สดุดี แด่...ความดีงามของเกมล่าชีวิต

19 ธันวาคม 2556

นับตั้งแต่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา จนมาถึงวันนี้ เป็นเวลา 29 วันแล้วที่ภาพยนตร์เรื่อง The Hunger Games : Catching Fire

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร

นับตั้งแต่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา จนมาถึงวันนี้ เป็นเวลา 29 วันแล้วที่ภาพยนตร์เรื่อง The Hunger Games : Catching Fire โดยผู้กำกับ I Am Legend และ Constantine ฟรานซิส ลอว์เรนซ์ เป็นผู้มาถ่ายทอดเรื่องราวของเกมล่าชีวิต ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ไทย

ถามว่า ผมเขียนถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ช้าไปไหม คนที่ได้ไปดูมาแล้วเขาคงไม่มาอ่านอะไรที่ผมเขียนอีกแล้ว เพราะเขารู้ทุกสิ่งอย่างไปหมดแล้ว เอาเป็นว่า ผมยอมรับว่าผมเขียนช้า แต่ทว่าผมขอเขียนถึงภาพยนตร์เรื่องนี้เพื่อสดุดีหลายสิ่งหลายอย่างให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วกันครับ เผื่อใครที่ยังไม่ได้ไปดูจะได้รีบตัดสินใจไปดู ภายใต้คำบางคำที่ผมอยากจะบอก

สดุดี แด่...ความดีงามของเกมล่าชีวิต

 

“ช้าไปกว่านี้...ระวังจะเสียใจ”

สิ่งที่ผมประทับใจภาพยนตร์เรื่องนี้มากที่สุดคือ ฝีมือการแสดงของนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมรางวัลออสการ์ (ที่คาดว่าปี 2014 เธอจะได้เข้าชิงอีกแน่นอน) เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ที่รับบท แคทนิส ผมว่าเธอถ่ายทอดความซับซ้อนของตัวละครได้เป็นอย่างดี ยิ่งเธอตกอยู่ในภาวะที่ต้องต่อสู้กับประธานาธิบดี สโนว์ ต่อสู้กับอดีตผู้ชนะอีก 11 เขต ต่อสู้กับความห่วงใยและความใกล้ชิดของ พีตา ต่อสู้กับความห่างไกลจากคนที่เธอรัก แต่ เจนนิเฟอร์ ก็สามารถถ่ายทอดความซับซ้อนแห่งการต่อสู้ทั้งทางกายและทางใจได้อย่างดีเยี่ยม มันเป็นบทที่ท้าทายนักแสดงหญิงคนนี้เพิ่มอีก 2 เท่า (และเชื่อว่าภาคต่อหลังจากนี้จะเพิ่มขึ้นอีกหลายๆ เท่า)

ต่อมา สิ่งที่ผมอยากจะสดุดีให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้คือ การตัดต่อที่กระชับ ฉับไว ไม่ทำให้เรื่องราวที่ถ่ายทอดจากหนังสือกลายเป็นสิ่งที่อืดอาดยืดยาด ทำให้คนที่ไม่เคยอ่านนิยายหรือยังไม่เคยดูภาคแรก สามารถเข้าใจได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว แถมยังต่อติดได้โดยง่าย ซึ่งนับว่านี่เป็นข้อดีที่ทำให้คนดูดูแล้วไม่รู้สึกง่วงเหงาหาวนอน

สดุดี แด่...ความดีงามของเกมล่าชีวิต

 

และสิ่งที่ผมอยากจะสดุดีให้ใจแทบขาด นั่นคือปรัชญาของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่มันมาพร้อมกับการไล่ล่า เปรียบได้ดั่งคำโบราณที่กล่าวไว้ว่า “เมื่อหมาถึงคราจนตรอก มันพร้อมสู้เสมอ” และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำให้คำโบราณดังกล่าวนี้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทำให้เราในฐานะคนดูและในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่ลงเล่นเกมชีวิตมาตลอดชั่วชีวิต ได้ตระหนักถึงการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด

ในฐานะที่เราเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ยังต้องตื่นลืมตาขึ้นมาหายใจเพื่อใช้ชีวิตอยู่ ให้โอกาสตัวเองได้ไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้เถิดครับ นี่ไม่ใช่การชี้ชวนไปดูภาพยนตร์ที่ไล่ฆ่าฟันกันเองเสียจนทนดูไม่ได้ แต่ไปดูเพื่อไปเรียนรู้ปรัชญาของการใช้ชีวิต เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตจริงของเรา หาปรัชญาอันจริงแท้ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการนำเสนอให้เจอ

แล้วคุณจะได้อะไรต่อมิอะไรอีกเยอะ

เมื่อคุณเดินออกจากโรงภาพยนตร์

สดุดี แด่...ความดีงามของเกมล่าชีวิต

 

The Hunger Games : Catching Fire

ปี 2013

ประเทศ สหรัฐ

ประเภท แอ็กชั่น/แอดเวนเจอร์

กำกับ ฟรานซิส ลอว์เรนซ์

เขียนบท ไซมอน โบฟอย

แสดงนำ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์/จอช ฮัทเชอร์สัน/เลียม เฮมส์เวิร์ธ/แซม คาฟลิน/จีน่า มาโลน

เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ได้พูดถึงความรู้สึกที่ได้กลับมาในภาพยนตร์ภาคต่อเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่งว่า “มันยอดเยี่ยมมากที่ได้กลับมารับบทเป็น แคทนิส มันให้ความรู้สึกเหมือนกับพวกเราเรียนปีสองในมหาวิทยาลัย สิ่งที่น่าสนใจในภาคนี้คือ ทุกสิ่งมีความเข้มข้นตั้งแต่วินาทีแรก คนดูจะได้เห็นเกมล่าชีวิตที่มีเดิมพันสูงกว่าเดิม เมื่อดูจบ คุณอยากจะดูภาคต่อโดยทันที”

เมื่อดูภาพยนตร์เรื่อง The Hunger Games : Catching Fire จบลงแล้ว ให้รีบอ่านม็อกกิ้งเจย์ (เกมล่าชีวิต ภาค 3) ที่จะทำให้เราได้ล่วงรู้ความลับอันน่าตกใจที่ถูกปิดซ่อนมาตลอด 75 ปี นับตั้งแต่ยุคมืด หลังจากอ่านเล่มนี้จบ ก็ให้รีบอ่าน หญิงสาวผู้มากับไฟ (The Girls Who Was On Fire) ต่อเลยทันที เพราะหนังสือเล่มนี้เหมือนพาเราไปชอนไชเรื่องราวที่เราอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับ แคทนิส เกมล่าชีวิต เกล พีต้า รายการเรียลิตี้การอยู่รอด และอื่นๆ อีกมากมาย ตามซื้อหามาอ่านได้ทุกแผงหนังสือ งานนี้ สนพ.โพสต์บุ๊กส์เขาการันตีความมัน

สดุดี แด่...ความดีงามของเกมล่าชีวิต

 

Thailand Web Stat