เลือด (+ร้าน) ใหม่บาร์เบอร์ไทย

โดย...โจ เกียรติอาจิณ / ภาพ Tew’s Barber ชุมพร สังข์วิเลิศ Three Brothers กิจจา อภิชนรจเรข Blue Harbour เสกสรร โรจนเมธากุล

พวกเขาไม่ใช่บาร์เบอร์ขาโหด ที่พร้อมจะใช้ใบมีดเชือดคอหอยลูกค้า ดั่งเช่นในหนัง Sweeney Todd : The Demon Barber of Fleet Street

แล้วพวกเขาก็ไม่ใช่บาร์เบอร์คร่ำครึ ที่พอแหย่เท้าเข้าไปชวนให้เกิดอาการลมจับทันควัน ไหนจะกลิ่นฉุนกึกไม่พอ เศษผมยังเกลื่อนพื้น

แต่พวกเขาคือ บาร์เบอร์เก๋ไก๋ ทันสมัย ทั้งรูปลักษณ์และไอเดีย จนถูกยกให้เป็นบาร์เบอร์สุดอินเทรนด์ ณ เวลานี้

ใครอยากจะให้พวกเขาตัดผม เรียนเชิญตามมาได้เลย...

 

Tew’s Barber

ยืนหยัดในฐานะบาร์เบอร์ดังย่านสยามสแควร์มาร่วม 20 ปี ปีนี้ใครแวะไปใช้บริการบาร์เบอร์เก่าแก่ “ติ๋ว บาร์เบอร์” คงแปลกใจอยู่ไม่น้อย บางรายอาจคิดไปว่า “ป้าติ๋ว” เลิกกิจการ เปล่า ป้าติ๋วไม่ได้เลิกทำบาร์เบอร์ เพียงแต่ขอปรับลุคใหม่ ลุคเก่าๆ เดิมๆ ให้เป็นอดีตไป แต่ความคลาสสิกที่เคยมีก็ยังเต็มเปี่ยม เมื่อนำมาผสมผสานกับความไฉไล คำเดียวสั้นๆ คือ ว้าว!!!

เก่าไป ใหม่มา เป็นธรรมดา เมื่อป้าติ๋วในวัย 58 แขวนปัตตาเลียน ก็เป็นหน้าที่ของผู้สืบทอด คนที่มาสานต่อความทันสมัยให้ ติ๋ว บาร์เบอร์ ไม่ใช่ใครอื่น ก็ลูกเขยของป้าติ๋วนั่นเอง

“ชุมพร สังข์วิเลิศ” ผมทรงเสย หวีเรียบแปล้ สวมเชิ้ตและบลูยีนส์ นั่งประจำในร้าน เดิมตำแหน่งนี้คือป้าติ๋ว แม่ยายวางมือ ลูกเขยจึงมาสานต่อ โดยทั้งคู่ปิ๊งไอเดียปรับลุคร้านเหมือนกัน แล้วก็มาบรรจบกันที่ ติ๋ว บาร์เบอร์ บรรยากาศดิบๆ แมนๆ โทนสีขรึม เฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน เก้าอี้ดีไซน์ แผ่นเสียงและเครื่องเล่น เน้นงานไม้เพื่อให้ดูแกร่ง

“ลุคสมัยก่อนจะเป็นบาร์เบอร์จริงๆ แต่ไม่ใช่บาร์เบอร์เก้าอี้เรียงเป็นตับ จะแบ่งเป็นห้องๆ มีความเป็นส่วนตัวสูง เป็นที่แฮงเอาต์ของผู้ชาย เสิร์ฟเครื่องดื่มในบาร์เบอร์ได้ ก็แฮงกัน สนุกสนานกันไป มากกว่านั้นไม่มี แม่เล่าให้ฟังว่าสยามเฟื่องฟูมาก มีบาร์เบอร์ประมาณ 30 ร้าน ตอนนี้เหลือ 3 ร้าน ของเรา สกาลา แล้วก็เพชรสยาม ซึ่ง 2 ร้านหลังยังไม่ปรับลุค ยังคงลุคบาร์เบอร์ยุคเก่า”

ปรับลุคใหม่ ทันสมัย เก๋ไก๋ แน่นอนย่อมจะได้กลุ่มลูกค้าใหม่ เด็กวัยหนุ่มกล้าที่ก้าวเข้ามาบาร์เบอร์อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ ไม่ได้ผูกขาดการตัดผมเฉพาะที่ซาลอน บาร์เบอร์โดยคนเลือดใหม่จึงกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ถวิลหาแฟชั่นและศิลปะ รวมทั้งมิตรภาพ ความรู้สึกดีๆ และการบริการที่เป็นกันเอง ใกล้ชิดสนิทจนซี้กัน พร้อมเครื่องดื่มแก้วโปรด ติ๋ว บาร์เบอร์ ก็ยังคงคอนเซปต์นี้ไว้

“มันคือการดิ้นรนเพื่อให้อยู่รอดครับ ค่าเช่าที่แพงขึ้น แต่ค่าตัดผมยังเท่าเดิม บาร์เบอร์อย่างเราก็คงนิ่งเฉยไม่ได้ ก็ต้องปรับลุค แล้วก็ปรับราคาเพิ่มนิดหน่อยเพื่อให้ร้านอยู่ได้ ที่สำคัญ เพื่อให้ช่างซึ่งส่วนใหญ่ตอนนี้ก็อยู่ในวัยป้าๆ กันหมดแล้ว อยู่รอดได้ด้วย เป็นการต่อชีวิต ต่อลมหายใจของทั้งร้านและคน”

(Tew’s Barber สยามสแควร์ ซอย 9 โทร. 084-700-9265)

 

Three Brothers

บาร์เบอร์ที่เกิดจากการรวมตัวกันของน้องพี่ แม้จะไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันมา แต่ทั้ง 3 หน่อ “โอกุ้ย” “คิว” “แบงก์” แห่งบาร์เบอร์สามพี่น้อง ก็ล้วนมีเป้าหมายปลายทางฝันอันเดียวกัน นั่นคือ สุดฝีมือกับการตัดผมและบริการอย่างจริงใจ

เราเจอกับ โอกุ้ย “อุดมเกียรติ ธงรัตนะ” เขาปรากฏตัวในร้านเล็กๆ แต่มีสไตล์ ไม่ต่างจากตัวเขา ซึ่งก็ค่อนข้างมีสไตล์ชัด เขารักการตัดผม เสียงเพลง แฟชั่น และรอยสัก อ่อ! เขายังชอบคุย

เขาบอกกับเราว่า หน้าที่ของช่างตัดผมคือการทำให้ลูกค้าออกมาดูดี อะไรบกพร่องก็แก้ไข อะไรดีก็เสริมให้ดูดียิ่งขึ้น มากกว่านั้น ช่างตัดผมอย่างเขายังได้เพื่อน ได้แชร์ความคิด ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ได้วิชา ได้ความรู้จากการยืนตัดผมทุกวัน

“อาชีพตัดผม ผมว่าเป็นอาชีพที่น่าสนใจนะ เป็นงานที่มีโอกาสได้เจอกับคนที่อาชีพเจ๋งๆ บทสนทนาที่เกิดขึ้นระหว่างการตัดผม มันสะท้อนอะไรหลายๆ อย่าง วันนี้ลูกค้าคนนี้พูดประโยคนี้ ถ้าเราจับใจความได้ มันก็อาจให้แง่มุมที่ดีสำหรับเรา หรือถ้าคนนี้เป็นลูกค้าประจำเรา เขากลับมาตัดอีกที คำพูดของเขา ความคิดของเขาก็จะเปลี่ยนไป ฉะนั้นมาตัดผมกับผมก็ต้องคุยหน่อย

อันนี้ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันหรือเปล่านะ ผมจะได้อะไรดีๆ จากการไปตัดสูทเยอะครับ คือผมจะมีปัญหาเรื่องรูปร่าง ผมก็เลยต้องไปหาร้านตัดสูท ซื้อสำเร็จไม่ได้ ช่างตัดสูทเป็นช่างตัดผมเก่า คุยกันถูกคอ ตัดสูทคือศิลปะ ตัดผมก็คือศิลปะ ผมตูดใหญ่ แขนเล็ก ก็ต้องใช้วิธีวัดตัว การตัดผมก็เหมือนกัน ผมจะมองว่าลูกค้าคนนั้นเป็นยังไง เราต้องทำให้เขาดูดี และควรแก้ไขสิ่งที่เป็นข้อด้อยของเขา ตัดสูทคือศิลปะ ตัดผมก็คือศิลปะ”

เริ่มต้นจากความชอบ โอกุ้ย ไม่เคยละทิ้งความชอบ อยู่เมืองไทยก็เริ่มตัดผมให้เพื่อน แม่ส่งไปอยู่อินเดียก็ยังตัดผมให้เพื่อนๆ กลับมาเมืองไทยเสิร์ชหาข้อมูลในเว็บไซต์ เขาพุ่งไปเรียนที่โรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพฯ สาขาบ่อนไก่ เรียนอยู่นานกว่าจะจบ เขาบอกเรียนจากประสบการณ์จริง ลงมือปฏิบัติ จบมาก็ตัดสินใจเปิดร้านกับน้องอีก 2 คน

“เรื่องทรงผมนี่มันจะมาเองครับ เอาจากประสบการณ์ตรงเลย ตัดทุกวันก็มองขาด อย่างลูกค้าที่ไม่เคยมาตัด ก็จะมองจากสไตล์การแต่งตัวก่อน มองจากลักษณะหัวของลูกค้าว่าเป็นยังไง บางคนบอกว่าเอาทรงนี้ทรงนั้น เราจะบอกว่าทำแล้วไม่เหมาะ เราก็ช่วยออกแบบให้”

(Three Brothers เมโทร มอลล์ สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินจตุจักร โทร. 089-696-9231 วันนี้ตั้งแต่ 12.00-17.00 น. มีกิจกรรมสนุกๆ พบปะช่างตัดผมจากบาร์เบอร์ชื่อดังชาวเนเธอร์แลนด์ พร้อมโชว์ฝีมือและเวิร์กช็อป สนใจก็ไปเจอกับพวกเขาได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย)

 

Blue Harbour

หรูหรามากๆ บาร์เบอร์แห่งนี้ ทำให้บาร์เบอร์เดิมๆ กลายเป็นภาพลางๆ พลันที่ผลักประตูเข้าไป ความโอ่อ่าไล่กันตั้งแต่บรรยากาศ เฟอร์นิเจอร์ตกแต่ง เรื่อยถึงพื้นที่ใช้สอยที่แบ่งสรรอย่างลงตัว ชวนให้อยากนั่งตัดผมเหลือเกิน ขณะเดียวกันที่นี่ยังไม่ละเลยกลิ่นอายความเก่าและคลาสสิก สัมผัสและจับต้องได้จากช่างผมสูงวัยที่พร้อมให้บริการในห้องส่วนตัว

ชื่อร้านและคอนเซปต์บาร์เบอร์มาจากไอเดียของสถาปนิกศิลปินแห่งชาติ “นิธิ สถาปิตานนท์” จำลองบรรยากาศท้องทะเล โทนสีเนวีบลู อุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ตามท่าเรือ หรือส่วนประกอบของเรือ รวมทั้งนกนางนวล ขาดไม่ได้คือเรือใบ คือสิ่งที่เจ้าของหลงใหล จึงนำมาใส่ในร้าน

นอกจากนี้ ที่นี่ยังอนุรักษ์ของเก่าและเก๋าเอาไว้ด้วย จะเป็นอื่นใดไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ช่างผู้เจนจัดกับการตัดผม “สวัสดิ์ ละอาด” วัย 68 ยืนถือกรรไกรและไถปัตตาเลียนมาตั้งแต่อายุ 19 ผ่านร้อนหนาวมาอย่างโชกโชน ตัดผมให้กับคนดังมานับไม่ถ้วน บางรายก็ผูกปิ่นโตกับลุงสวัสดิ์ หิ้วกระเป๋าไปบริการถึงบ้าน

แต่ถ้ามีเวลาแวะมาที่ร้าน ก็จะมีโอกาสเห็นลุงอวดลีลา ลุงสวัสดิ์เป็นช่างตัดผมมานาน ลูกหลานให้หยุดอยู่บ้าน แต่ลุงไม่ยอมหยุด ยังสนุกกับงาน ยังแฮปปี้กับการเจอผู้คน ลุงบอกหยุดก็เบื่อ เหงาปาก ไม่มีคนคุยด้วย สู้มาตัดผมได้เจอคน ได้คุย

“คนเราก็ต้องมีวันหยุดเหมือนกันครับ แต่สำหรับผมมันยังไม่ใช่วันนี้ ยังมีความสุขกับการบริการลูกค้า ในเมื่อลูกค้ายังต้องการผม ผมก็ยังต้องทำหน้าที่ต่อ เคยอยู่บ้าน พออยู่นานๆ ก็เบื่อ ไปเที่ยวก็เบื่อ แต่ถ้าได้มาตัดผม ผมก็ได้เจอคน ได้คุย ก็ไม่เบื่อดี”

สามารถยืนระยะตัดผมมานาน ลุงสวัสดิ์ยึดหลัก 3 คำ ขยัน อดทน สำคัญคือซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ต่อตัวเอง ต่อลูกค้า

ลุงสวัสดิ์ เล่าย้อนว่า ยุคก่อนโน้นราคาตัดผมร้านทั่วไปจะตกหัวละ 5 บาท ส่วนร้านที่ลุงประจำจะแพงหน่อย ประมาณ 120 บาท ถือว่าแพงมากๆ ในยุคนั้น

“ผมไม่คิดว่าผมเก่งกว่าใครนะ แต่ผมคิดเสมอว่ามันคือพรสวรรค์ที่พระเจ้าประทานมาให้ วิชาความรู้ใหม่ๆ ผมก็ยังต้องเรียนรู้ เพื่อให้ทันกระแส ทันลูกค้ารุ่นใหม่”

ต้องจับตาดูกันยาวๆ ว่าบาร์เบอร์ไทยยุคการปรับโฉมใหม่จะกลับมาป๊อปปูลาร์อีกหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ สุภาพบุรุษทั้งหลายคงสนุกกับการเปลี่ยนทรงผม ณ บาร์เบอร์สุดอินเทรนด์เหล่านี้ สะดวกวันไหนก็รีบโทรไปนัดช่างตัดผมล่วงหน้า ขอย้ำ ไม่โทรนัดล่วงหน้า อาจไม่มีสิทธิตัดนะเออ

(Blue Harbour ห้อง A212 ชั้น 2 เควิลเลจ สุขุมวิท 26 โทร. 02-661-2901)