รอยยิ้มปริศนา

21 ธันวาคม 2556

ในชั้นเรียนวิชาเลือกศิลปะปีสุดท้ายของชั้นมัธยมต้น ครูผู้สอนเริ่มชั้นเรียนโดยเขียนบนกระดาน ว่า “โมนาลิซา”

โดย...ธเนศน์ นุ่นมัน

ในชั้นเรียนวิชาเลือกศิลปะปีสุดท้ายของชั้นมัธยมต้น ครูผู้สอนเริ่มชั้นเรียนโดยเขียนบนกระดาน ว่า “โมนาลิซา” ก่อนที่จะอธิบายว่า ชื่อนี้คือภาพเขียนลือนามของศิลปินชาวอิตาลี ลีโอนาร์โด ดา วินชี ครูบอกอีกว่า ใครๆ ก็รู้จักภาพเขียนนี้ แต่น้อยคนจะทราบถึงประวัติอันเร้นลับ ทั้งหมดเป็นเรื่องปริศนาลึกลับ เช่นเดียวกับการจ้องมองรอยยิ้มของเธอเป็นเวลานานๆ ก็ยิ่งระคนสงสัยในจุดประสงค์ของผู้วาด...น่าสงสัยอย่างยิ่งว่า ดา วินชี ตั้งใจให้ มาดามลิซา ส่งยิ้มแบบนั้นถึงใครกัน

แล้วครูก็เล่าถึงตำนานแห่งรอยยิ้มนั้นว่า เรื่องราวเริ่มขึ้นจากที่ ดา วินชี หลงรัก โมนาลิซา เพียงข้างเดียวมานาน แต่แล้ววันหนึ่งวิมานรักที่ ดา วินชี เฝ้าฝันแต่เพียงลำพัง ก็ต้องมีอันพังครืนลง ประทับบาดแผลหัวใจสลายไว้กับเขาชั่วกาล เมื่อได้รู้ว่าหญิงสาวที่เขาฝันได้แต่งงานไปแล้วกับพ่อค้าผู้ร่ำรวย

กาลเวลาผ่านไป เขาได้พบกับเธออีกครั้ง ในฐานะช่างเขียนรูปที่ถูกว่าจ้างให้ลงมือวาดภาพเหมือนของเธอ นี่เป็นโอกาสที่ ดา วินชี ได้เพ่งมอง โมนาลิซา อย่างพินิจพิเคราะห์ โดยชั่วขณะหนึ่ง เขาเห็นเธอแย้มยิ้มให้โดยที่ล่วงรู้ว่า นั่นคือรอยยิ้มที่จงใจตอกย้ำว่า เขาไม่มีวันที่จะได้ครอบครองเธอในฐานะภรรยา

“นั่นเป็นรอยยิ้มเยาะ โมนาลิซา ยิ้มเยาะ ดา วินชี” ครูสรุป โดยที่มีผมและนักเรียนคนอื่นๆ นั่งนิ่งงัน ฟังเรื่องที่เล่ามาอย่างสะเทือนใจและไร้ข้อโต้เถียง ขณะเดียวกันความสงสัยในตำนานแสนเศร้านั้น ก็เริ่มเพิ่มอุณหภูมิความอยากรู้อยากเห็นขึ้นในตัวผม จบชั้นเรียนวันนั้น ผมพุ่งเข้าห้องสมุด ตรงไปยังมุมตำราศิลปะที่มีอยู่ไม่มากนัก

...ประวัติ ดา วินชี ที่บรรจุไว้ในหนังสือแต่ละเล่ม ไม่มีบรรทัดไหนพูดถึงเรื่องที่ครูเล่ามาเลย ผมปิดหนังสือลงอย่างจนปัญญา เปิดเฉพาะหน้าที่เป็นภาพโมนาลิซาอีกครั้ง ขณะที่จ้องมองอยู่ครู่ใหญ่นั่นเอง รอยยิ้มปริศนาก็มลายไป เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเยาะที่ผมเริ่มรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่ปรากฏอยู่ที่ไหนสักแห่งในดวงหน้านั้นได้

ผ่านไปหลายปี ชั้นเรียนวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะศตวรรษที่ 19 ในระดับมหาวิทยาลัย เรียนเรื่องยุค “เรอเนซองส์” หรือ “ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ” ชั้นเรียนบอกว่า โมนาลิซา คือ Madonna Lisa Di Antonio Maria Gheradini ภรรยาของเศรษฐีชาวเมืองฟลอเรนซ์ ซึ่งได้จ้างวานให้วาดภาพนี้ขึ้นในปี ค.ศ. 1503 และใช้เวลาเขียนหลายปีกว่าจะเสร็จ

แวดวงวิชาการหลายแขนงพยายามหาคำตอบจากรอยยิ้มปริศนาของเธอ แต่ไม่อาจหาข้อสรุปได้ ทำได้เพียงตีความแตกต่างกันไป มีทฤษฎีมากมาย ตั้งแต่เกี่ยวกับการมองเห็นของมนุษย์ ไปจนถึงการตีความของนักจิตวิเคราะห์คนสำคัญอย่าง ซิกมันด์ ฟรอยด์ ที่บอกว่ารอยยิ้มของเธอแสดงให้เห็นถึงความดึงดูดทางเพศที่ ลีโอนาร์โด ผนึกความทรงจำไว้กับแม่ของตัวเอง จึงถอดแบบรอยยิ้มนั้นมาจากผู้เป็นมารดา

กระทั่งมองไปว่า ลีโอนาร์โด เป็นพวกรักร่วมเพศ จึงสันนิษฐานว่า โมนาลิซา ไม่ใช่ผู้หญิง แต่เป็นภาพเหมือนเด็กหนุ่มรูปงาม กระทั่งมีการนำภาพเหมือนของ ลีโอนาร์โด มาเปรียบเทียบกับภาพของ โมนาลิซา แล้วตีความว่า แท้จริงภาพเขียนลือนามนี้ คือภาพเหมือนตัว ดา วินชี เองในภาคที่เป็นสตรีเพศ โดยตอกย้ำเรื่องนี้ด้วยหลักฐานทางวิชาการมากมาย

รอยยิ้มของเธอได้ก่อให้เกิดการโต้เถียงกันทางวิชาการมากมาย ซึ่งยังไม่อาจข้ามพ้นปริศนาไปได้ แม้เวลาจะล่วงเลยมาแล้วกว่า 5 ศตวรรษ...เป็นไปได้ที่คำตอบที่แท้จริงอาจจะอยู่ที่ไหนสักแห่ง หรือเพียงแต่ซ่อนตัวอยู่ในม่านหมอกบนหุบเขาเร้นลับซึ่งถูกใช้เป็นฉากหลังของเธอ

สิ่งที่เรียนรู้ภายหลัง ทำให้ผมต้องพับเก็บตำนานที่ปักใจเชื่อมาจากชั้นมัธยมไปจากความทรงจำอย่างเอียงอาย ซึ่งทั้งหมดทั้งสิ้นทำให้รู้แล้วว่า กว่าจะได้คำตอบในแต่ละเรื่อง ต้องเรียนรู้อะไรๆ มากมายเหลือเกิน

ผมจ้องมอง โมนาลิซา อีกครั้ง “นี่เป็นรอยยิ้มเยาะ” ผมบอกตัวเอง ก่อนจะบอกอีกว่า เธอกำลังยิ้มเยาะตัวผม

Thailand Web Stat