พิพิธภัณฑ์บ้านดำ กลับสู่ธรรมะและธรรมชาติ
พิพิธเพลินวันนี้เราเดินทางไปค่อนข้างไกลหน่อยครับ เดินทางไปถึงเหนือสุดของสยามไปที่พิพิธภัณฑ์บ้านดำ หรือพิพิธภัณฑ์ ถวัลย์ ดัชนี ตั้งอยู่ ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย
โดย...โยธิน อยู่จงดี
พิพิธเพลินวันนี้เราเดินทางไปค่อนข้างไกลหน่อยครับ เดินทางไปถึงเหนือสุดของสยามไปที่พิพิธภัณฑ์บ้านดำ หรือพิพิธภัณฑ์ ถวัลย์ ดัชนี ตั้งอยู่ ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย เป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ของ ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) พ.ศ. 2544 มีชื่อเสียงด้านศิลปะสากลแบบไทยเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศและสากล
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เกิดจากแนวความคิดของ ถวัลย์ ที่เขารู้สึกว่าเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญสูงสุด เงินไม่ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ จึงมีความคิดที่จะนำเงินรายได้จากงานศิลปะ มาทำประโยชน์ให้กับวงการการศึกษา และงานแสดงนั้นก็ต้องสร้างความสุขความเพลิดเพลินแก่ผู้ชม ถวัลย์จึงทุ่มเทเวลาเปลี่ยนพื้นที่บ้านของเขาที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่าบ้านดำ ให้เป็นสถานที่ศึกษาศิลปวัฒนธรรมของชาติ เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะพื้นบ้าน ส่วนสาเหตุที่เรียกว่าบ้านดำก็เพราะเป็นบ้านของเขานั้นเป็นเรือนไทยที่ใช้ไม้สีดำสวยงามแลขลังยิ่ง
ภายในพื้นที่พิพิธภัณฑ์มีสถาปัตยกรรมซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมนานาชาติอยู่ประมาณ 25 หลัง และอาคารสถาปัตยกรรมท้องถิ่นประยุกต์อีกหลายหลังสำหรับจัดแสดงศิลปะพื้นบ้าน และผลงานศิลปะที่น่าสนใจของคนไทยและต่างชาติบนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ถวัลย์ต้องใช้เวลาถึง 25 ปีในการก่อสร้าง และเก็บสะสมรวบรวมสิ่งของและผลงานต่างๆ กว่าจะมาเป็นพิพิธภัณฑ์ใหม่ของเชียงรายที่มีผู้คนสนใจเข้าเยี่ยมชมมากที่สุดที่หนึ่งในเวลานี้
ตามทางหินและใบหญ้า
การเดินชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะของคนทั่วไปคงเป็นเรื่องน่าเบื่อไปสักนิด แต่สำหรับพิพิธภัณฑ์บ้านดำแล้ว ไม่ได้ยัดเยียดความเป็นศิลปะให้ผู้เข้าชมขนาดนั้น ทุกอย่างจะถูกกล่อมเกลาหล่อหลอมอารมณ์ร่วม ตั้งแต่ทิวทัศน์การจัดสวน ต้นไม้ ก้อนหิน และทางเดิน ที่มีการออกแบบจัดวางราวกับหลุดออกมาจากงานศิลปะของถวัลย์
ทุกจุดที่เรายืนมอง ไม่ว่ามุมไหนก็ถ่ายรูปสวยอย่างน่าอัศจรรย์ ดึงให้เราเข้าถึงมนุษย์ที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างเรียบง่ายที่สุด หากค้นประวัติ ศิลปินแห่งชาติผู้นี้แล้วเราจึงเข้าใจว่า ท่านเป็นคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ขยัน อดทน และถ่อมตน แต่เอาเป็นว่าถ้าคุณชอบการถ่ายภาพและหาวิวสวยๆ ถ่ายรูปที่นี่ก็เหมาะมากครับ
วิหารเล็ก วิหารแห่งเออีซีโบราณ
ส่วนจัดแสดงแรกที่ทุกคนจะได้เข้าชมก็คือ วิหารเล็ก แต่อันที่จริงเราจะเดินเลียบชมตรงจุดอื่นก่อนก็ได้ แต่ที่วิหารเล็กนี้ เมื่อมองผ่านๆ ก็เห็นเป็นวิหารวัดล้านนาที่พบเห็นอยู่มากทางภาคเหนือ แต่พอได้อ่านได้ฟังแนวคิดในการสร้างวิหารนี้ก็เล่นเอาจับภาพไม่ถูกไปเหมือนกัน เพราะวิหารนี้เป็นการรวบรวมแนวสถาปัตยกรรมของ ล้านช้าง ล้านนา หงสาวดี อังวะ เครื่องไม้แกะสลักไทยใหญ่ สิบสองปันนา มัณฑะเลย์ และหลังคาดินของพื้นเมือง เอาไว้ด้วยกันทั้งหมด ภายในมีพระพุทธรูปแกะสลักไม้ดิบตามแนวไทย มอญ และพม่า มารวมๆ กันไว้ แต่เราบอกได้เลยว่าดูไม่ขัดตาแถมยังสวยงามไปอีกแบบ
วิหารศิลปะ
“รวงผึ้งของกาลเวลา ในกิ่งก้านของปัจจุบัน และผลิดอกตูมแก่พรุ่งนี้ในวิหารศิลปะ” นี่คือคำนิยามของมหาวิหารซึ่งอยู่ถัดมาจากวิหารเล็ก เป็นมหาวิหารที่จัดแสดงผลงานศิลปะหมุนเวียน ในวันที่เราเดินทางไปเป็นช่วงต้นปี เราจะได้เห็นหนังงูเหลือมที่มีขนาดใหญ่และยาววางพาดอยู่บนโต๊ะไม้ตลอดทางเดิน ส่วนผนังด้านข้างจะจัดแสดงงานศิลปะของศิลปินที่เลือกเข้ามาจัดแสดงหรือเปิดเป็นพื้นที่ประชุมสัมมนาทางศิลปะสุนทรียศาสตร์ ปรัชญา และกิจกรรมอื่นๆ ตามความเหมาะสม
อูบหัวนกกก นกเงือกหัวแรด
เป็นอาคารทรงประหลาดที่สุดในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ศิลปินห่างชาติผู้นี้มีความเป็นสากลอยู่มากพอสมควร อาคารอูบหัวนกกก นกเงือกหัวแรด เป็นอาคารชั้นเดียวทรงโดมมีลักษณะคล้ายหัวนกเงือก โครงสร้างอาคารเป็นโครงสร้างปูน ภายในมีห้องนั่งเล่นและห้องน้ำ ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบ สถาปัตยกรรมของนาวาโฮใน อินเดีย, อาปาเช่ ในซานตาเฟ่ และอูบมุงลาว โบสถ์ของเกาดี้ ของสเปน และอีกหลายแนวการออกแบบทั่วโลกมาจบเป็นอาคารทรงประหลาดหลังนี้ ภายในมีห้องนั่งเล่น และภาพวาดศิลปะสวยๆ ให้ชมเหมือนกับอาคารอื่นๆ
ศาลาพระสื่ออิริยาบถ
ศาลานี้เป็นศาลาเล็กๆ ที่รวมของศิลปะของหลายๆ แขนงเข้าไว้ด้วยกันเหมือนเดิม แต่จุดเด่นของศาลานี้ คือ ผลงานศิลปะไม้เปลือย พระ นั่ง นอน ยืน เดิน เป็นพระไม้ สกุลช่างไทยใหญ่ เป็นพระพุทธรูปแกะสลักไม้ที่มีความอ่อนช้อยงดงามอย่างหาได้ยาก
นอกจากนี้ก็ยังมีศาลาเล็กๆ อีกหลายศาลาอย่าง ศาลาเงี้ยว ศาลาพระทองไสยาสน์ ผสมผสานระหว่างศิลปะไทยและพม่า รวมทั้งสวนหินและสระน้ำให้เราได้เก็บภาพสวยๆ กันอย่างเพลินตา ก่อนจะไปจบที่บ้านดำแกลเลอรี่ และร้านขายกาแฟแนวอาร์ตๆ ที่ขายผลงานศิลปะ สนใจภาพไหนเอาไว้ประดับที่บ้าน รวมทั้งของที่ระลึกกลับบ้านกันคนละชิ้น
เราแนะนำว่าอย่างน้อยๆ ก็ควรอุดหนุนสินค้าของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้บ้างเพื่อเป็นค่าดำเนินการ ส่วนกำไรที่เหลือทางพิพิธภัณฑ์โดยศิลปินแห่งชาติก็นำไปเป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนศิลปะที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ทุกปี ทำให้พิพิธภัณฑ์บ้านดำ นอกจากเราจะเพลินตาเพลินใจแล้วยังมีโอกาสได้ของได้บุญกลับบ้านไปพร้อมๆ กันอีกด้วย
พิพิธภัณฑ์บ้านดำ เปิด ทุกวันไม่มีวันหยุด ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. สอบถามเส้นทาง หรือ ติดต่อการเข้าชมเป็นกลุ่มที่เบอร์ 083-336-5333