posttoday

เลี้ยงลูกปลูกฝังความเป็นเจ้าของ

22 กุมภาพันธ์ 2557

โดย...บงกชรัตน์ สร้อยทอง / ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

โดย...บงกชรัตน์ สร้อยทอง / ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

กลุ่มเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก” ครอบครัวธุรกิจค้าทองคำที่ดำเนินธุรกิจมากว่า 50 ปี จากรุ่นอากง อาม่า ตั้งแต่เป็นร้านทองแม่ทองสุก จนมาถึงรุ่นที่ 2 “นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ” ประธานบริษัท และเริ่มก้าวสู่รุ่นที่ 3 ที่มีลูกชายและลูกสาวรวม 3 คน มาช่วยคุณพ่อดูแลเต็มที่ เริ่มตั้งแต่ผู้พี่ “กอล์ฟณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ส หรือซื้อขายทองล่วงหน้า “เอ็มกีรดิต หิรัณยศิริ” รองกรรมการผู้จัดการ รับผิดชอบการขายทองรูปพรรณ การขายทองแท่งออนไลน์ และการตลาด และน้องนุชสุดท้อง “กิ๊ฟดลพร หิรัณยศิริ” น้องสาวที่ถูกวางตัวเสมือนเป็นตัวแทนของคุณแม่ เพราะได้รับหน้าที่ให้เป็นแม่บ้านดูงานฝ่ายสนับสนุนของบริษัท ซึ่งรวมถึงเรื่องการเงินด้วย ซึ่งทั้ง 3 พี่น้องห่างกันคนละ 2 ปี ไล่เรียงอายุตามลำดับ 29 ปี 27 ปี และ 25 ปี

อะไรคือเคล็ดลับในการเลี้ยงลูกให้เข้ามาสืบทอดกิจการได้เป็นอย่างดี โดยไม่มีลูกคนไหนออกนอกลู่นอกทาง วันนี้คุณพ่อลูกสามจะมาเปิดเผยเคล็ดลับ

ธุรกิจทำให้ลูกมีวันนี้

นพ.กฤชรัตน์ เลี้ยงลูกแบบตั้งใจมาก โดยจะให้เขาคลุกคลี และรู้สึกความเป็นเจ้าของว่า นี่คือธุรกิจของครอบครัวเขา ของพวกเรา และสร้างชีวิตจนทำให้มีพวกเขาในวันนี้ได้ และคนเป็นพ่อแม่ทำให้เขาได้มากที่สุด คือ การให้การศึกษาที่ถูกทางกับลูกๆ ไว้ ซึ่งเมื่อมีธุรกิจที่บ้านแล้ว เราพยายามให้เขาเรียนไปทางด้านธุรกิจหรือการเงิน เพราะจะเป็นผลดีกับเขาในอนาคต ไม่เหมือนกับเราไปเรียนหมอมา พอต้องมาช่วยคุณแม่ ผมก็ต้องใช้เวลาคิดและเริ่มต้นเองทั้งหมด

เดิมตั้งใจว่าขั้นตอนแรกของพ่อแม่ คือ ต้องทำให้เขาคุ้นเคยกับสิ่งที่เขาต้องดูแลในอนาคต ขั้นตอนที่สอง คือ พยายามให้ลูกไปหาประสบการณ์จากข้างนอกก่อนแล้วกลับมาทำงานที่บ้าน แต่กลายเป็นลูกชายคนแรกก็ไม่มีเวลาไปดูงานข้างนอกแล้ว เพราะธุรกิจทองคำโตเร็วมากกับสิ่งที่อุตสาหกรรมกำลังจะเริ่มต้น ทำให้ลูกชายคนโตต้องมาช่วยผมบุกเบิกซื้อขายทองล่วงหน้า หรืออนุพันธ์ พร้อมปรับโครงสร้างธุรกิจ สางระบบเทคโนโลยีใหม่ พร้อมกับปรับภาพพจน์ให้บริษัทดูทันสมัยมากขึ้น

ความที่อุตสาหกรรมเติบโตเร็วมาก และเป็นธุรกิจที่มีความเฉพาะทางมาก เป็นเรื่องยาก ก็พยายามจัดสรรส่วนงานที่เหมาะกับบุคลิกแต่ละคนด้วย และก็ต้องเปิดโอกาสให้เขาได้มีอิสระทางความคิดในส่วนงานหรือที่เขารับผิดชอบได้อย่างเต็มที่ โดยจะคอยเป็นพี่เลี้ยงประกบไปก่อน แล้วค่อยเว้นจังหวะให้เขาได้เดินไปอย่างมั่นคงต่อไป

อนาคตเพื่อให้ธุรกิจและความเป็นพี่น้องของพวกเขาไปอย่างมั่นคง อาจจะทำเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่แบ่งสัดส่วนให้ทุกคนได้มีความเป็นเจ้าของและหุ้นส่วนของบริษัทจริงๆ ที่ใครทำมากก็จะได้มาก ถ้าในส่วนของความเป็นลูกจาก 100% ได้คนละ 510% แต่ถ้าเขาทำมาก เขาอาจจะได้ถึง 4050% ขึ้นไป ซึ่งมองว่านี่คือส่วนผสมระหว่างความเป็นลูกและความเป็นเจ้าของที่จะทำให้เขาเติบโตที่พ่วงมาด้วยความรู้จักรับผิดชอบไปด้วย

ลูกชายคนโต เป็นผู้ใหญ่ มีเหตุผลและหลักการมาก

ลูกชายคนที่สอง ร่าเริงแจ่มใส ซึ่งก็เหมาะที่จะดูแลด้านการตลาดที่ต้องพบเจอกับคนมาก รวมถึงการดูแลการขาย

ลูกสาวคนสุดท้าย ที่จะดูมีความเป็นระเบียบ คิดว่าเขาเหมาะที่จะดูแลระบบงานหลังบ้านได้เป็นอย่างดี โดยมีข้อตกลงกันว่าจะต้องมีการประชุมเพื่อรับรู้ความเป็นไปของแต่ละคนสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ซึ่งเมื่ออยู่ในที่ประชุมต่างสามารถแสดงความคิดเห็นออกมาได้เต็มที่ ซึ่งตอนนี้เขายังมีพ่อคอยดูแล คอยปรับ หรือสร้างความสมดุลของผลการประชุมให้ แต่อีก 23 ปี จะเริ่มค่อยๆ ถอยออกมาให้พวกเขาเดินเองได้มากขึ้น แล้วจะทำหน้าที่ประคองอยู่ห่างๆ

ขณะเดียวกัน ก็มองอนาคตให้เขาที่คิดว่าจะต้องมีการทำธรรมนูญของครอบครัวขึ้นมา เพื่อเป็นการระบุข้อตกลงทุกอย่างให้ชัดเจน

ทั้งนี้ เพราะหวังว่าผ่านไปยังรุ่น 3 ธุรกิจของครอบครัวเราก็จะค่อยๆ เติบโตขึ้นต่อเนื่อง และที่ลูกเป็นได้ดั่งใจพ่อแม่ถึงวันนี้ ก็ต้องยกเครดิตให้แม่เขามาก ที่ช่วยดูและประคองทิศทางการเดินของลูกๆ ได้ดีมาก ซึ่งเราถือว่าเราได้ช่วยกันบริหารจัดการอย่างมีระบบ และไม่เสียพื้นที่ความผูกพันของครอบครัวไป ฉะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างผมกับลูก คือ เป็นทุกอย่างให้เขาได้หมด

ลูกทุกคนรู้จักสมดุล

ณัฐพงศ์ สิ่งที่เห็นและรับรู้จากคุณพ่อนั่นคือ ความกตัญญู ที่เริ่มช่วยคุณย่ามาโดยตลอด และพ่อก็มีความอดทนมาก ที่แม้จะไปเรียนและทำงานหมอมานานเป็น 10 ปี แต่มีความพยายามและความมุ่งมั่นที่จะทำให้ธุรกิจนี้มันเกิดและไปได้ จนกลายเป็นแรงขับสำหรับผมเมื่อเกิดวิกฤตซับไพรม์ปี 2551 เกิดธุรกิจใหม่ในอุตสาหกรรมค้าทองคำ ทำให้อยากจะเข้ามาช่วยงานคุณพ่อกับที่บ้านเร็วๆ นอกเหนือจากความเป็นพี่คนโตที่ควรออกมาช่วยงานที่บ้านก่อนอยู่แล้ว

เมื่อเข้ามาช่วยแล้วมันเห็นผลลัพธ์ บริษัทมีการเติบโต มีคนรู้จักมากขึ้น ลูกค้าพอใจในบริการของเรา รู้สึกภูมิใจมาก ความยากที่สุดของชีวิตทำงาน คือ ช่วงเริ่มต้นที่ต้องปรับภาพลักษณ์ให้ธุรกิจของครอบครัว หรือต้องทำให้คำว่า “แม่ทองสุก” ยังคงอยู่ แต่ก็ต้องมีความทันสมัยหรืออินเตอร์เข้าไปด้วย เพื่อเตรียมรองรับกับการขยายงานในอนาคต

สำหรับน้องชาย เขาเป็นคนดูร่าเริง เป็นมิตร ตั้งใจและตื่นตัวที่จะทำงาน น้องสาวดูงานหลังบ้านได้รอบคอบ เมื่อพี่น้องต้องมาทำงานด้วยกัน ในที่ประชุมหลายครั้งเราก็ซัดกันเละในการแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดเห็น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของทุกที่ทำงานที่ต้องมีการโต้เถียงกัน

ข้อดีของเรา คือ เรายอมกัน เพราะในที่สุดเราต่างพยายามหาคำตอบ หาจุดกึ่งกลางที่จะทำให้บริษัทไปด้วยกันให้ได้มากที่สุด อีกทั้งเราจะมีคณะกรรมการคนอื่นเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการด้วย ทำให้ต่างคนต้องรักษาจุดสมดุลของการทำงานระหว่างบทบาทของครอบครัวและคนทำงานให้ได้

ถึงเวลากตัญญู

กีรดิต – เราเป็นครอบครัวไม่ใหญ่มาก มีเพียง 5 คน จะได้รับการปลูกฝังมาตลอดว่า กว่าที่เราจะมีทุกวันนี้ได้เพราะการช่วยกันทำมาหากินกันทั้งอาม่า และคุณพ่อคุณแม่ ที่ยอมออกจากอาชีพหมอและพยาบาลมา เด็กๆ อาจไม่เข้าใจอะไรมาก เพราะเห็นแต่ท่านทำงานและงาน และก็ส่งลูกเรียนภาคภาษาอังกฤษตั้งแต่ลูกเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น พอจบปริญญาตรียังกลับมาทำงานที่อื่น 1 ปี ก่อนจะเริ่มกลับมาช่วยที่บ้าน เพราะเราเริ่มเห็นว่าควรมาช่วยธุรกิจที่บ้านได้แล้ว เพราะช่วงเวลานั้นพี่ชายต้องเริ่มมาทำธุรกิจซื้อขายทองอนุพันธ์ แม้จะเพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ แถมต้องเริ่มวางโครงสร้างเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ และใช้ระบบเทคโนโลยีมาช่วยในการทำธุรกิจแล้ว และคิดว่าถึงเวลาที่ต้องตอบแทนจากที่เคยเป็นผู้รับมาโดยตลอด

บิดาเป็น Role Model ของ “กีรดิต” มาก

เขาเล่าว่า พ่อทำให้เขารู้ว่าจะทำอะไรต้องลงไปสัมผัสและคลุกคลีจริงๆ ซึ่งจะทำให้ลูกน้องเป็นต้นแบบว่า หัวหน้าเขาลงไปทำให้เห็นเต็มแรง และก็ทำให้เขาเป็นที่ปรึกษาสำหรับเราทุกเรื่อง

สำหรับพี่ชาย ผมถือว่าเขาเป็นคนเก่งมาก ทั้งที่อายุเพียง 20 กว่า ก็เริ่มลุยโครงการขนาดใหญ่กับพ่อได้แล้ว ตั้งแต่ปรับโครงสร้างนำเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงการซื้อขาย หรือการลุยซื้อขายทองอนุพันธ์ที่ตอนนั้นถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับเมืองไทย แต่เขาก็สามารถทำได้

น้องสาวเป็นจุดเชื่อมระหว่างทุกคนได้ดีทีเดียว อาจเป็นเพราะเป็นผู้หญิงจึงมีความละเอียดรอบคอบ และเรียนทางด้านเศรษฐศาสตร์มา จึงสามารถบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรต่างๆ ของบริษัทได้เป็นอย่างดี และทุกๆ คนจะมีความเกรงใจเขากลายๆ ถือว่าสามารถเป็นตัวแทนของคุณแม่ในอนาคตได้เป็นอย่างดี

ครอบครัวเรามีความผูกพันกันทางสายเลือด พร้อมกับช่วยกันดูแลธุรกิจกันโดยตลอด ฉะนั้นต่างค่อนข้างให้ความสำคัญกับคนที่บ้านก่อนเป็นหลักในทุกเทศกาลสำคัญๆ น้อยครั้งมากที่เราจะปฏิเสธไม่ไปไหนกับครอบครัวในวันสำคัญหรือเทศกาลต่างๆ

ครอบครัวนี้เรียกได้ว่าผูกพันกันทั้งเรื่องงานและส่วนตัวจริงๆ