อุ้งเชิงกรานอักเสบ
โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ (Pelvic Inflammatory Disease, PID) คือโรคในสตรีเพศที่พบบ่อย
โดย...แพทย์จีน ธนภร ตันสกุล คลินิกหัวเฉียวไทยจีน
โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ (Pelvic Inflammatory Disease, PID) คือโรคในสตรีเพศที่พบบ่อยและมักพบในสตรีที่มีอายุ 1855 ปี จนถึงสตรีวัยหมดประจำเดือน การศึกษาทางคลินิกพบว่า ผู้ป่วยมักมีอาการปวดหน่วงบริเวณท้องน้อย ปวดเอวช่วงล่าง ตกขาวมีปริมาณมาก และสามารถพบภาวะประจำเดือนผิดปกติ มาปริมาณมากหรือมาน้อยในบางราย หรือมากะปริบกะปรอยไม่หยุด ภาวะปวดประจำเดือน อาการปวดเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ อาการปวดท้องน้อยก่อนหลังการขับถ่าย และเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะการมีบุตรยากถึง 2030% ของสาเหตุทั้งหมด
อุ้งเชิงกรานอักเสบถือได้ว่าเป็นโรคที่มีการติดเชื้อของระบบสืบพันธุ์ในผู้หญิงชนิดหนึ่ง ครอบคลุมถึงภาวะอักเสบของเยื่อบุโพรงมดลูก ท่อนำไข่อักเสบ ท่อนำไข่มีถุงหนอง หรือเยื่อบุอุ้งเชิงกรานอักเสบ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบมีสถิติเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้ารักษาไม่ทันท่วงที หรือรักษาไม่หายขาดก็สามารถส่งผลถึงภาวะมีบุตรยาก จนถึงเป็นสาเหตุของท้องนอกมดลูกได้ เป็นต้น
ทฤษฎีทางแพทย์แผนจีนกล่าวไว้ว่า โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ แบ่งเป็น 4 กลุ่มอาการ ดังนี้
1.ความร้อนและความชื้นคั่ง ผู้ป่วยมักมีอาการปวดท้องน้อย ปวดเอว ไม่มีไข้หรือมีไข้ต่ำๆ เมื่ออ่อนเพลีย หรือประจำเดือนมา อาการจะเป็นมากขึ้น ประจำเดือนส่วนใหญ่มักมามากผิดปกติ หรือกะปริบกะปรอยไม่หยุด ประจำเดือนมาช้า หรือมาก่อน ตกขาวมีลักษณะเหนียวข้นสีเหลืองหรือน้ำตาลมีกลิ่น มีอาการคัดแน่นหน้าอกร่วมด้วย เบื่ออาหาร ปากแห้งคอแห้ง หงุดหงิด ตื่นง่ายฝันมาก
2.ชี่อุดกลั้นเลือดคั่ง ผู้ป่วยมีอาการปวดท้องน้อยและกดเจ็บ ปวดเอวขาไม่มีแรง อาการของโรคจะเป็นมากขึ้นเมื่อมีประจำเดือน อาจคลำพบก้อนในท้องน้อย ตกขาวมาก มีสีเหลืองเข้ม
3.ความเย็นและความชื้นหยุดอุดกั้น ผู้ป่วยมีอาการปวดแน่นที่ท้องน้อย ปวดเมื่อยบริเวณเอวช่วงล่าง อาการจะหนักมากขึ้นเมื่อเหนื่อยล้าจากการทำงานหรือเมื่อมีรอบเดือน ท้องน้อยมีความรู้สึกเย็น มือเท้าเย็น ประจำเดือนมาน้อยหรือมาช้า มีสีคล้ำ และมีก้อนลิ่มเลือดปนอยู่ด้วย หรือผู้ป่วยบางรายประจำเดือนไม่มาเกิน 3 เดือน ตกขาวปริมาณมากลักษณะใสเหมือนน้ำ
4.ชี่พร่องและเลือดคั่ง ผู้ป่วยจะมีอาการปวดจี๊ดที่ท้องน้อย หรือปวดเหมือนมีเข็มทิ่ม หรือมีอาการปวดแน่นที่ท้องน้อย เมื่อมีรอบเดือนอาการจะมีมากขึ้น ประจำเดือนมีปริมาณมากและมีก้อนลิ่มเลือดปน ตกขาวมาก มักพบในผู้ป่วยที่แต่งงานเป็นเวลานานแล้วไม่ตั้งครรภ์ ภาวะก่อนมีประจำเดือนมีอารมณ์ฉุนเฉียวหงุดหงิด คัดหน้าอก เป็นต้น
การรักษาทางแพทย์แผนจีนวิธีที่นิยมที่สุด คือ การรับประทานสมุนไพรจีนที่มีฤทธิ์ขจัดพิษร้อนชื้น ระบายความร้อน ระบายอุดกั้น สลายเลือดคั่ง บำรุงไต สร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกาย นอกจากรับประทานสมุนไพรจีนแล้วยังมีวิธีประคบร้อน โดยใช้สมุนไพรจีนประคบที่บริเวณท้องน้อย หรือใช้สมุนไพรจีนสวนทวารล้างพิษในลำไส้ เพื่อลดอาการปวด ลดการอักเสบ และสลายก้อนในอุ้งเชิงกราน เป็นต้น
การป้องกัน ผู้ป่วยอุ้งเชิงกรานอักเสบ มักจะมีอาการเป็นๆ หายๆ สร้างความรำคาญและส่งผลกระทบถึงการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์ด้วย ดังนั้น ในทางแพทย์แผนจีน จึงแนะนำผู้ป่วยให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ รักษาสมดุลของอารมณ์ อย่าเครียด หรือโมโห รักษาความสะอาดของอวัยวะช่วงล่าง ห้ามมีเพศสัมพันธ์ขณะมีประจำเดือน ห้ามรับประทานอาหารรสเผ็ดจัด มันจัด เย็นจัด รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายเบาๆ เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย เป็นต้น
การรักษาในปัจจุบันนี้ วิธีแรกที่แพทย์แผนปัจจุบันเลือกใช้ในการรักษาโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ คือ รับประทาน หรือฉีดยาปฏิชีวนะ เพื่อลดอาการอักเสบของผู้ป่วย ในผู้ป่วยรายที่มีอาการเป็นๆ หายๆ เป็นระยะเวลานานจะได้รับยาปฏิชีวนะ ในการรักษาเวลานานด้วย ในทางคลินิกจึงมักพบว่า ผู้ป่วยมีภาวะดื้อยา หรือเกิดภาวะติดเชื้อซ้ำสองได้
ดังนั้น วิธีทางแพทย์แผนจีนจึงเป็นวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการรักษาโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบเป็นอย่างมากในประเทศจีน มีการวิจัยถึงผลการรักษาโดยใช้สมุนไพรจีน ทั้งในทางคลินิกและสถิติ เพื่อให้มีผลการรักษาที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การรักษาโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ โดยรับประทานยาสมุนไพรจีน จึงเป็นทางเลือกที่ดีทางเลือกหนึ่งของผู้ป่วยที่มีผลดีและยั่งยืน โดยไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย