เอกชัย เจียรกุล ที่สุดของชีวิตคือแชมป์โลกกีตาร์คลาสสิก
“เบิร์ด-เอกชัย เจียรกุล” ผู้ชายในวัย 27 ปี คือ คนไทยและคนเอเชียคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่คว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขันกีตาร์คลาสสิกระดับนานาชาติประจำปี 2557
โดย...นกขุนทอง ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล
“เบิร์ด-เอกชัย เจียรกุล” ผู้ชายในวัย 27 ปี คือ คนไทยและคนเอเชียคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่คว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขันกีตาร์คลาสสิกระดับนานาชาติประจำปี 2557 เวที “GFA Guitar Foundation of America International Concert Artist Competition” ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาคือที่ 1 จากนักกีตาร์คลาสสิก 52 คน จากทั่วโลกที่มุ่งตรงมายังเวทีประกวดอันยิ่งใหญ่นี้ เวที GFA ถูกจัดอันดับและให้การยอมรับว่าสุดยอดของการประกวดและมีตำนานมนต์ขลังที่สุด จัดประกวดมา 32 ปีแล้ว
‘ผมคงหยุดแข่งไปตลอดชีวิต’
“ผมคงหยุดแข่งไปตลอดชีวิต” เบิร์ดบอกหลังจากไปเผชิญประสบการณ์อันยิ่งใหญ่และพิเศษสุดในชีวิต “กีตาร์คลาสสิกจัดประกวดกันทุกเมือง แต่เวที GFA เป็นเวทีที่ใหญ่สุด เปรียบกับโอลิมปิก ถ้าได้ที่ 1 จากเวทีนี้ ต้องหยุดแข่งตลอดชีวิตเพราะไม่มีอะไรที่ใหญ่กว่านี้แล้ว” ตั้งใจไว้ว่าอายุ 30 ปี จะหยุดแข่งขัน แต่มาเร็วก็ดี “ก็โล่ง รู้สึกดี เรามาสุดทางในการแข่งขันแล้ว วางแผนไว้ว่าจะเลิกตอนอายุ 30 เพราะมันคือมารยาทด้วย อายุเท่านี้ต้องเทิร์นโปรไปเล่นคอนเสิร์ต เป็นกรรมการ”
หลังจากนี้เบิร์ดจะก้าวเข้าสู่การเป็นศิลปินเต็มตัว เพราะรางวัลอันล้ำค่าที่เขาปรารถนามานานได้รออยู่เบื้องหน้าแล้ว คือ ได้รับสิทธิอัดแผ่นเสียงกับค่ายเพลงคลาสสิกชื่อดัง 2 แห่ง คือ Naxos และ GHA พร้อมได้แสดงที่คาร์เนกี้ฮอลล์ และต้องเตรียมโชว์ออนทัวร์อีกว่า 50 คอนเสิร์ตทั่วโลกในปีหน้า เป็นที่น่าภูมิใจยิ่งนักที่เบิร์ดบอกเสียงหนักแน่นว่า ทุกประเทศที่ไปจะเตรียมเพลงพระราชนิพนธ์ไปเล่นทุกครั้ง
‘ผมไม่ชอบการแข่งขัน’
เบิร์ดในวันนี้ยังช่างคุยเหมือนเด็กหนุ่มวัย 20 พร้อมสีหน้าที่เปื้อนยิ้มตลอดเวลา น้ำเสียงแจ่มใส และดูอารมณ์ปลอดโปร่งโล่งใจ โพสต์ทูเดย์มีโอกาสได้เจอได้คุยกับเบิร์ดมาหลายครั้ง ติดตามพัฒนาการ การแข่งขันของเขามาโดยตลอด กว่าจะถึงวันนี้ได้เขาสู้มาหนัก
นักกีตาร์คลาสสิกต้องสร้างโปรไฟล์ให้กับตัวเอง ต้องแข่งขันไปยังเวทีต่างๆ ทั่วโลก เพื่อให้เป็นที่รู้จัก แต่เบิร์ดในช่วงเริ่มต้นนั้น ต้องสู้ทนกับเรื่องการหาผู้สนับสนุน ไหนจะต้องมาฝึกซ้อมอีก จนในที่สุดได้บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ และส่งไม้ต่อให้แสงโสมเข้ามาเป็นผู้สนับสนุน ทำให้เบิร์ดเต็มที่กับการฝึกซ้อมอย่างเดียว
“เบิร์ดชอบสโลแกนของเขาที่บอกว่า คนไทยตั้งใจทำอะไร ไม่แพ้ชาติใดในโลก มันตรงกับสิ่งที่เราต้องการ เบิร์ดต้องการนำธงชาติไทยไปปักบนเวทีกีตาร์คลาสสิก ระดับโลกให้ได้ และวันนี้เบิร์ดก็ทำได้แล้วครับ”
ประวัติการแข่งขันของเบิร์ดเก็บมาเล่าหมดหน้ากระดาษคงไม่พอ แต่ครั้งแรกของเขาจำได้ไม่มีวันลืม เพราะหัดเล่นกีตาร์ได้แค่ 4 เดือน ก็ลงสมัครการแข่งขันดนตรียามาฮ่า อาการประหม่าตื่นเต้นมาเต็มเลย ผลปรากฏได้ที่สุดท้าย เด็กชายคนนั้นไม่มีเข็ด นับจากนั้นก็แข่งแทบทุกเวทีประกวดในไทย ได้ที่ 2 ที่ 3 ได้แชมป์บ้าง ตกรอบก็มี แต่ยังไปต่อ
รวมเวลาที่เขาใช้ไปกับการแข่งขัน เพื่อมาถึงวันเป็นแชมป์กีตาร์คลาสสิกระดับโลก คือ 13 ปี
ภายในเวลา 7 ปีที่ผ่านมา เบิร์ดผ่านการแข่งขันมาทั้งหมด 30 เวที มากกว่า 20 ประเทศ ไม่นับร่วมเวทีประกวดในไทย
“ผมไม่ชอบการแข่งขัน” เบิร์ดว่าไว้
“ผมไม่ชอบการแข่งขัน เกลียดมากกก (เน้นเสียงลากยาวเข้าไปอีก) ไม่ชอบการแสดงออก ไม่ชอบเล่นต่อหน้าคนเยอะๆ แต่เมื่อเราเลือกอาชีพนี้ การแข่งขันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปัจจุบันการแข่งขันสำคัญมาก ที่ให้คนอื่นยอมรับ มีงาน มีหนทางไปต่อ นักดนตรีคลาสสิกทั่วโลกมีหลายล้านคน แต่การที่จะให้เขายอมรับเราต้องชนะการแข่งขันเวทีใหญ่ๆ พิสูจน์ให้ได้ว่าเราเป็นที่ 1 ทำให้เรามีความพิเศษโดดเด่นขึ้นมา”
ถึงตอนนี้เบิร์ดก็ยังไม่ได้รู้สึกชอบการแข่งขันและไม่ได้ชินกับการแข่งขัน “เครียดทุกครั้งในการแข่งขัน ยิ่งเวทีใหญ่ยิ่งเครียดหนักกว่าเดิม ไม่มีการชินเวที แต่เป็นประสบการณ์ใหม่ การแข่งขันบ่อยๆ ทำให้เราควบคุมได้ เราวางแผนการเล่นได้ถูก ให้ได้ประสิทธิภาพ”
กว่าจะเป็นที่ 1 ของโลก
“99 เปอร์เซ็นต์ จากการแข่งขัน 23 ปีที่ผ่านมา ได้ที่ 2 ที่ 3 เข้ารอบลึก ไม่ค่อยมีตกรอบ แต่ช่วงก่อนมาประกวดเวที GFA ได้ที่ 2 บ่อยมาก จนเสียเซลฟ์ ตอนนั้นชีวิตเศร้ามาก” เบิร์ดเปิดใจ
“เกือบไม่ได้ไปเวทีนี้ ยอมรับว่ามีท้อ ทั้งๆ ที่เราไม่ได้คาดหวังผลรางวัลหรอก เพราะจริงๆ แล้วการแข่งขันดนตรีเป็นเรื่องของรสนิยม และมีอย่างอื่นเข้ามาประกอบได้ด้วยอีก เราทำเต็มที่ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องได้ที่ 1 แต่เราแค่เซ็งๆ กับตัวเองว่าที่ 2 อีกแล้ว ที่ท้อเพราะรู้สึกว่าโชคชะตาไม่เข้าข้างเราเลย ซ้อมเยอะมาก ก็ได้แต่ที่ 2 มาสามปี เคยคุยกับกรรมการ คะแนนเราต่างแค่จุดหนึ่งคะแนนจึงทำให้เราได้ที่ 2 แต่กรรมการบอกให้ทำเต็มที่ สักวันหนึ่งจะเป็นของเรา วันนี้คุ้มค่ากับการรอคอยครับ”
ซ้อมและซ้อมทำให้มีความมั่นใจเมื่อต้องโชว์บนเวที และประสบการณ์จากการแข่งขันทำให้สามารถวางแผนการเลือกเพลงการเล่นได้ดี
“ความสำเร็จไม่ได้มาง่ายๆ เบิร์ดกว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เส้นทางผ่านมาเยอะ แข่งระดับจังหวัดตกรอบก็มี เราค่อยๆ ก้าวมาทีละสเต็ป การวางแผนที่ดี การพัฒนาตัวเองในการแข่งขัน การจัดโปรแกรมเพลงสำคัญมาก จะเลือกเล่นแต่เพลงที่ตัวเองชอบไม่ได้ การแข่งขันกีตาร์ ดู 3 ปัจจัยหลักๆ คือ เทคนิค สกิล ความรวดเร็ว แม่นยำ สองการตีความหมายบทเพลง โรแมนติกเล่นยังไง และพรีเซนเตชั่นบนเวที โชว์ความเป็นมืออาชีพขนาดไหน ถ้าเลือกแต่เพลงเร็วก็ไม่ได้โชว์ความอ่อนหวานไพเราะของกีตาร์ ต้องเลือกเพลงให้บาลานซ์กันสำคัญที่สุด เบิร์ดมองว่า คนที่มาแข่งขันอยู่เลเวลเดียวกันหมด แต่เพลงจะทำให้เราแตกต่าง”
เทคนิคของแชมป์ระดับโลก แนะว่า ซ้อมเยอะก็จริงแต่ต้องพัก “พยายามซ้อมให้มากที่สุด เพราะถ้าเรามั่นใจว่าทำได้ จะช่วยให้เราไม่ตื่นเต้นมาก ถึงจะมีตื่นเต้นแต่คุมได้ แต่ใกล้ถึงการแข่งขันการซ้อมเยอะจะยิ่งทำให้เครียด เบิร์ดจะพยายามดึงตัวเองออกมาจากกีตาร์ หาอย่างอื่นทำผ่อนคลาย ถ้าฝืนซ้อมเยอะยิ่งลงเหวเพราะความกดดัน ความเครียด และระหว่างนั้นจะพยายามคิดบวกให้กำลังใจตัวเอง อย่างเราเล่นผิด ก็บอกว่าตอนแข่งต้องเล่นถูก ถ้าเรามัวแต่คิด ซ้อมยังผิด ตอนแข่งผิดแน่ๆ มันผิดแน่ๆ ครับ (หัวเราะ)”
สุดท้าย เบิร์ดบอกว่า คนที่จะลงสู่สนามแข่งขันต้องมีภูมิต้านทานจิตใจที่ดี “ถ้าเราเจอคอมเมนต์แรงๆ เราอาจท้อ เสียใจ รับไม่ได้ การแข่งขันมันมีแพ้ชนะ เอาจุดบกพร่องมาพัฒนาตัวเอง ถึงว่าดีก็ต้องดีกว่าเดิม การแพ้ทำให้เบิร์ดมีการพัฒนาได้เร็วกว่าการชนะ”
จากใจ...แชมป์กีตาร์คลาสสิกระดับโลก
“ตอนที่รู้ว่าเป็นเรา คิดเลยว่า เด็กไทยเจ๋ง สายตาคนต่างชาติที่มองมาที่เรา กรรมการเดินมาหาเราบอกว่า ยูเป็นคนเอเชียคนแรกที่เล่นแล้วไอชอบมาก เล่นดนตรีคลาสสิกได้ถูกสไตล์มาก จากนี้ไปคงเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่ามากกับทัวร์ 50 ประเทศ”
ใน 50 ประเทศ ที่เบิร์ดจะต้องไปโชว์ ในทวีปเอเชียมีแค่ที่จีน แต่แฟนๆ ชาวไทยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้ยลฝีมือหนุ่มคนนี้ เพราะเขามีแผนจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ในไทย แต่ที่จะได้ชมแน่ๆ ก็คือ วันที่ 25 ก.ค.กับ “Yamaha Live with Music Concert : Music Inspiration by Bird Ekachai Jearakul” ที่อาคารสยามกลการ ปทุมวัน เบิร์ดจะโชว์ 6 เพลง ที่ใช้ประกวดบนเวที GFA งานนี้เป็นฟรีคอนเสิร์ต 300 ที่นั่งเท่านั้น สอบถามกันได้ที่โทร. 02-215-2626-39