เยือนเรือนสมเด็จย่า ถิ่นนิวาสสถานตำนาน 100 ปี
ใกล้ริมน้ำเจ้าพระยา ในซอยวัดอนงคาราม ติดกับศาลเจ้ากวนอู เดินเข้าซอยมาไกลพอเหงื่อซึม
โดย...กลิ่นสเลเต
ใกล้ริมน้ำเจ้าพระยา ในซอยวัดอนงคาราม ติดกับศาลเจ้ากวนอู เดินเข้าซอยมาไกลพอเหงื่อซึม ไม่นานก็มาถึงอุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ “สวนสมเด็จย่า” ความเหนื่อยอ่อนที่มีค่อยๆ หายไป พื้นที่สีเขียวตรงหน้าทำให้อยากสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดลึกๆ สถานที่ร่มรื่นแห่งนี้เจือไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ของย่านคลองสาน ชุมชนที่มีหลากหลายเชื้อชาติ แตกต่างทางศาสนา ทั้งชาวไทยเชื้อสายจีน ชาวลาว และมุสลิม ทว่าพึ่งพาอาศัยกันอย่างสงบสุขสืบมาช้านาน
สำหรับใครที่เคยอ่านหนังสือพระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เรื่อง “แม่เล่าให้ฟัง” มาบ้างแล้ว จะจำได้ว่าสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เสด็จพระราชสมภพที่เมืองนนทบุรี แต่มาจำความได้ว่าพระชนม์ชีพวัยเยาว์ทรงคุ้นเคยกับละแวกวัดอนงคาราม ทรงเคยเที่ยวเล่นในสถานย่านนี้ ทรงโปรดเล่นน้ำในคลองสมเด็จเจ้าพระยา และทรงศึกษาเล่าเรียนประถมวัดอนงคาราม ดังนั้นสวนสมเด็จย่าจึงเป็นเสมือนอนุสรณ์สถานรำลึกถึงพระองค์ และความเป็นมาของย่านนี้ในช่วงเวลาเมื่อกว่า 100 ปีที่ผ่านมา
หลังจากมีการสำรวจหา “บ้านเดิม” ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในปี พ.ศ. 2536 ก็พบว่าพื้นที่ซึ่งเคยตั้งเป็น “บ้าน” นั้น กลายสภาพเป็นตึกแถว 2 ชั้นไปเสียแล้ว แต่ในบริเวณไม่ห่างกันนัก พบว่ามีตึกเก่าสมัยรัชกาลที่ 3 ยังคงหลงเหลืออยู่ และมีลักษณะใกล้เคียงกับบ้านเดิมของสมเด็จย่า ทราบภายหลังว่าเป็นอาคารบริวารของบ้านเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาธิบดี หรือ แพ บุนนาค อธิบดีกรมพระคลังสินค้า ในสมัยรัชกาลที่ 5
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ที่จะอนุรักษ์ “บ้าน” ซึ่งเป็นนิวาสสถานครั้งทรงพระเยาว์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีไว้ เพื่อจัดแสดงพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยบูรณะเป็นพิพิธภัณฑ์และพัฒนาพื้นที่บางส่วนเป็นสวนสาธารณะ และพระราชทานให้แก่ชุมชน เมื่อเจ้าของที่ดิน คือ แดง นานา และเล็ก นานา ทราบถึงกระแสพระราชดำริ จึงพร้อมใจน้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใกล้เคียง
จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนาเป็นเจ้าของที่ดิน และทรงโปรดให้บุคคลและหน่วยงานต่างๆ ร่วมดำเนินงานในรูปของคณะกรรมการจัดสร้างอุทยานตามแนวพระราชดำริ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด เมื่อวันอังคารที่ 21 ม.ค. 2540
พื้นที่ภายในสวน แบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ประกอบด้วย สวนส่วนหน้าที่ร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่ เป็นต้นไม้ที่มีอายุนับร้อยปี มีพระราชานุสาวรีย์สมเด็จย่า ในพระอิริยาบถประทับทรงแย้มพระโอษฐ์อยู่ในสวนสีเขียว และสวนส่วนในถูกออกแบบให้มีทางเดินและลู่วิ่ง มีศาลาแปดเหลี่ยมสร้างจากไม้เก่าที่รื้อจากบ้านเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ฯ โดยยังคงอนุรักษ์อาคารไม้ 2 ชั้นไว้หลังหนึ่งเพื่อเป็นสำนักงาน
เนื้อที่สวนทั้งสองส่วนถูกคั่นด้วยอาคารพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเดิมเป็นอาคารบริวารของบ้านเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ฯ ทางด้านใต้ เมื่อบูรณะแล้วทำให้ได้อาคาร 2 หลัง หลังแรกเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์จัดแสดงภาพพระราชประวัติตั้งแต่ทรงพระเยาว์จนกระทั่งเสด็จสวรรคต ซึ่งนอกจากจะมีประวัติของชุมชนในย่านวัดอนงคารามย้อนหลังไป 100 ปี ยังมีสิ่งของที่พสกนิกรน้อมใจถวายในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพอีกจำนวนหนึ่ง
ถัดมาอาคารหลังที่ 2 จัดแสดงพระราชจริยาวัตรและพระราชอัธยาศัย เดินตรงไปสุดผนังด้านในจะแสดงภาพจิตรกรรมฝีมือ พิชัย นิรันต์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ปี พ.ศ. 2546 สื่อถึงพระราชจริยาวัตรด้านศาสนา นอกจากนี้ภายในห้องยังมีสิ่งของเครื่องใช้อื่นๆ อาทิ ฉลองพระองค์ งานฝีพระหัตถ์ กีฬาทรงโปรด และพระราชกรณียกิจด้านหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. เป็นต้น
เดินออกจากอาคารพิพิธภัณฑ์แล้ว เราจะพบบ้านจำลองที่ทรงให้สร้างขนาดเท่าของจริง มีที่นอน ส่วนสำหรับทำครัว และห้องทำทองของพระชนกชูที่มีอาชีพเป็นช่างทองในสมัยนั้น เมื่อเดินออกจากบ้านจำลองจะพบแผ่นหินทรายสลักแบบนูนต่ำ มีอักษรพระนามาภิไธย สว. ในกรอบหยดน้ำประดับอยู่กึ่งกลาง แสดงภาพการดำเนินงานของคณะแพทย์อาสา พอ.สว. รวมทั้งโรงเรียนตำรวจตะเวนชายแดน ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นภาพพระตำหนักดอยตุง เป็นภาพแผ่นหินที่เป็นสัญลักษณ์ของความจงรักภักดีที่พสกนิกรมีต่อสมเด็จย่าของพวกเขา
ในช่วงนี้หากใครมากราบพระที่วัดอนงคาราม ก็สามารถแวะมาเรียนรู้ประวัติศาสตร์แถบคลองสานและรำลึกถึงสมเด็จย่า ก็สามารถแวะมาที่อุทยานสมเด็จย่า ถือเป็นโปรแกรมสำหรับวันพักผ่อนที่น่าสนใจดีทีเดียว
ผู้สนใจเข้าชมหรือพักผ่อนหย่อนใจภายในอุทยานได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. ส่วนพิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. (ไม่เก็บค่าเข้าชม) โทร. 02-437-7799, 02-439-0896 และหน่วยงานที่ต้องการจัดทัศนศึกษา อุทยานจะจัดเจ้าหน้าที่บรรยายให้ความรู้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย