15 ก.ย. 1954 มาริลีน มอนโร ถ่ายทำฉากกระโปรงอันเลื่องชื่อ
ภาพที่มีชื่อเสียงของ มาริลีน มอนโร ขณะเธอกำลังหัวเราะและกระโปรงถูกลมจากสถานีรถไฟใต้ดินพัดจนฟูฟ่องถ่ายในวันนี้เมื่อปี 1954
โดย...พชร
ภาพที่มีชื่อเสียงของ มาริลีน มอนโร ขณะเธอกำลังหัวเราะและกระโปรงถูกลมจากสถานีรถไฟใต้ดินพัดจนฟูฟ่องถ่ายในวันนี้เมื่อปี 1954 นี่เป็นฉากหนึ่งในหนังเรื่อง The Seven Year Itch จากฉากนี้ทำให้ โจ ดิมักจิโอ สามีของเธอโกรธ หาว่าภรรยาชอบโชว์ ทั้งคู่จึงหย่าร้างกันหลังจากนั้นไม่นาน
มาริลีน มอนโร หรือ นอร์มา จีน มอร์เทนสัน หรือ นอร์มา จีน เบเกอร์ มีวัยเด็กที่น่าเศร้า แม่ของเธอมีปัญหาทางจิต ทำให้ นอร์มา จีน ต้องไปอาศัยอยู่ในบ้านอุปถัมภ์และสถานสงเคราะห์ ตอนอายุ 16 เธอออกจากโรงเรียน และแต่งงานกับหนุ่มวัย 21 ปี โจ โดเฮอร์ที คนงานในโรงงานอากาศยาน
ในปี 1944 ระหว่างสามีถูกส่งไปต่างประเทศกับกองทัพ มีช่างภาพเห็นความงามของมาริลีนและชักชวนให้ไปเป็นนางแบบ ต่อมาเธอก็หย่าขาดกับสามี และในปี 1946 ทางทเวนตี้เซ็นจูรี่ฟ็อกซ์เซ็นสัญญากับเธอ โดยจ่ายค่าจ้างเป็นเงิน 125 เหรียญสหรัฐต่อสัปดาห์ แต่สัญญานี้ก็เลิกไปหลังจากทำหนังหนึ่งเรื่อง แถมฉากของเธอก็ถูกตัดออก ต่อมาเธอเซ็นสัญญากับโคลัมเบีย แต่ทำหนังไปแค่เรื่องเดียวก็ยกเลิกสัญญา ระหว่างว่างงานเธอถ่ายรูปเปลือยลงปฏิทิน ซึ่งก็ทำให้ปฏิทินขายได้เป็นล้าน
มาริลีน มอนโร เล่นหนังเล็กๆ อีกหลายเรื่อง จนกระทั่งปี 1950 ฟ็อกซ์จึงเซ็นสัญญากับเธออีกครั้ง ในปี 1953 เธอแสดงคู่กับ เจน รัสเซล ใน Gentlemen Prefer Blondes เสน่ห์ของเธอเปล่งประกาย กิริยาท่าทางแบบสาวน้อยทำให้เธอได้รับความนิยม
หลังหย่าร้างกับนักเบสบอลระดับตำนาน โจ ดิมักจิโอ เธอได้รับบทบาทที่จริงจังมากขึ้น ทั้งยังประกาศว่าจะสร้างสตูดิโอของตัวเอง มาริลีนเริ่มเรียนการแสดงกับครูที่มีชื่อเสียงอย่าง ลี สตราสเบิร์ก ที่แอ็กเตอร์ส สตูดิโอ ในนิวยอร์ก ผลงานของเธอใน Bus Stop น่าประทับใจมาก ต่อมาเธอแต่งงานกับปัญญาชนนักเขียนบทละคร อาร์เธอร์ มิลเลอร์ และปรากฏตัวในหนังดัง Some Like It Hot เมื่อปี 1959
หนังเรื่องสุดท้ายของ มาริลีน มอนโร คือ The Misfits (ปี 1961) โดย อาร์เธอร์ มิลเลอร์ เขียนบทให้เธอเป็นพิเศษ พวกเขาหย่าขาดกันหนึ่งสัปดาห์ก่อนหนังออกฉาย เธอถูกปลดออกจากหนัง Something’s Got to Give เพราะอาการเจ็บป่วยและไม่ไปทำงานในกองถ่าย หลายคนเชื่อว่ามีเรื่องยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง ในเดือน ส.ค. 1962 เธอเสียชีวิตเพราะใช้ยานอนหลับเกินขนาด สันนิษฐานว่า มาริลีนตั้งใจกินเพื่อฆ่าตัวตาย หลังจากนั้นชื่อเสียงและความนิยมของดาราสาวก็เพิ่มมากขึ้น ประวัติชีวิตของเธอตีพิมพ์ออกมามากมาย โจ ดิมักจิโอ ยังคงส่งดอกไม้ไปที่หลุมศพของเธอทุกวันตลอดเวลาที่เหลือของชีวิตเขา