นักฆ่าเลือดเย็น
สายตาเฉียบคม
สายตาเฉียบคม
ตาคู่มโหฬารของแมลงปอมองกราดได้สุดขอบฟ้ารอบทิศทาง แค่แวบเดียวก็สังเกตเห็นเหยื่อไกลๆ ได้
ล็อกสายตา ตามติดเป้าหมายราวขีปนาวุธนำวิถี
เมื่อแมลงปอเจอะกับฝูงบินแมลงหวี่ แมลงวัน นักล่าอย่างมันจะจดจ่อไปที่เหยื่อตัวเดียวโดยไม่มีวอกแวก นักวิทยาศาสตร์เข้าใจมาตลอดว่ามีเพียงมนุษย์กับลิงเท่านั้นที่มีสมาธิจับจ้องสิ่งใดสิ่งหนึ่งและกรองข้อมูลอื่นทิ้ง ในปี 2012 ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยอเดเลด ประเทศออสเตรเลีย พบว่าแมลงปอก็มีคุณสมบัติพิเศษนี้
นักวิทยาศาสตร์วัดการทำงานของเซลล์ประสาทในสมองแมลงปอ โดยอาศัยใยแก้วเซนเซอร์ขนาด 60 นาโนเมตร หรือ 1 ใน 1,500 ของความหนาเส้นผมมนุษย์ แล้วพบว่าแมลงมีความสามารถในการเลือกให้ความสนใจ (Selective Attention) ได้ คือ หากแมลงปอพบเหยื่อสองตัวพร้อมกัน มันจะล็อกความสนใจอยู่ที่เหยื่อตัวใดตัวหนึ่งและไม่สนใจอีกตัวเลย
นักวิทยาศาสตร์หวังให้ข้อมูลนี้จุดประกายแรงบันดาลใจให้วิศวกรออกแบบหุ่นยนต์ตามแบบระบบประสาทเรียบง่ายแต่ได้ประสิทธิภาพของแมลงปอ
รู้หรือไม่ ว่าสายตาเป็นอาวุธสำคัญของแมลงปอ มันใช้พื้นที่สมองถึง 80% เพื่อแปรข้อมูลจากภาพที่มองเห็น
เห็นภาพมุมกว้าง หรือภาพพานอรามา
ระบบการมองเห็นอันลึกล้ำของแมลงปอ ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการล่าเหยื่อ
ตาของแมลงปอประกอบด้วยตาหรือเลนส์เล็กๆ จำนวนมากเหมือนของแมลงทั่วไป แต่ละเลนส์รองรับด้วยเซลล์ประสาทหนึ่งเซลล์ ตาแมลงวันมี “แค่” 6,000 เลนส์ ในขณะที่ตาแมลงปอมี 30,000 เลนส์ ทำให้แมลงปอสแกนดูรอบตัวได้ในคราวเดียว และโฟกัสอย่างเข้มข้นที่เหยื่อตัวใดตัวหนึ่ง ยิ่งกว่านั้น แมลงปอยังมีโปรตีนที่ไวต่อแสงที่เรียกว่าโปรตีนออพซิน (Opsin) อยู่กว่า 45 ชนิด เปรียบเทียบกับมนุษย์ซึ่งมีเพียง 3 ชนิด นอกจากสีธรรมดาแล้ว เจ้าหุ่นยนต์นักล่านี้ยังไวต่อแสงยูวี ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ ด้านบนของตารวมมีออพซินที่ไวต่อแสงยูวีและแสงสีฟ้า และด้านล่างมักมีออพซินสำหรับช่วงแสงสีเขียวและสีส้ม แมลงปอจึงมองเห็นท้องฟ้าเป็นสีขาว ทำให้ภาพเหยื่อที่บินดูเป็นเงาสีเข้ม มองเห็นได้ชัดเจน
ปีก
แมลงปอหักเลี้ยวกะทันหันและบินอยู่กับที่ได้
ปีกเหมือนเฮลิคอปเตอร์ที่ควบคุมแบบแยกส่วน
ปีกทั้ง 4 ช่วยควบคุมการบินให้สมดุลนุ่มนวล อย่างที่วิศวกรการบินใฝ่ฝัน
ปีกของแมลงปอทำงานได้เหลือเชื่อเสียจนหน่วยงานทหารและองค์การนาซาของอเมริกาต่างพยายามสร้างเครื่องบินไร้คนขับขึ้นเลียนแบบ ปีกมันเบา แกร่ง ทนทานและยืดหยุ่นได้
ยิ่งกว่านั้น แมลงปอสามารถบังคับแต่ละปีกให้กระพือแยกกันได้ ทำให้บินถอยหลังได้รวดเร็ว ในการบินปกติ ปีกจะกระพือเหลื่อมกันเล็กน้อย ปีกคู่หน้าสร้างลมวน ซึ่งปีกคู่หลังใช้เป็นแรงยก หากจะหักเลี้ยว ปีกข้างหนึ่งกระพือไปข้างหน้า อีกข้างหนึ่งกระพือถอยหลัง แมลงปอสามารถลอยลำกลางอากาศได้เหมือนเฮลิคอปเตอร์ด้วยการกระพือปีกคู่หน้าลง ขณะที่ปีกคู่หลังกระพือขึ้น สลับกันไปเรื่อย ถ้าจำเป็นมันจะบินถอยหลังได้ด้วย ในหมู่แมลงมีเพียงแมลงปอเข็มซึ่งเป็นญาติใกล้ชิดกับแมลงปอเท่านั้น ที่มีศักยภาพการบินพอสูสีกัน
ตั้งแต่ยังเยาว์ ตัวอ่อนแมลงปอก็เป็นนักล่าตัวยง ตัวอ่อนอาศัยอยู่ในน้ำ และเคลื่อนที่โดยดันน้ำออกจากเหงือกซึ่งอยู่ภายในทวารเป็นแรงขับเคลื่อน ตัวอ่อนต่างจากตัวเต็มวัยตรงที่ ตัวอ่อนจะซุ่มรอเหยื่อ เมื่อเหยื่อว่ายน้ำผ่านจุดที่ซ่อนมันจะฉกกรามล่างรูปร่างเหมือนคีมออกไปจับเหยื่อได้ถนัดถนี่ ราวกับกรามล่างเป็นแขนหรือขา เมื่อฟักจากไข่ระยะแรก ตัวอ่อนจะจับเหยื่อตัวเล็ก เช่น กุ้งฝอย ต่อไปมันสามารถล่าปลาตัวเล็กๆ หรือลูกอ๊อดได้
กรามเขมือบเหยื่อ
แมลงปอจัดเป็นแมลงในอันดับ Odonataมาจากรากศัพท์กรีก แปลว่า ฟัน หรือกราม นับเป็นชื่อที่เหมาะกับตัวมัน เพราะมันบดขย้ำเหยื่อด้วยกรามแหลมคมเป็นซี่ๆ
แมลงวันที่เผลอเข้าใกล้แมลงปอนั้น ถือเป็นความผิดพลาดถึงตาย แมลงปอทำงานอย่างเป็นระบบละเอียดถี่ถ้วนเพื่อจัดการเหยื่อ อันดับแรก มันจะจับเหยื่อด้วยขาคู่หน้า แล้วตัดปีกเหยื่อออกเพื่อปิดหนทางหนี หากแมลงวันต่อสู้ มันจะกัดที่หัว สุดท้ายแมลงปอจะจัดการเหยื่ออย่างสบายใจเริ่มจากหัวก่อน
กรามแมลงปอเปิดกว้างเพื่อให้กลืนกินเหยื่อตัวใหญ่ได้ แถมกินไปบินไปยังได้อีกด้วย เหยื่อมักถูกขม้ำกลางอากาศ ซึ่งนับเป็นข้อได้เปรียบของแมลงปอ เนื่องจากมันหิวบ่อย มันล่าแมลงวันและยุงตลอดทั้งวันทั้งคืน บางครั้งก็ขม้ำพวกเดียวกันด้วย
นักวิทยาศาสตร์ คะเนว่า แมลงปอกินอาหารเป็นน้ำหนักถึงร้อยละ 1015 ของน้ำหนักตัวมันเองทุกวัน แม้ในสถานการณ์คับขันมันยังกินได้นักวิทยาศาสตร์เคยพบแมลงปอที่ติดแหง็กในใยแมงมุม แต่กลับขม้ำตัวแมงมุมโดยไม่สนว่าตัวเองจะหลุดออกไปหรือไม่