บิดาแห่งบอสซาโนว่า อันโตนิโอ การ์ลอส โจบิม
ช่วงนี้ขอเกาะกระแสแดนดินถิ่นบราซิลกันสักหน่อย มารื่นรมย์กับเสียงเพลงแจ๊ซสุดชิล
โดย...เดเซเร่
ช่วงนี้ขอเกาะกระแสแดนดินถิ่นบราซิลกันสักหน่อย มารื่นรมย์กับเสียงเพลงแจ๊ซสุดชิล อย่างดนตรีแนวบอสซาโนว่า หรือบราซิเลียนแจ๊ซ ซึ่งจะกำเนิดเกิดมาในโลกใบนี้ไม่ได้ หากไร้ชายคนที่ชื่อ อันโตนิโอ การ์ลอส โจบิม (ทอม โจบิม)
ว่ากันว่า เขาคือ จอร์จ เกิร์ชวิน แห่งบราซิล ด้วยความที่ละม้ายคล้ายกัน อย่างการแต่งเพลงให้กับละครและการแสดงต่างๆ รวมทั้งยังเรียกได้ว่า มีชื่อชั้นเป็นหน้าตาเป็นสัญลักษณ์ของประเทศอีกด้วย
ในทศวรรษที่ 1960 อันโตนิโอ การ์ลอส บราซิเลโร เด อัลเมด้า โจบิม หรืออันโตนิโอ การ์ลอส โจบิม มอบเสียงเพลงที่แสนนุ่มนวล เต็มไปด้วยอารมณ์ แบบฟังไพเราะเสนาะหูให้กับโลกแห่งดนตรีแจ๊ซ เป็นแจ๊ซแนวใหม่ที่ฟังละมุน ทว่ามีจังหวะจะโคนเป็นเอกลักษณ์
ดนตรีแจ๊ซเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานของ อันโตนิโอ การ์ลอส โจบิม ไม่ว่าจะเป็นเจอร์รี่ มัลลิแกน เชต เบเคอร์ บาร์นีย์ เคสเซล รวมถึงบรรดานักดนตรีเวสต์โคสต์แจ๊ซทั้งหลาย ล้วนมีอิทธิพลต่อเขาอย่างสูงนับแต่ทศวรรษที่ 1950 อย่างไรก็ตามเมื่อถามถึงแรงบันดาลใจ ทอมมักพูดถึงบุคคลที่เขาปลื้มสุดๆ คือนักแต่งเพลงชาวฝรั่งเศส โคล้ด เดอบุสซี่ รวมทั้งดนตรีแซมบ้าของบ้านเกิด ที่มีสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ นั้นเป็นต้นทางการกำเนิดเกิดเป็นดนตรีที่เขาสรรค์สร้าง
อันโตนิโอ เกิดที่ติจูคา ชานกรุงรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล เมื่อ 25 ม.ค. 1927 เดิมทีเขาตั้งใจจะยึดอาชีพสถาปนิก ทว่าพออายุได้ 20 เสน่ห์ของดนตรีมันยั่วยวนเขามากกว่าการออกแบบบ้าน จึงเริ่มต้นการเป็นนักดนตรีอาชีพ ด้วยการเล่นตามไนต์คลับ พร้อมๆ ไปกับการทำงานให้ห้องอัดเสียง
ผลงานแรกที่ออกมาเป็นรูปเป็นร่างของ ทอม โจบิม คือการเล่นให้งานซิงเกิ้ลของ บิล ฟาร์ ในปี 1954 ในฐานะหัวหน้าวง ทอม แอนด์ ฮีส แบนด์ หากที่ทำให้เขาเริ่มดังเป็นพลุ ได้แก่ ผลงานเพลงที่ร่วมกับกวี วินิเชียส เด โมเรส แต่งให้กับละครเวทีเรื่อง Orfeo do Carnaval (หลังจากนั้นได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อ Black Orpheus) เมื่อปี 1956
ในปี 1958 นักร้องชาวบราซิล เจา กิลแบร์โต้ ได้นำเพลงที่ อันโตนิโอ การ์ลอส โจบิม แต่งบางส่วนมาออกเป็นอัลบั้ม นั่นคือครั้งแรกที่ผู้คนได้รู้จักกับดนตรีแนวบอสซาโนว่า และไม่มีใครที่จะไม่หลงรัก อัลบั้มดังกล่าวดังระเบิดในบราซิล โดยในปี 1962 สแตน เกตส์ และชาร์ลี เบิร์ด เป็นผู้พาอันโตนิโอและเพลงบอสซาโนว่าออกนอกบราซิล ด้วยการนำเพลง Desafinado มาแสดงเป็นการเรียกน้ำย่อยให้คนอเมริกันรู้จักเพลงสไตล์บราซิเลียนแจ๊ซ ก่อนที่ปลายปีเดียวกัน ทอม โจบิม และวงดนตรีของเขาก็ได้รับเชิญมาร่วมแสดงแบบตัวเป็นๆ ที่คาร์เนกี้ ฮอลล์ ให้ผู้คนได้สัมผัสบทเพลงแจ๊ซสไตล์บราซิลแท้ๆ แบบออริจินัลเป็นครั้งแรก
ด้วยแรงขับเคลื่อนของ อันโตนิโอ การ์ลอส โจบิม ทำให้บอสซาโนว่ากลายเป็นสไตล์เพลงยอดฮิตแห่งยุคสมัย นักดนตรีแจ๊ซรุ่นนั้นล้วนต้องการกระโดดร่วมขบวนแห่งบอสซา เข้ามามีส่วนร่วมกันมากมายในช่วงต้นทศวรรษที่ 1970
โดยนิสัยของทอมนั้นชอบทำงานในสตูดิโอมากกว่าออกทัวร์ เขาจึงซุ่มออกอัลบั้มน่ารักๆ ออกมามากมาย ในช่วงทศวรรษที่ 1960-1970 ทั้งอัลบั้มเดี่ยวเปียโน เดี่ยวกีตาร์ และร้องเอง กับค่ายเวิร์ฟ วอร์นเนอร์ บราเธอร์ส ดิสคัฟเวอรี่ เอ แอนด์ เอ็ม ซีทีไอ และเอ็มซีเอ
แม้ว่าดนตรีร็อกจะเริ่มกลับมาชิงพื้นที่คืนในอเมริกาได้อีกครั้งในต้นทศวรรษที่ 1980 แต่ก็ไม่เป็นปัญหา ทอม โจบิม กลับมาสร้างสรรค์ผลงานเพลงป้อนรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์ในบ้านเกิดได้อย่างต่อเนื่อง กระนั้นหลังปี 1985 กระแสบอสซาโนว่ากลับมาอีกครั้ง เขาจึงได้ฤกษ์ที่จะออกทัวร์แสดง คราวนี้ร่วมกับภรรยาคนที่ 2 อนา ลอนตร้า และลูกชาย เปาโล กับลูกสาว อลิซาเบธ พร้อมเพื่อนฝูงในวงการดนตรี เขาออกทัวร์แสดงอย่างต่อเนื่อง กระทั่งคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายในบราซิลเมื่อปี 1993 และครั้งสุดท้ายที่คาร์เนกี้ ฮอลล์ ในปี 1994 ก่อนที่จะเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลันในปีดังกล่าว
Garota de Ipanema (The Girl from Ipanema) นอกจากเคยได้รับรางวัลทางดนตรีมากมาย ยังเป็นหนึ่งในผลงานของ อันโตนิโอ การ์ลอส โจบิม ที่ได้รับการบันทึกเสียงมากที่สุดตลอดกาล ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ก็เป็นน้ำเสียงของ แอสทรูด กิลแบร์โต้ ลิซ่า โอโนะ และแฟรงก์ ซิเนตร้า ฯลฯ นอกจากนี้เขายังมีผลงานจำนวนมากที่กลายเป็นบทเพลงบราซิเลียนแจ๊ซอมตะ ที่ยังโด่งดังอยู่จนทุกวันนี้ เช่นว่า Agua de Beber, Dindi, Meditation, Samba do Aviao เป็นอาทิ