มิ้นท์ มีล่า มาลีวัลย์ กับเส้นทางแห่งปรารถนาและอารมณ์

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร

ถ้าให้พูดถึงผู้หญิงตัวเล็กหน้าคมอย่าง “มิ้นท์มีล่า มาลีวัลย์ เจมีน่า” เพลงรักบาดลึกอย่าง “ขอเพียงที่พักใจ” จะลอยวนเข้ามาในหัว และกระทบต่อความรู้สึกอย่างทันทีทันใด ยิ่งช่วงนี้ฟ้าฝนตกลงมาได้แทบทุกวันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพลงของผู้หญิงร่างเล็กคนนี้ (ที่บอกได้คำเดียวว่าแทบจะทุกเพลง) ยิ่งทำให้บรรยากาศอึมครึม อึกครึมแบบได้อารมณ์มากขึ้น

“ด้วยความที่มีคุณพ่อเป็นนักดนตรี เราเลยเติบโตมาด้วยเสียงเพลง มีเพลงอยู่ในหู อยู่ในจิตวิญญาณ และอยู่ในสายเลือด พอเริ่มเรียนหนังสือ ก็เริ่มเล่นกีตาร์ เปียโน แต่เรารักการเล่นกีตาร์เป็นชีวิตจิตใจ จนประมาณ 89 ขวบ ก็ได้เข้าไปร้องเพลงและเล่นดนตรีในโบสถ์ เพราะเรานับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก ร้องในโบสถ์มาเรื่อยๆ จนได้ฟอร์มวงกับเพื่อนๆ อีกสองคน ตอนอายุ 12-13 ปี ใช้ชื่อวงว่า ชูการ์ ทรีโอ ตอนนั้นเริ่มมีคนติดต่อให้ไปร้องเพลงตามงานต่างๆ และเริ่มมีงานร้องเพลงที่ได้รายได้อย่างจริงจังที่โรงแรมสยามอินเตอร์คอนติเนนตัล ร้องทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่หนึ่งทุ่มจนถึงสี่ทุ่ม”

 

มาลีวัลย์เผยว่า ณ ตอนนั้น เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย แต่การเรียนไปเสีย ร้องไปร้องมา ก็ไม่ได้คิดอะไร มันไม่ได้ทำให้การเรียนเสีย แต่พอร้องเพลงทำให้คุณพ่อสนับสนุนการทำงาน ทำให้มาลีวัลย์ขยับขยายการร้องเพลงไปตามที่ต่างๆ เพิ่มมากขึ้น มีรายได้เพิ่มมากขึ้น

“จนมาถึงตอนอายุ 19 ปี ช่วงนั้นคุณพ่อไม่สบาย และเรายังไม่ได้ตัดสินใจจะเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่ไหน พอดีพี่แต๋ม ชรัส เฟื่องอารมย์ ก็ได้เห็นเราร้องเพลงที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ พี่แต๋มถามเราว่าสนใจร้องเพลงคู่กับเขาไหม พอเราตอบตกลง เราก็ไปอัดเสียงที่อเมริกา แล้วได้ไปรู้จักนักดนตรีระดับโลกหลายท่าน และได้ฝึกหัดร้องเพลงภาษาไทย เพราะปัญหาของเราคือไม่เคยร้องเพลงไทยเลย เราก็ฝึกร้องด้วยภาษาคาราโอเกะนี่แหละ หลังจากทำเพลงกับพี่แต๋มในอัลบั้มที่มีชื่อว่า มาลีวัลย์และชรัส เราก็ค่อยๆ พัฒนาเรื่องภาษาไทยมากขึ้น”

ต่อมา มาลีวัลย์ก็ได้ทำอัลบั้มที่ 2 กับโปรดิวเซอร์ท่านอื่น และได้กลับไปทำอัลบั้มที่ 3 ร่วมกับชรัสเหมือนเคย จนกระทั่งอัลบั้มชุดที่ 4 ที่ชรัสได้นำเพลงในอัลบั้มชุดนี้ไปนำเสนอขายที่แกรมมี่

 

“ปรากฏว่าทางแกรมมี่ซื้ออัลบั้มชุดนี้ ซึ่งมีพี่เต๋อ เรวัติ เป็นคนควบคุมภาพรวมทั้งหมด โดยใช้ชื่ออัลบั้มว่า ปรารถนาและอารมณ์ ซึ่งเพลงเปิดตัวในอัลบั้มนี้ก็คือเพลงขอเพียงที่พักใจ เพลงต่อๆ มาก็มีเพลงสงสารกันหน่อย เล็กๆ น้อยๆ ถือได้ว่าอัลบั้มชุดนี้เป็นการแจ้งเกิดโดยสมบูรณ์ และก็กลายเป็นโลโก้ของมาลีวัลย์มาจนทุกวันนี้ (หัวเราะ)”

มาลีวัลย์เผยความลับที่ไม่เคยบอกใครที่ไหนมาก่อนว่า ตอนแรกเธอไม่ชอบเนื้อหาของเพลงในอัลบั้มชุดนี้เลย

“เรารู้สึกว่าเราไม่ได้เป็นคนแบบนั้น แต่พี่เต๋อบอกว่าน้ำเสียงเราได้ เพลงแบบนี้ใช่เลย พี่เต๋อบอกว่าเชื่อพี่สิ แล้วเธอจะไปได้ดีและไปได้ไกล อย่างเพลงสงสารกันหน่อย เราเกลียดมาก เพราะเนื้อหาของเพลงมันเป็นเพลงของผู้หญิงที่อ่อนแอ แต่เราเป็นคนนุ่มนอกแข็งใน เรารู้สึกไม่ใช่ตัวเรา แต่ผู้ใหญ่บอกเราสามารถถ่ายทอดน้ำเสียงและอารมณ์ได้ เราตีบทแตกได้ เราก็เลยเชื่อ แต่พอเพลงออกไปอาทิตย์เดียว เพลงก็ดังเปรี้ยงเลย กลายเป็นอัลบั้มที่ขายดีมาก นึกถึงชุดนี้ทีไรก็ต้องขอบคุณพี่เต๋อ พี่แต๋ม และพี่ๆ ทีมงานทั้งหมดที่ช่วยผลักดันกันมา”

 

ในช่วงเวลานั้น เป็นช่วงที่ค่ายละครเอ็กแซ็กท์กำลังตั้งไข่ ทำให้มาลีวัลย์ได้ไปร้องเพลงประกอบละครเรื่อง บัลลังก์เมฆ และบทเพลงชื่อเดียวกับละครก็โด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้

“จากผลตอบรับที่ดีมากๆ ของอัลบั้มปรารถนาและอารมณ์ ทำให้เราได้เซ็นสัญญากับแกรมมี่ ทำให้มีอัลบั้มคืนวันพระจันทร์เป็นใจคลอดตามมา ขอบอกว่าเพลงในอัลบั้มชุดนี้ดังเปรี้ยงแทบจะทุกเพลง ไม่ว่าจะเป็น รู้ไหมทำไม อีกสักครั้ง น้ำตา กลับมานะ (ร้องคู่กับปั่น ไพบูลย์เกียรติ) เธอเท่านั้น (ร้องคู่กับแต๋ม ชรัส) ทำให้เรามีงานร้องเพลงทุกคืน มีงานเยอะมากในช่วงนั้น”

มาลีวัลย์เผยว่า อัลบั้มชุดนี้ขายดีกว่าอัลบั้มปรารถนาและอารมณ์ แต่คนจะจดจำเพลง ขอเพียงที่พักใจ ได้มากกว่า

“จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ก็ 28 ปีแล้วที่เราได้ทำงานในวงการนี้ ไปที่ไหนไม่เคยไม่ร้องเพลงขอเพียงที่พักใจและบัลลังก์เมฆ และที่ขาดไม่ได้คือ เล็กๆ น้อยๆ ถึงแม้ไม่มีพี่ปั่น แต่ก็มีแขกท่านอื่นมาช่วยร้องเพลงนี้เสมอๆ”

สำหรับใครที่อยากมารำลึกความหลังกับเพลงรักบาดลึกของมิ้นท์มีล่า มาลีวัลย์ ต้องไม่พลาดคอนเสิร์ต “แบล็ค ไนท์ คอนเสิร์ต...บิวตี้ฟูล โบรคเค่น เฮิร์ท” ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 28-29 ก.ย.นี้ ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ งานนี้ มาลีวัลย์รับประกันด้วยหัวใจว่า ค่ำคืนนั้นจะต้องเป็นค่ำคืนที่วิเศษและเศร้าบาดลึกที่สุดของคุณทุกคนอย่างแน่นอน ถ้าไม่เชื่อ ต้องพิสูจน์ด้วยตัวคุณเอง