โรคแพ้ถั่วปากอ้า ฉี่เหมือนโคล่า-น้ำปลาก็คล้าย
ท่านๆ รู้จัก “ถั่วปากอ้า” กันใช่ไหมครับ ? แล้วรู้หรือไม่ว่าถั่วปากอ้าที่เรารับประทานกันนั้น
โดย...ธนวัฒน์ เพ็ชรล่อเหลียน
ท่านๆ รู้จัก “ถั่วปากอ้า” กันใช่ไหมครับ ? แล้วรู้หรือไม่ว่าถั่วปากอ้าที่เรารับประทานกันนั้น มีถิ่นกำเนิดในแถบเมดิเตอร์เรเนียนโน้น
ถั่วปากอ้าเป็น “พืชวงศ์ถั่ว” เช่นเดียวกับ ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ถั่วแขก และถั่วพู เมล็ดกินได้ทั้งสดแห้ง
แล้ว “ถั่วปากอ้า” มาเกี่ยวข้องอะไรกับคอลัมน์ของเรา !!?
หลายท่านอาจยังไม่รู้ ... ถั่วปากอ้านี้พิษสงร้ายยิ่งนัก
เฉพาะกับผู้ที่มีภาวะพร่องเอนไซม์ซิกซ์พีดี (G6PD Deficiency) ถั่วปากอ้าอาจทำให้ท่านทรมานแสนสาหัส
อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ภาวะพร่องเอนไซม์ชื่อแปลกๆ นี้ มีอีกชื่อหนึ่งว่า “โรคแพ้ถั่วปากอ้า” เป็นโรคที่ถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรม พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
แพ้ถั่วปากอ้าแล้วยังไง ? ... ลองคุณได้แพ้มันแล้วคุณจะไม่มีวันชนะมันอีกเลย คุณต้องหลีกหนีให้ไกล อย่าได้คิดจะหยิบหยอดเข้าปากโดยเด็ดขาด
เอนไซม์ซิกซ์พีดีนั้นมีอยู่ในร่างกายของเราทุกคน แต่เมื่อพร่องหรือขาดไป ... แล้วถูกกระตุ้นซ้ำด้วย “ของแสลง” เช่น ยาบางชนิด และถั่วปากอ้า ผลก็คือเม็ดเลือดแดงจะแตกตัว
เว็บไซต์ “แม่รักลูก” ระบุไว้ชัด อาการที่เกิดขึ้นจากการแพ้ถั่วปากอ้าคือ มีไข้สูงหนาวสั่น ซีดเหลืองอ่อนเพลียมาก ปัสสาวะสีดำคล้ายน้ำปลา หรือโคคาโคล่า
ถ่ายปัสสาวะน้อยอาจนำไปสู่ภาวะไตวายเฉียบพลัน นอกจากนี้ยังส่งผลให้การควบคุมสมดุลสารเกลือแร่ต่างๆ ในร่างกายเสียไป ทำให้เกิดภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง
อาการมักจะเกิดขึ้นหลังได้รับยาที่แสลงหรือหลังกินถั่วปากอ้า อาการจะเป็นๆ หายๆ บ่อยๆ
ที่น่ากลัวคือกับ “ทารกแรกเกิด” หลังคลอดเพียงไม่กี่วัน ลูกน้อยจะมีอาการตัวเหลืองตาเหลือง อาจมีภาวะซีดร่วมด้วย เป็นดีซ่านนานกว่าปกติ
สำหรับการรักษา ... สิ่งสำคัญที่สุดของผู้ป่วยภาวะพร่องเอนไซม์จีซิกซ์พีดี คือการป้องกันและหลีกเลี่ยงยาและอาหารที่ทำให้มีการสลายของเม็ดเลือดแดง
การได้รับวัคซีนป้องกันโรคที่พบบ่อยบางชนิด เช่น ไวรัสตับอักเสบ เอ และบี อาจช่วยป้องกันเหตุเม็ดเลือดแดงสลายที่เกิดจากการติดเชื้อนั้นๆ ได้
ผู้ป่วยที่เม็ดแดงสลาย “เฉียบพลัน” จำเป็นต้องได้รับเลือด หรือต้องรับการชำระเลือด ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการดีขึ้นจากการตัดม้าม เนื่องจากม้ามเป็นแหล่งทำลายเม็ดเลือดแดงของร่างกาย
สถิติในประเทศไทยพบภาวะนี้มาก เกิดในชายไทยประมาณ 3-18% ขึ้นอยู่กับวิธีการวินิจฉัยและพื้นที่ทำการสำรวจ แต่จากผลการศึกษาในกรุงเทพมหานคร (กทม.) พบว่าอุบัติการณ์ของภาวะพร่องเอนไซม์ซิกซ์พีดีในชายเท่ากับ 10-12% ทั้งในประชาชนทั่วไปและทารกแรกเกิด ส่วนในหญิงพบน้อยกว่าประมาณ 8-10 เท่า
ภาวะพร่องเอนไซม์ซิกซ์พีดี ... เป็นโรคทางพันธุกรรมที่จัดว่าไม่รุนแรง จะแสดงอาการก็ต่อเมื่อถูกกระตุ้นจากของแสลง ดังนั้นหากดูแลตัวเองดีๆ ก็ไม่ต้องกังวลอะไร