ลูกไม่กล้าบอกครู!
เด็กเมื่อถึงวัยที่พ้นจากอ้อมอกพ่อแม่ ต้องก้าวเข้าสู่สังคมของการไปโรงเรียน เป็นธรรมดาที่เด็กต้องอาศัยการปรับตัว
โดย...มีนา
เด็กเมื่อถึงวัยที่พ้นจากอ้อมอกพ่อแม่ ต้องก้าวเข้าสู่สังคมของการไปโรงเรียน เป็นธรรมดาที่เด็กต้องอาศัยการปรับตัว อาจจะมีการฉี่รดกางเกงไปบ้าง เพราะเด็กๆ ส่วนใหญ่ยังไม่รู้สึกคุ้นชินกับคุณครู ปกติอยู่บ้านที่ตัวเองคุ้นเคยก็สามารถวิ่งปรู๊ดเข้าห้องน้ำ หรือบอกพ่อแม่ ปู่ย่า ตายายได้ทันถ่วงที แต่พอไปโรงเรียนเขาไม่รู้ว่า กว่าจะได้เข้าโรงเรียนต้องใช้เวลาในการรอเข้าคิว ไหนระยะทางจากห้องเรียนไปห้องน้ำ ต้องเดินไกลกว่าจะถึงก็ไม่ทันเสียแล้ว แต่ปัญหาเล่านี้แก้ไขได้ด้วยการฝึกค่ะ
สถานการณ์ : มีลูกวัย 4 ขวบ เป็นเด็กผู้ชาย อยู่บ้านช่างพูดมากๆ ถ้าลูกปวดฉี่เวลาอยู่ที่บ้านจะวิ่งไปบอกแม่ แล้วรีบจูงปรู๊ดเข้าห้องน้ำไปเลย แต่พอไปโรงเรียนมีอาการฉี่รดกางเกงอยู่บ่อยๆ สอบถามก็อ้างว่าไม่กล้าบอกครู แล้วก็เถียงข้างๆ คูๆ ไป เตือนก็เถียงว่าก็หนูบอกไม่ทันไง ในฐานะคุณแม่จะฝึกลูกเรื่องเข้าห้องน้ำตอนไปโรงเรียนอย่างไรดีคะ
ทางออก : อาจแก้ไขด้วยวิธีการให้คะแนน หากลูกรู้จักบอกคุณครูและไปเข้าห้องน้ำได้ทัน กลับมาบ้านนอกจากให้สติกเกอร์ก็ยังควรพูดชมเชยด้วย พยายามอย่าดุ วิธีนี้เป็นการช่วยส่งเสริมทักษะทางบวก โดยคุณพ่อคุณแม่อาจตั้งกฎว่าเมื่อลูกได้ดาวครบ 10 ดวงในทุกๆ วัน จะให้รางวัลด้วยการพาไปซื้อของเล่น หรือพาไปเที่ยวนอกบ้าน พาไปเล่นกับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันแล้วจัดปาร์ตี้กัน แต่หากลูกทำไม่ได้แล้วไม่ได้ดาว ก็ไม่ต้องไปดุเขา ค่อยๆ ฝึก ค่อยๆ สอนกันไปเองที่บ้าน หรือขอตัวช่วย เช่น ขอความร่วมมือกับคุณครูที่โรงเรียน แต่ปกติในบางโรงเรียนจะมีวิธีฝึกให้เด็กๆ รู้จักเข้าห้องน้ำ ด้วยการให้เด็กๆ เข้าแถวเข้าห้องน้ำพร้อมกัน หลังจากนั้นจะถอดกางเกงในให้เด็ก ให้เขานั่งส้วมเองแล้วใช้สายฉีดล้างเอง จะต้องทำบ่อยๆ ฝึกประมาณ 12 เดือน เด็กๆ ก็รู้วิธีช่วยเหลือตัวเองได้ แต่หากโรงเรียนของลูกไม่มีการฝึกแบบนี้ ผู้ปกครองก็ควรไปบอกครูว่า ลูกเรามีความอายไม่กล้าบอกครูว่าปวดฉี่ หรือปวดอุจจาระ ก็ขอความร่วมมือให้คุณครูหมั่นถามเด็กๆ ในห้องบ้างว่า ใครรู้สึกปวดปัสสาวะให้ยกมือขึ้น โดยไม่ต้องถามเจาะไปเป็นคนๆ เพราะเด็กจะรู้สึกเขินอายไม่กล้าบอก แม้จะรู้สึกปวดก็ตาม ฝึกแป๊บเดียวระยะไม่นาน เด็กๆ จะรู้จักวิธีการปรับตัวแล้วอยู่ร่วมกับเพื่อนๆ ในสังคมได้อย่างมีความสุข
Ask the Expert
Q.น้องชายไปคบกับผู้หญิงแบบทอมๆ ที่บ้านเห็นแล้วเป็นห่วงเกรงว่าจะไปไม่รอด น้องชายมั่นใจว่าจะเปลี่ยนเธอได้ ควรจะเตือนสติเขาบ้างไหมคะ?
A.นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ในเครือโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า “น้องชายคุณเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ชอบคิดว่าคนเราจะเปลี่ยนคนอื่นได้ คุณไม่เคยเห็นหรือว่าผู้หญิงหลายต่อหลายคนแต่งงานกับผู้ชายเจ้าชู้หรือเล่นการพนัน เพราะคิดว่าเขาจะเปลี่ยนไปเพราะเธอ แล้วผลสุดท้ายเป็นอย่างไร ไม่มีใครเปลี่ยนใครได้ ที่ทำได้ดีที่สุดก็คือยอมรับในแบบที่เขาเป็น ไม่ใช่จะไปจัดการให้เขาเป็นในรูปแบบที่เราอยากให้เป็น ทุกวันนี้คนเรามักจะคิดเข้าข้างตัวเองโดยเฉพาะในเรื่องราวของความรัก เพราะเมื่อเกิดความรักแล้วดวงตาจะมองไม่เห็นอะไรนอกจากสิ่งที่อยากจะมองเห็น ไม่ว่าใครจะแนะนำอะไรก็คงไม่มีทางเชื่อ ต้องปล่อยไปตามทางของเขา เขียนแบบนี้อย่าหาว่าใจร้ายและไม่แนะนำนะคุณ เพราะแนะนำให้แล้ว ว่าแต่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่เท่านั้น เพราะไม่ได้แนะนำอย่างที่คุณอยากได้ เหมือนกับที่คุณอยากแนะนำน้องคุณ แต่น้องคุณไม่เชื่อนั่นแหละ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดา หากเขาสามารถคิดในแนวทางใหม่ได้ ก็อาจจะเป็นคนที่น่าจะเหนือธรรมดาและมีความสุขมากขึ้น”
He Said / She Said
เต๋อพนักงานบริษัท
“ผมชอบสาวที่ทันสมัย มีความคิดที่ทันสมัย แต่งตัวทันสมัยในแบบของตัวเอง และก็ชอบสาวที่ข้างนอกดูเปรี้ยว แต่ภายในเป็นสาวน่ารักครับ”
พีคพนักงานบริษัท
“ชอบหนุ่มอารมณ์ขัน มีความเป็นผู้ใหญ่ และก็มีความคิดริเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ ไม่ซ้ำใคร และที่สำคัญรักและเห็นค่าในตัวเราค่ะ”
Quote
“ทุกๆ คนก็มีวันเกิดกันทั้งนั้น ฆาตรกรก็มีวันเกิด ฉันก็มีวันเกิด จริงๆ แล้วมันก็เป็นวันๆ หนึ่งที่ไม่เห็นต้องมีอะไรเลย ฉันไม่ชอบเลยที่ทำๆ งานอยู่แล้วต้องหยุดเพื่อที่จะต้องมาร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้กัน มันขัดกับความเชื่อของฉันมาก พวกเราไม่ใช่เด็กๆ กันแล้วนะ”
มินดี้ เคลิ่ง นักแสดงตลกชื่อดัง