posttoday

รูดม่าน โรงแรมม่านรูด ปีบ อินน์ จากเฟื่องฟูสู่ร่วงโรย

28 กันยายน 2556

ย้อนไป 20-30 ปีก่อน “โรงแรม” ที่พักค้างคืนชั่วคราว มีที่จอดรถด้านหน้าห้อง มีลักษณะเด่นตรงมีม่านรูดไว้ปิดบังไม่ให้เห็นคนเข้าไปใช้บริการ เคยได้รับความนิยมมากๆ

โดย...จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์

ย้อนไป 20-30 ปีก่อน “โรงแรม” ที่พักค้างคืนชั่วคราว มีที่จอดรถด้านหน้าห้อง มีลักษณะเด่นตรงมีม่านรูดไว้ปิดบังไม่ให้เห็นคนเข้าไปใช้บริการ เคยได้รับความนิยมมากๆ ในหมู่นักท่องราตรี โดยเฉพาะโรงแรมม่านรูดชื่อดังอย่าง ปีบ อินน์ (Peep Inn) ย่านรัชดาภิเษก ถือเป็นหนึ่งในยุทธจักรที่คนกลางคืนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และเคยเป็นข่าวคาวหลายต่อหลายครั้งเมื่อความลับในปีบ อินน์ ถูกเปิดเผยขึ้นอย่างตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจจนเป็นที่ฮือฮา

แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปความนิยม “รูดม่าน” ก็ค่อยๆ เสื่อมซาลง ตามยุคและวิวัฒนาการของเมืองที่เปลี่ยนไป แม้กระทั่งขาใหญ่ม่านรูดอย่าง ปีบ อินน์ ก็ยังถึงเวลาที่ต้องนับเวลาถอยหลัง

สรัญ ลิ้มสวัสดิ์วงศ์ เจ้าของ ปีบ อินน์ โรงแรมม่านรูดชื่อดัง ที่ปัจจุบันหันไปเน้นหนักทำโรงแรมหรู 45 ดาว ภายใต้แบรนด์ เอส โฮเทล แต่ก็ยังคงเก็บโรงแรมม่านรูดอย่าง ปีบ อินน์ ย้อนเรื่องราวให้ฟังว่า ธุรกิจโรงแรมม่านรูดเคยอยู่ในยุคเฟื่องฟูที่สุด เมื่อปี 25302535 ช่วงเวลาที่เศรษฐกิจเฟื่องฟูสุดๆ หากเทียบยอดใช้บริการในช่วงเวลานั้นสูงกว่าปัจจุบันถึง 5 เท่าตัว

รูดม่าน โรงแรมม่านรูด ปีบ อินน์ จากเฟื่องฟูสู่ร่วงโรย

ด้วยความที่เป็นโรงแรมฮอตของคนในเวลานั้นปีบ อินน์ นั้น เคยมีสาขาทั้งหมด 4 สาขาด้วยกัน ได้แก่ สาขาหัวหมาก รัชดาภิเษก สุขุมวิท และรัตนาธิเบศร์ แต่ปัจจุบัน มีเหลืออยู่ 3 สาขา คือ หัวหมาก รัชดาฯ และรัตนาธิเบศร์ ซึ่งสาขารัชดาฯ ถือเป็นสาขาที่ขึ้นชื่อที่สุดกำลังจะปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย โดยจะนำพื้นที่ส่วนหนึ่งที่ไม่ได้ใช้งาน ไปทำเป็นโรงแรมเอส รัชดา เพื่อรับทัวร์จีน

“ย่านรัชดา ถือเป็นย่านที่กำลังอยู่ในยุคเฟื่องฟู โรงแรมต่างก็จับจ้องจะมาเปิดให้บริการย่านนี้ เนื่องจากเป็นย่านที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมมาใช้บริการ การนำพื้นที่ส่วนหนึ่งของปีบ อินน์ รัชดาฯ มาทำเป็นโรงแรมเอส รัชดาฯ จึงคุ้มค่ามากกว่า” สรัญ ให้เหตุผล

การเติบโตของธุรกิจโรงแรมม่านรูด ค่อยๆ รูดม่านซบเซาลงต่อเนื่อง เพราะสาเหตุสำคัญจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ปัจจุบันมีคนจำนวนน้อยมากที่ยังคงมาใช้บริการโรงแรมประเภทนี้ อาจเพราะมีหอพัก คอนโดมิเนียม เกิดขึ้นมาก ซึ่งที่พักประเภทนี้นิยมนำมาปล่อยเช่ารายวัน รายเดือน ราคาไม่แพง เฉลี่ยแล้ว 7,0009,000 บาทต่อเดือน ทำให้คนที่เคยมาใช้บริการม่านรูด รู้สึกว่า ไม่จำเป็นต้องมาสถานที่แบบนี้อีกต่อไปแล้ว

รูดม่าน โรงแรมม่านรูด ปีบ อินน์ จากเฟื่องฟูสู่ร่วงโรย

ผู้ประกอบการโรงแรมม่านรูด ที่ไม่ปรับปรุงรูปแบบการให้บริการจึงค่อยๆ ล้มหายตายจากไปทีละราย ส่วนที่เหลืออยู่ เช่น ปีบ อินน์ เอง ก็ใช้วิธีการปรับขนาดธุรกิจให้เล็กลง จากที่เคยมีห้องทั้งหมดมากถึง 400 ห้อง ก็เหลือแค่ 150 ห้อง

“พฤติกรรมคนในยุคนี้ อายที่จะเข้าโรงแรมม่านรูด รู้สึกว่าน่าเกลียด ต่างจากคนสมัยก่อน ทำให้โรงแรมม่านรูดต้องปรับภาพลักษณ์ของตัวเองให้ทันสมัยขึ้น แปลกตา น่าไป ในส่วนของ ปีบ อินน์ 8 ปีจะปรับปรุงใหญ่ 1 ครั้ง ตกแต่งภายในใหม่ทั้งหมด” สรัญ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าโรงแรมม่านรูดจะไม่มีผู้ใช้บริการเลย ยังพอมีผู้ใช้บริการหลงเหลืออยู่บ้าง แต่โรงแรมม่านรูดเองต้องปรับตัว เพื่อยังรักษาฐานลูกค้าให้มาใช้บริการอยู่ โดยการปรับปรุงเรื่องการตกแต่งภายในให้น่าสนใจ แปลกใหม่ขึ้น ซึ่งอีก 12 ปีข้างหน้า ปีบ อินน์ ก็อาจจะมีแนวทางปรับรูปแบบโรงแรมครั้งใหญ่อีกครั้ง

รูดม่าน โรงแรมม่านรูด ปีบ อินน์ จากเฟื่องฟูสู่ร่วงโรย

 “อาจลดขนาดโรงแรมม่านรูดที่ยังหลงเหลืออยู่ให้เล็กลง มีจำนวนห้องพักไม่มาก แค่ 2030 ห้อง แต่ทุกห้องมีความน่าสนใจ พร้อมกับคงแนวคิดหลักของ ‘โรงแรมม่านรูด’ เอาไว้เช่นเดิม คือ เป็นพื้นที่สำหรับผู้ใช้บริการที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง ไม่แน่ว่า อาจจะเปลี่ยนปีบ อินน์ ให้กลายเป็นสุดยอดแห่งพื้นที่ส่วนตัว เป็นเหมือนบ้านพักตากอากาศที่ทุกคนรู้สึกอยากมาลองใช้บริการสักครั้งก็ได้” สรัญ แย้มแผนการปรับปรุงครั้งใหญ่

ปัจจุบัน ผู้ประกอบการโรงแรมม่านรูดหลายรายยอมขายที่ให้กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อรับทรัพย์ก้อนโตแทน หรือบางครั้ง ก็ทุบโรงแรมม่านรูดเดิม ปรับเปลี่ยนไปสร้างอาคารพาณิชย์ หรือยกระดับสร้างเป็นโรงแรมมาตรฐานดีๆ แทน เพราะรูปแบบอื่นสร้างรายได้ดีกว่า โรงแรมม่านรูด

ขณะที่ สรัญ มั่นใจว่า ปีบ อินน์ ยังคงชื่อเสียงโด่งดังและทำธุรกิจอยู่รอดได้ เพราะเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการไม่กี่รายที่ยกระดับโรงแรมม่านรูดให้มีรูปลักษณ์ ภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น มีมาตรฐาน และความปลอดภัยดีขึ้น อย่างไรก็ตามยอมรับว่า รายได้ที่กลับคืนมาในปัจจุบันไม่ถือว่าเติบโตเมื่อเทียบกับในอดีต แค่พอประคองตัวได้เท่านั้น

รูดม่าน โรงแรมม่านรูด ปีบ อินน์ จากเฟื่องฟูสู่ร่วงโรย

 

ภาพความเฟื่องฟูของโรงแรมม่านรูดเช่นในอดีตคงไม่มีให้เห็นอีกแล้วในวันนี้

เวลาเปลี่ยน ม่านรูดเปลี่ยน

การขยายตัวของเมือง และไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค คือ สาเหตุที่ทำให้โรงแรมม่านรูดล้มหายไปทีละรายสองราย เรื่องนี้ สมชัย รัตนโอภาส กรรมการผู้จัดการ เอวัน โมเต็ล โรงแรมม่านรูดอีกรายที่ให้บริการมานานนับ 3040 ปี มองว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้โรงแรมม่านรูดค่อยๆ รูดม่านตัวเองลง เพราะความเจริญของเมืองที่เพิ่มขึ้น เมื่อความเจริญผ่านไปย่านใด ม่านรูดในย่านนั้นก็จะค่อยๆ ลาจากไป

เดิมที โรงแรมม่านรูด มักเริ่มธุรกิจจากการหาซื้อที่ดินย่านชานเมืองในราคาที่ไม่แพงมาทำ แต่เมื่อความเจริญไล่ตามมาถึง ที่ดินมีราคาแพงขึ้น เจ้าของโรงแรมม่านรูดจึงยอมขายที่ดินให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เพราะได้ราคาดี คุ้มค่ากว่ารายได้จากโรงแรมม่านรูดที่ทำอยู่

ประกอบกับภาครัฐไม่มีการให้ใบอนุญาตธุรกิจโรงแรมม่านรูดในกรุงเทพฯ มานานนับ10 ปีแล้ว และใบอนุญาตม่านรูดที่มีอยู่เดิม ไม่สามารถโอนย้าย เปลี่ยนมือกันได้ หากผู้ประกอบการขายที่ดินไป ทุบโรงแรมม่านรูดเดิมที่เคยทำ ก็เท่ากับใบอนุญาตที่มีอยู่ในมือหมดความหมายแล้ว

ใครที่คิดจะสร้างโรงแรมม่านรูดใหม่ๆ ขึ้นมาในกรุงเทพฯ ก็ไม่สามารถทำได้เพราะไม่มีใบอนุญาต จึงมีผู้ประกอบการหลายราย หลีกเลี่ยงด้วยการสร้างเป็นตึก ไม่มีม่านกั้นเป็นห้องๆ และใช้ชื่อเป็นรีสอร์ทแทน เพื่อหลีกเลี่ยงว่าไม่ได้เป็นโรงแรมม่านรูด ทั้งที่รูปแบบธุรกิจก็ไม่ได้ต่างกัน

รูดม่าน โรงแรมม่านรูด ปีบ อินน์ จากเฟื่องฟูสู่ร่วงโรย

ขณะที่ เอวัน โมเต็ล ยังคงเดินหน้าธุรกิจต่อไป เพราะต้องการรักษาธุรกิจดั้งเดิมนี้เอาไว้ เนื่องจากกลายเป็นธุรกิจหายากไปแล้ว ปัจจุบันคงเหลือเพียงไม่กี่เจ้าเท่านั้น โดยที่ผ่านมาได้ปรับปรุงห้องพักใหม่ แต่คงแนวคิดของการเป็นโรงแรมม่านรูดเอาไว้เช่นเดิม ใช้งบไป 40 ล้านบาท ปรับปรุงเรื่องความสะอาด และความทันสมัย ตกแต่งห้องพักให้ดูวัยรุ่น โฉบเฉี่ยว มีบรรยากาศที่น่าสนใจ ทำให้ยังรักษาฐานลูกค้ามาใช้บริการได้ต่อเนื่อง

“คนทำโรงแรมม่านรูดรายอื่นที่ปิดตัวลง เพราะมองไม่เห็นคุณค่าของธุรกิจที่มี ไม่ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น ปล่อยให้โรงแรมม่านรูดเสื่อมโทรมลง พอไม่อยากทำต่อ ก็ขายที่ดินไป เพราะรู้สึกว่าได้กำไรกว่า” สมชัย กล่าว

นอกจากนี้ เอวัน ยังหันไปทำธุรกิจโรงแรมระดับ 45 ดาวด้วยเช่นกัน เพราะผลตอบแทนดีกว่าโรงแรมม่านรูดนั้น แต่ที่ยังทำโรงแรมม่านรูดอยู่ เพราะเป็นธุรกิจที่ค่าใช้จ่ายน้อยกว่า ใช้พนักงานน้อย ช่วงไหนที่โรงแรมม่านรูดมีรายได้ไม่ดี ก็ยังพออยู่ได้ เพราะรายจ่ายไม่ได้มากนัก

เชื่อว่า ธุรกิจม่านรูด ถึงแม้จะอยู่ในยุคที่เสื่อมซาลง แต่น่าจะยังคงอยู่คู่กับเมืองไทยไปได้อีกสัก 10 ปี