จางเจิ้น นักแสดงมากความสามารถ
ถ้าให้พูดถึงหนึ่งในนักแสดงจีนที่โด่งดังที่สุด ณ ตอนนี้ ใบหน้าของหนุ่มหล่อหน้าหยก แถมยังคมเข้มแบบตี๋อินเตอร์อย่าง “จางเจิ้น”
โดย...ตุลย์ จตุรภัทร / ภาพ กิจจา อภิชนรจเรข
ถ้าให้พูดถึงหนึ่งในนักแสดงจีนที่โด่งดังที่สุด ณ ตอนนี้ ใบหน้าของหนุ่มหล่อหน้าหยก แถมยังคมเข้มแบบตี๋อินเตอร์อย่าง “จางเจิ้น” ผู้ซึ่งเข้าวงการบันเทิงมาตั้งแต่อายุ 14 ปี ก็ลอยเข้ามาทำให้เราหวั่นไหวได้โดยง่าย
ทำไมต้องจางเจิ้น?
คำถามนี้ตอบได้ไม่ยาก เพราะจางเจิ้นคือหนึ่งในนักแสดงนำภาพยนตร์แอ็กชั่นเรื่อง “The Grandmasters” ผลงานของหว่องกาไว ที่สร้างจากเรื่องจริงของชีวิตยิปมัน ปรมาจารย์นักบู๊ศิลปะการต่อสู้แบบวุงชุน แถมยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล “ไต้หวัน โกลเด้น ฮอร์ส อวอร์ด ครั้งที่ 50” และยังเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 85 อีกด้วย
ที่สำคัญไปกว่านั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมาฉายให้คนไทยได้รับชมทางช่อง สกรีน เรด เอชดี บาย เอชบีโอ (ทรูวิชั่นส์ช่อง 136) ภายในเดือน ธ.ค.นี้อีกด้วย
เหตุเป็นเช่นนี้ ผลของเหตุคือ เราจะไม่แนบชิดติดเข่าคุยกับพ่อหนุ่มหน้าหยกอย่างจางเจิ้นกันเลยเชียวหรือ ว่าแล้วก็อย่ารอช้า เราไปพูดคุยกับเขากันเลยดีกว่า นานๆ ทีจะมีโอกาสดีๆ อย่างนี้สักครั้ง
“ก่อนอื่นผมคงต้องขอบคุณทรูวิชั่นส์ ที่ได้นำภาพยนตร์เรื่อง The Grandmasters มาออกอากาศให้คนไทยได้รับชมกัน ถือเป็นโอกาสดีที่คนไทยจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมอีกมุมหนึ่งของจีนผ่านทางภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆ ครับ”
สำหรับบทบาทในเรื่องนี้ จางเจิ้นรับบทกังฟู ผู้ดูเหมือนเป็นบุคคลอันตราย และเดานิสัยยาก แต่ก็ดูน่าหลงใหล น่าติดตาม เขาเผยว่า บทบาทนี้อาจดูลึกลับ แต่ตัวตนจริงๆ ของเขาค่อนข้างเรียบๆ ง่ายๆ สบายๆ ชอบดูหนัง ฟังเพลง และชอบขี่มอเตอร์ไซค์ “แต่จุดที่ผมและตัวละครเหมือนกัน นั่นคือการให้ความสำคัญกับความรู้สึกของคนรอบข้างครับ ถ้าถามว่าผมชอบบทบาทนี้มั้ย ผมชอบนะ และผมก็ทุ่มเทกับการแสดงในบทบาทนี้ค่อนข้างเยอะ และตอนนี้ยังอินกับบทนี้อยู่ (หัวเราะ)”
จางเจิ้น เผยว่า ในฐานะนักแสดงที่เข้ามาสู่วงการตั้งแต่อายุ 14 ปี รับบทบาทมาแล้วไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร แต่บทบาทที่ยังไม่ได้เล่น แต่อยากเล่น คือ บทบาทนักกีฬา เพราะบทนี้จำกัดอายุ ถ้าอายุมากก็จะเล่นบทนี้ไม่ได้ อีกบทบาทหนึ่ง คือ บทร้องเพลงและแสดงไปด้วย เป็นแนวมิวสิคัล
“ในฐานะนักแสดง ต้องชอบที่จะได้ลองบทบาทใหม่ๆ เป็นธรรมดาอยู่แล้ว มันเหมือนเป็นการได้ทดลองทางการแสดงที่ท้าทายขึ้นเรื่อยๆ ครับ”
คงมีใครหลายคนอยากรู้ว่า เขาแสดงภาพยนตร์มานักต่อนัก เขาจะมีโอกาสได้เล่นละครโทรทัศน์บ้างไหม จะผันตัวไปทำงานเบื้องหลังหรือเปล่า และที่สำคัญ เขาจะได้มาเล่นหนังเล่นละครที่เมืองไทยหรือไม่ เขาเผยว่า ถ้ามีโอกาสก็ยินดี
“ส่วนใหญ่ผมเล่นแต่หนัง และมักเป็นหนังจานด่วน แต่ถ้ามีละครดีๆ มาให้เล่นก็จะพิจารณาครับ ส่วนการเป็นผู้กำกับคงต้องอาศัยการทำงานเป็นทีมเวิร์ก และต้องอาศัยทักษะหลายๆ ด้าน แต่ถ้ามีโอกาสก็ยินดีทำ และในอนาคต ถ้าได้มาเล่นหนังเล่นละครที่เมืองไทยก็ยินดีครับ แต่คงต้องเรียนรู้ภาษาไทยก่อนเป็นอันดับแรก (หัวเราะ)”
แน่นอนว่านักแสดงที่งานชุกขนาดนี้ แถมยังมีชื่อเสียงโด่งดัง ย่อมต้องเอาชื่อเสียงมาแลกกับเวลาและความเป็นส่วนตัว จางเจิ้น กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า ในฐานะเป็นนักแสดง เขาเข้าใจและรับได้กับการสูญเสียความเป็นส่วนตัว “ยิ่งผมมาเจอนักข่าว ผมยิ่งเป็นตัวของตัวเอง ผมรักษาความเป็นตัวของตัวเองได้ ไม่ตื่นตระหนก หรือรู้สึกอึดอัดแต่อย่างไร”
เราเลยยิงคำถามไปที่เรื่องหัวใจโดยทันที ว่าสภาพหัวใจตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง “มั่นคงดีครับ” สั้น ง่าย แต่ได้ใจความ แถมเรายังเหลือบไปเห็นรอยสักที่ขาข้างขวา เขาเผยว่า “ผมชอบลายนี้ ดูมันตลกดี มันไม่มีความหมายอะไรหรอกครับ”
ท้ายสุด จางเจิ้น เผยว่า ทุกวันนี้สิ่งที่เขาพร่ำวอนขอ คือ ขอให้ตัวเองมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง เพื่อดำเนินชีวิตในแต่ละวันให้เป็นไปได้ด้วยดี “และที่สำคัญที่สุด ผมอยากมีเวลาให้เยอะกว่านี้ จะได้เดินทางไปยังประเทศต่างๆ ได้มากขึ้น ผมชอบเดินทางท่องเที่ยวครับ”
ในช่วงแรกๆ ของการเป็นนักแสดง จางเจิ้น ได้รับบทในเรื่องแฮปปี้ ทูเก็ตเตอร์ ซึ่งเป็นผลงานของหว่องกาไว โดยเขาได้ร่วมแสดงกับ เลสลี่ จาง และเหลียงเฉาเหว่ย จากบทบาทนี้ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงประกอบยอดเยี่ยมในงานฮ่องกง ฟิล์ม อะคาเดมี่ อวอร์ด
จางเจิ้น ได้รับบทนำในภาพยนตร์เรื่องครัชชิ่ง ไทเกอร์, ฮิดเด้น ดรากอน ของอั้งลี่ และภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยมในงานออสการ์ครั้งที่ 73
จางเจิ้น ได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมในงานเทศกาลภาพยนตร์โอซาก้า จากบทบาทหวู่ซิงหยวน จากเรื่องโก มาสเตอร์ ของเทียนจวงจวง