปี มีจันทรุปราคาบางส่วนเมื่อวันที่ 26 เม.ย. สุริยุปราคาวงแหวน เมื่อวันที่ 10 พ.ค. และจันทรุปราคาเงามัว เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ส่วนอีก 2 ครั้งที่เหลือจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้
การที่ดาวเสาร์กับราหูโคจรอยู่ในราศีตุลย์เล็งยันกับลัคนาของดวงเมือง ย่อมส่งผลรุนแรงต่อดวงเมืองแน่นอน เพราะตามหลักโหราศาสตร์เรียก “ดวงพินทุบาทว์” แปลว่า ดวงแตกดวงร้าว ในตอนนี้อาจเรียกได้ว่าดวงเมืองแตกอยู่ก็ได้ ส่วนภาพรวมรัฐบาลกับรัฐสภาจะทำงานเข้าขากันได้ดี แต่ให้ระวังเรื่องข้อพิพาทระหว่างประเทศ ระบบการศาลหรืองานตุลาการอาจเสื่อมหรือเสียหายได้ เพราะดาวเสาร์เป็นกาลีจรทางทักษาอยู่ในราศีตุลย์ซึ่งเป็นรูปคันชั่งอันหมาย ถึงการพิพากษา ตุลาการ การศาล อีกทั้งราศีตุลเป็นภพปัตนิของดวงเมืองซึ่งหมายถึงการต่างประเทศ ข้อพิพาทระหว่างประเทศ
ต.ค.-พ.ย.การเมืองรุนแรงสตรีผู้มีอำนาจมีปัญหา
ชัยวัฒน์ เตือนว่า ความรุนแรงทางการเมืองจะเกิดขึ้นประมาณช่วงต้นเดือน ก.ย. อาจมีการปะทะคารมกันในสภาโดยฝ่ายค้านจะนำประเด็นที่รุนแรงมาถล่มรัฐบาล เป็นต้น และอาจสร้างความไม่เชื่อมั่นให้กับประชาชนจนอาจเกิดม็อบ หรือกลุ่มคนออกมาต่อต้านรัฐบาลก็เป็นได้ เพราะช่วงนั้นดาวอังคารโคจรมาทำมุมตั้งฉาก 90 องศากับดาวเสาร์ในราศีตุลย์ แล้วส่งโยคเกณฑ์ที่รุนแรงต่อกันมาก กล่าวคือดาวอังคารจะส่งเกณฑ์ 4 ถึงเสาร์ และเสาร์จะส่งเกณฑ์ 10 ถึงอังคาร ถ้ารัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ก็อาจร่วงแบบไม่เข้าท่าได้
ชัยวัฒน์ กล่าวว่า เดือน ต.ค.-พ.ย. น่าห่วงไม่น้อย เพราะเป็นช่วงที่จะเกิดอุปราคาขึ้น โดยจะเกิดจันทรุปราคาเงามัวขึ้นในวันที่ 19 ต.ค. 2556 ศูนย์กลางคราสเวลา 06.50 น. สมผุสราศีเมษ 1 องศา 48 ลิปดา สังเกตเห็นได้บริเวณทวีปอเมริกาเหนือบางส่วน ทวีปยุโรป ทวีปแอฟริกา และส่วนใหญ่เห็นได้ในเอเชีย แต่ไทยอาจสังเกตได้ยากซึ่งจะส่งผลให้สตรีผู้ทรง อำนาจมีปัญหา ประชาชนจะเกิดโทษทุกข์ จะมีข่าวการสูญเสียพลเมืองเด็ก อุบัติภัยด้านน้ำจะโดดเด่น ข่าวเพลิงไหม้เป็นโกลาหล เศรษฐกิจชะลอตัว วงการด้านศาสนาและการศึกษาจะเสื่อมถอยลง
อีกครั้งหนึ่ง คือ สุริยุปราคาแบบผสม ในวันที่ 3 พ.ย. 2556 ศูนย์กลางคราสเวลา 19.46 น. สมผุสราศีตุลย์ 17 องศา 12 ลิปดา สังเกตได้บริเวณตั้งแต่ด้านตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือจนถึงทวีปแอฟริกา ส่วนไทยไม่เห็น ซึ่งคราสครั้งนี้จะส่งผลให้มีการสูญเสียบุคคลสำคัญในวงการบันเทิงหรือวงการเมือง รัฐบาลจะมีปัญหาถูกกดดัน จะเกิดวาตภัยรุนแรง มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นถี่มากเกิดวาทกรรมทางการเมืองที่รุนแรง วงการทหารเสื่อม หุ้นกับทองตก รัฐบาลควรเตรียมใจไว้ให้พร้อม ถ้าประคองตัวดีก็จะรอดพ้นจากคราสครั้งนี้ได้
เศรษฐกิจปลายปีดิ่งเหว-เกิดอุบัติภัยรุนแรง
หันมาที่เศรษฐกิจ ชัยวัฒน์บอกพอประคองกันไปได้ ถือเป็นปีที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจการค้าขายกับคนต่างชาติจะรุ่งเรือง โดยช่วงไตรมาส 3 ของปี (ก.ค.-ก.ย.) เป็นช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศเฟื่องฟู การค้าขายกับต่างชาติเจริญดีไม่มีปัญหา การเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นไปอย่างก้าวกระโดด ทางภาครัฐอาจมีนโยบายเกี่ยวกับการเงินออกมามากในช่วงนี้
ขณะที่ทองคำอาจปรับตัวสูงขึ้นบ้างเล็กน้อยในช่วงต้นเดือน ก.ค. แต่อีกไม่กี่สัปดาห์จะปรับตัวลงอีก ขณะที่หุ้นจากการทำมุมของดวงดาวคาดการณ์ว่าน่าจะดีประมาณช่วงเดือน ส.ค. แต่ไตรมาสสุดท้ายของปี (ต.ค.-ธ.ค.) ไม่ค่อยดี เพราะในปลายปีดาวศุกร์ซึ่งคือดาวเศรษฐกิจโคจรลงไปร่วมแนวสมาคมคราสกับดาวอาทิตย์ ดาวเสาร์ ดาวพุธ และราหู ส่งผลให้เศรษฐกิจเหมือนดำดิ่งสู่ก้นเหว ภาวะทางเศรษฐกิจโลก
แกว่งเหมือนชิงช้า มีโอกาสที่ภาครัฐจะบริหารนโยบายการเงินของชาติผิดพลาด เดือน ต.ค. ของอุปโภคบริโภคจะมีราคาแพงมากขึ้น เดือน พ.ย. ชาติตะวันตกเศรษฐกิจตกต่ำมาก ส่วนเดือน ธ.ค. เศรษฐกิจโลกจะนอนตะกอน
ชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ในปีนี้ดาวพฤหัสบดีโคจรย้ายจากราศีพฤษภเข้าสู่ราศีมิถุนตามปฏิทินดาราศาสตร์ ตรงกับเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2556 เวลา 08.20 น. และจะอยู่ในราศีนี้จนถึงวันที่ 19 มิ.ย. 2557 เวลา 10.17 น. โดยตลอดระยะเวลาที่ดาวพฤหัสบดีอยู่ในราศีมิถุนจะส่งผลให้ระบบคมนาคมและระบบสื่อสารของประเทศมีการพัฒนาที่ดีขึ้น ภาครัฐอาจมีโครงการที่เกี่ยวกับระบบขนส่งและการสื่อสารมากขึ้นในช่วงนี้ วงการสื่อมวลชนจะเฟื่องฟู ประชาชนจะมีการแสดงออกทางความคิดความอ่านมากขึ้น เสียงของประชาชนจะเป็นใหญ่ การศึกษาระดับชั้นเด็กอ่อน อนุบาล ประถมจะมีแนวโน้มการพัฒนาไปในทิศทางที่ดี อาจมีการแก้ไขข้อกฎหมายบางข้อ และมีแนวโน้มที่จะสูญเสียพระสงฆ์รูปสำคัญในช่วงเดือน ก.ค. แต่โดยรวมแล้วถือว่าดีมากกว่าเสีย
ที่น่าเป็นห่วง คือ เรื่องอุบัติภัยในปี 2556 ค่อนข้างแรง เพราะดาวเสาร์กับราหูโคจรสวนกันอยู่ในราศีตุลย์ ซึ่งเป็นราศีต้น ธาตุลม อาจส่งผลให้เกิดลมพายุวาตภัยที่รุนแรง ภาคตะวันตกของสหรัฐอาจถูกพายุทอร์นาโดถล่ม เป็นปีที่แห้งแล้ง มีแนวโน้มสูงที่หน้าหนาวปีนี้จะหนาวมากกว่าปีที่ผ่านๆ มา ช่วงกลาง ก.ค. จะเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรง มีภัยธรรมชาติที่ใหญ่โตเกิดขึ้น เพราะดาวพฤหัสบดีในราศีมิถุน โคจร ตรีโกณกับดาวเสาร์ในราศีตุลย์และดาวเนปจูน ในราศีกุมภ์จึงเป็นช่วงที่ควรระวังให้มาก เดือนก.ย.ประมาณกลางเดือน ดาวอังคารตั้งฉากกับดาวเสาร์จะมีเหตุการณ์แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ขณะที่เดือน ต.ค.-พ.ย. จะมีวาตภัยกับแผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิกโซนโอเชียเนีย ซึ่งเป็นผลจากการเกิดอุปราคาช่วงปลายปีนั่นเอง
ชัยวัฒน์ ทิ้งท้ายว่า การพยากรณ์ดวงเมืองตามหลักโหราศาสตร์นั้น เป็นแค่การบอกถึงแนวโน้มว่าจะเกิด อะไรขึ้นบ้างเพื่อให้คนเตรียมตัวที่จะปรับการใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน แต่คำพยากรณ์นั้นไม่ได้เป็นตัวบอกว่าทุกคนจะต้องเดินไปทางไหน เพียงแต่บอกว่า แต่ละคนเดินไปทางไหนแล้วจะเจออะไรบ้าง
“อย่าเพิ่งเชื่อคำพยากรณ์ของนักโหราศาสตร์มากเกินไป เพราะมันเป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น บ้านเมืองจะดำเนินต่อไปอย่างไรนั้นความสำคัญอยู่ที่ผู้ปกครองและผู้ตาม ถ้าผู้ปกครองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับผู้ตามความสงบสุขจะเกิดขึ้นภายในชาติอย่างแน่นอน แต่ถ้าผู้ปกครองไปซ้าย ผู้ตามไปขวา คนที่จะพินาศในท้ายสุดก็ไม่ใช่ใครก็คือคนไทยทั้งชาตินั้นเอง”โหรวัยสิบห้า ให้ข้อคิด