รวมพลคนแกะลาย (ผม)

โดย...ภาดนุ / ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

มหกรรม “รวมพลคนแกะลาย” เป็นกิจกรรมที่สมาคมช่างผมเสริมสวยแห่งประเทศไทย จัดขึ้นเพื่อต้อนรับฤดูร้อน ซึ่งถือเป็นเทศกาลแห่งความสุขของคนไทย ซึ่งได้มีการระดมกูรูด้านการแกะลายผมขวัญใจวัยรุ่นทั่วฟ้าเมืองไทย มาอวดฝีมือเพื่อสร้างสีสันใหม่ๆ ให้กับวงการแฟชั่นทรงผม

“ปฏิวัติ บารมีอนันต์” นายกสมาคมช่างผมเสริมสวยแห่งประเทศไทย คนล่าสุด บอกว่า “กิจกรรม ‘รวมพลคนแกะลาย’ ครั้งนี้ ทางสมาคมได้จัดให้มีการแถลงข่าวเปิดตัวคณะกรรมการชุดใหม่ ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิด้านการตัดผมและออกแบบทรงผมไปพร้อมกันด้วย โดยนโยบายหลักของการทำงานนับจากนี้ไป จะเน้นเรื่องการส่งเสริมอาชีพเสริมสวย รวมถึงการยกระดับช่างตัดผมบาร์เบอร์ ซึ่งที่ผ่านมายังคงเน้นแนวอนุรักษนิยม ให้มีแนวคิดที่ร่วมสมัยผสมผสานกับแฟชั่นในยุค Street Art มากยิ่งขึ้น เพราะอาชีพช่างตัดผมเป็นอาชีพที่สุจริต ซึ่งสามารถหาเงินเลี้ยงครอบครัวได้ จึงควรได้รับการส่งเสริมเป็นอย่างยิ่ง”

ดังนั้น กิจกรรม “รวมพลคนแกะลาย” จึงได้ระดมช่างผมทั้งซาลอนและบาร์เบอร์แนวสตรีทอาร์ตกว่า 50 สถาบัน มาร่วมกันออกแบบแกะลายผม ซึ่งไฮไลต์ของงานครั้งนี้ นายกปฏิวัติได้ชวนลูกชายขวัญใจเด็กแนว “ปรีติ บารมีอนันต์” หรือ “แบงค์ วงแคลช” มาเรียกเสียงฮือฮา โดยเป็นนายแบบให้คุณพ่อแกะลายผมโชว์ในงาน พร้อมทั้งกลุ่มเพื่อนพ้องที่ชื่นชอบศิลปะในแนวเดียวกันอย่าง “เวย์ ไทยเทเนียม” ซึ่งมีร้านแกะลายผมของตัวเอง ก็มาร่วมสร้างสีสันในมหกรรมสตรีทอาร์ตครั้งนี้ ซึ่งจัดขึ้นที่ลานหน้าหอศิลป์กรุงเทพฯ

 

“แบงค์ (วงแคลช) ถือว่าเป็นศิลปินที่มีแนวคิดร่วมสมัยด้านการออกแบบทรงผมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการจัดงานแถลงข่าวของทางสมาคมครั้งนี้ ก็ได้แนวคิดจากแบงค์เช่นเดียวกัน นอกจากนี้สมาคมยังได้รวบรวมช่างแกะลายฝีมือดีในวงการมาออกแบบแกะลายกันอย่างคึกคัก รวมถึงสร้างธีมงานให้เป็นสตรีทอาร์ต โดยมีแฟชั่นการพ่นสีของศิลปินสตรีทอาร์ต บอดี้เพนท์ และดนตรีแนวๆ มาร่วมสร้างความคลาสสิกให้ผู้ที่มาร่วมงาน และที่สำคัญ เราได้ศิลปินนาฏลีลาที่แต่งกายเป็นโขน มาเป็นแบบให้ช่างแกะลายขั้นเทพได้ฝากผลงานให้เป็นที่รู้จักอีกด้วย” ปฏิวัติ กล่าว

ช่างแกะลายผมอายุน้อย แต่ฝีมือไม่น้อย

“แบงค์อภิสิทธิ์ เชาวฉัตร” ช่างตัดและแกะลายผม วัย 20 ปี จากร้าน Three Brothers ซึ่งมาร่วมงาน ได้เล่าถึงเส้นทางในอาชีพตัดผมของตน ว่า เริ่มต้นจากการที่เขามีคุณตาและคุณพ่อเป็นช่างตัดผม ซึ่งเปิดร้านอยู่ที่ จ.จันทบุรี เมื่อ 20 ปีก่อนนู้น เรียกว่าเกิดมาเขาก็เห็นพ่อตัดผมแล้ว เป็นธรรมดาของเด็กต่างจังหวัดที่มักจะไม่แบมือขอค่าขนมจากพ่อแม่ แต่พ่อแม่จะสอนให้ทำงานแลกเงิน โดยให้ไปเรียนตัดผม แล้วมารับตัดผมหารายได้เป็นค่าขนมเอง

“ด้วยความที่ร้านตัดผมสมัยก่อนจะเป็นบาร์เบอร์ ดังนั้นช่างตัดผมทุกคนจึงต้องเรียนการตัดปัตตาเลียนเป็นอันดับแรกเพื่อปูพื้นฐาน ตัวผมเองก็เริ่มต้นเรียนตัดปัตตาเลียนก่อนเหมือนกัน ซึ่งจะเป็นทรงง่ายๆ อย่างทรงผมนักเรียนชายที่ไถเปิดข้างๆ หรือที่เรียกว่า ทรงเบอร์ 1 ช่วงนั้นผมอายุประมาณ 12-13 ปี พอทำได้สักพักก็รู้สึกสนุก เพราะได้เงินเยอะขึ้น อายุแค่นั้นหาเงินได้วันละ 200300 บาท ก็รู้สึกว่าเยอะแล้ว พอทำไปนานๆ ก็กลายเป็นความชอบและรักในอาชีพตัดผมมากขึ้น”

 

เมื่ออายุได้ 15 ปี แบงค์ก็เริ่มใช้คอมพิวเตอร์เพื่อศึกษาทรงผมต่างๆ ในเว็บไซต์ว่ามีทรงอะไรบ้าง ร้านตัดผมเมืองนอกเขาไปถึงไหนกันแล้ว เขาเริ่มเรียนรู้เรื่องการแกะลายผม และพบว่าเทรนด์แกะลายผมนี้เริ่มมาจากคนผิวสีของอเมริกา ที่มักจะชอบตัดผมสั้น พวกเขาจึงคิดการแกะลายผมเพิ่มขึ้นมาเพื่อเป็นลูกเล่นให้ดูเป็นแฟชั่นเฉพาะกลุ่ม แต่ไม่นานนักเทรนด์แกะลายผมก็ได้แพร่หลายไปทั่วทวีปอเมริกา ยุโรป และเอเชีย

“เมื่อ 2 ปีที่แล้ว แถวสยามสแควร์จะฮิตการแกะลายผมมาก แต่จะมีร้านที่โดดเด่นแกะลายได้โดนใจอยู่ไม่กี่ร้าน ส่วนใหญ่จะเป็นสไตล์เด็กแนวที่ตัดกัน แล้วก็เงียบหายไป จนตอนนี้เทรนด์แกะลายผมก็กลับมาฮิตอีกครั้งหนึ่ง มันเหมือนกับกระแสแฟชั่นที่หมุนเวียนไปมาได้ตลอด ผมคิดว่าเทรนด์ผมส่วนหนึ่งมันอยู่ที่ช่างหรือบาร์เบอร์ด้วยนะ อย่างเมื่อปี 1950 หรือยุคเอลวิส เพรสลีย์ ร้านตัดผมบาร์เบอร์นี่จะดังมาก

“ผมว่าเทรนด์ทรงผมจะอยู่ได้หรือไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับช่างตัดผมว่าจะนำเสนอรูปแบบการตัดออกมาอย่างไร ถ้าช่างทุกคนคิดแต่จะตัดตามคนอื่นอยู่ตลอดเวลา เทรนด์ผมมันก็จะหยุดอยู่กับที่ และไม่มีความแปลกใหม่เกิดขึ้นแน่นอน แล้วมันก็จะหายไปเองในที่สุด แต่หากช่างตัดผมนำเสนอให้มันโดดเด่นดูน่าสนใจอยู่เรื่อยๆ เทรนด์ผมก็น่าจะคงอยู่ต่อไปได้เรื่อยๆ ครับ”

 

ที่หลายคนพูดว่าเทรนด์แกะลายผมจะมาแรงในหน้าร้อนนี้ แบงค์ บอกว่าเห็นด้วย เพราะอากาศร้อนๆ อย่างนี้คนจะชอบตัดผมสั้นกันเยอะ แต่ตัดเฉยๆ มันก็ไม่เท่ ไม่เก๋ จึงต้องมีการแกะลายผมกันสักหน่อย ลายผมที่คนนิยมมันจะมาตามเทรนด์แวดล้อมว่าช่วงนั้นอะไรดัง อย่างเมื่อตอนที่ “ไซ กังนัมสไตล์” ดังจัดๆ คนก็จะแกะลายเป็นรูปไซเต้นท่าควบม้า ในช่วงที่เฟอร์บี้ดัง คนก็จะมาแกะลายผมเป็นรูปเฟอร์บี้ และลายอื่นๆ ตามกระแส

“ส่วนลายมาตรฐานที่คนชอบทำกันก็คือลายกราฟฟิก ซึ่งมีลายที่หลากหลายเหมือนการวาดภาพนั่นแหละครับ เพราะเราจะใส่อะไรลงไปก็ได้ ไม่มีอะไรที่เจาะจงเป็นพิเศษ เพราะการแกะลายผมมันคืองานศิลปะ จึงย่อมไปตีกรอบไม่ได้อยู่แล้ว แล้วจะไปตัดสินว่าใครทำดีกว่าใครก็ไม่ได้อีกเช่นกัน กลุ่มลูกค้าคนไทยที่นิยมแกะลายผม ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กเล็กๆ ไปจนถึงนักศึกษามหาวิทยาลัย ส่วนคนวัยทำงานก็จะตัดทรงปกติทั่วไป แต่อาจจะมีลูกเล่นตรงการใช้ผลิตภัณฑ์เซตผมให้เนี้ยบยิ่งขึ้น”

แบงค์ ทิ้งท้ายถึงเทคนิคการแกะลายผมว่า บางครั้งก็จำเป็นต้องดูความหนาความบางของเส้นผม รูปศีรษะของลูกค้าว่าหัวทุย หัวแบน ก่อนตัดด้วย เพราะมันคือส่วนประกอบสำคัญที่จะทำให้การตัดและการแกะลายออกมาแล้วดูดี ซึ่งคนผมหนาจะได้เปรียบกว่า เพราะสามารถใส่ลวดลายได้เยอะ ส่วนคนผมบางก็ต้องเลือกลายที่มีช่องว่างระหว่างผมให้เยอะหน่อย เพื่อให้เห็นลายผมได้ชัดเจนขึ้น

 

ช่างผมหญิงที่แกะลายผมได้เก่งไม่แพ้ผู้ชาย

“อุ้มณภัสนันท์ วัทธิกรกิจศิริ” ช่างผมวัย 37 ปี ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นช่างผมหญิงน้อยคนที่สามารถแกะลายผมสวยๆ โดยใช้ฝีมือและประสบการณ์บนเส้นทางช่างผมที่ทำได้ดีไม่แพ้ผู้ชาย พูดถึงความชื่นชอบในการแกะลายผมว่า

“ความชอบเรื่องแกะลายผม เริ่มจากการที่อุ้มได้เห็นอาจารย์ที่โรงเรียนเสริมสวยโชว์การแกะลายที่ดูแล้วสวยมาก จึงเกิดความชอบขึ้นและได้ไปเรียนแกะลาย พร้อมทั้งลงแข่งขัน Hair World ปี 2010 ไปด้วย ตอนแข่งอุ้มก็แกะลายบนผมผู้ชายเป็นลายลูกไฟที่เลื้อยๆ ขึ้นไป ตอนนั้นก็ไม่ได้รางวัลอะไรมาเลย เพราะเราดันไปลงแข่งขันทำผมผู้หญิงควบคู่ไปด้วย เลยไม่ค่อยมีสมาธิมากนัก หลังจากนั้นก็กลับมาหาความรู้เพิ่มเติม โดยการศึกษาเรื่องแกะลายผมจากอินเทอร์เน็ต โดยเริ่มเรียนรู้จากลายที่ไม่ยากเกินไป เอาที่เราทำได้โดยการนำมาประยุกต์ในแบบที่เป็นเรา

อย่างวันนี้ก็มาแกะลายผมผู้ชายโชว์ ซึ่งจะเป็นลายกนกแนวถนัดของอุ้ม แต่อาจจะมีความยากและซับซ้อนสวยงามมากขึ้นกว่าเดิม และยังมาโชว์การทำบอดี้เพนท์ที่เรียนมาด้วย โดยใช้สีสำหรับเพนท์โดยเฉพาะที่สามารถล้างออกได้ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่มักจะมาให้เพนท์สำหรับไปออกงานอยู่บ่อยๆ”

ช่างผมสาวยังบอกอีกว่า ลายผมที่ลูกค้านิยมมาแกะที่ร้าน Hair Style Champ Academy ของเธอที่ อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ก็คือ ลายกนกหรือลายไทยที่มีริ้วเส้นสวยงาม นอกนั้นก็จะเป็นลายเส้นตัดๆ ริ้วๆ แฉกๆ ซึ่งเรียกกันว่าลายแสงเลเซอร์ โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่งต่างชาติที่อายุ 3060 ปี ซึ่งจะเห็นว่าฝรั่งมีความกล้าที่จะแกะลายผมมากกว่าคนไทย แม้บางคนจะอายุเยอะแล้ว แต่ก็มีความมั่นใจและกล้าที่จะทำ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฝรั่งชายอายุ 80 ปี เดินเข้ามาที่ร้านแล้วบอกว่า อยากแกะลายผมแบบเพื่อนของเขา ซึ่งเป็นลายที่คล้ายกับดอกบัว เธอก็ทำให้อย่างไม่รีรอ ช่างผมสาวเล่าทิ้งท้ายแบบขำๆ อย่างคนอารมณ์ดี