วัดพุทไธศวรรย์ ปฐมบทก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยา

27 กรกฎาคม 2557

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า ก่อนที่สมเด็จพระเจ้าอู่ทองจะทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีได้อย่างยิ่งใหญ่

โดย...สืบสิน

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า ก่อนที่สมเด็จพระเจ้าอู่ทองจะทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีได้อย่างยิ่งใหญ่ และแสนจะอลังการนั้น พระองค์เคยใช้สถานที่แห่งหนึ่งเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับเพื่อหาทำเลในการสร้างกรุงศรีอยุธยาในเวลาต่อมา

สถานที่นั้นก็คือวัดพุทไธศวรรย์ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ใน ต.สำเภาล่ม อ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเคยเป็นคลองที่ดึงน้ำจากแม่น้ำลพบุรีหรือคลองคูเมืองตอนเหนือ โดยมีแนวคลองผ่านด้านหลังของพระราชวังโบราณ แล้วมาบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยาตรงบริเวณหน้าวัดพอดี วัดนี้ในสมัยอยุธยานั้นมีชุมชนหลากหลายเชื้อชาติศาสนาอยู่โดยรอบ ทั้งชุมชนชาวจีน มุสลิม โปรตุเกสและอินโดจีน ซึ่งนับถือศาสนาคริสต์

วัดพุทไธศวรรย์ ปฐมบทก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยา

 

ย้อนกลับไปเมื่อคราวสมัยกรุงศรีอยุธยา วัดพุทไธศวรรย์นับเป็นพระอารามหลวงที่ใหญ่โตและมีชื่อเสียงวัดหนึ่ง ซึ่งปรากฏตามตำนานว่าคือวังและเมืองใหม่ในเขตหนองโสนของ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงสร้างขึ้นในบริเวณที่เป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับเมื่อทรงอพยพมาตั้งอยู่ก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ซึ่งที่บริเวณนี้มีชื่อปรากฏในพระราชพงศาวดารว่า “ตำบลเวียงเล็กหรือเวียงเหล็ก”

ตำนานเวียงเหล็กก็คือ บริเวณที่ประทับเดิมของสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง ก่อนที่จะยกข้ามแม่น้ำไปสร้างพระราชวังที่ ต.หนองโสน หรือที่เรียกกันว่า บึงพระราม ในปัจจุบัน

วัดพุทไธศวรรย์ ปฐมบทก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยา

 

เหตุที่เลือกที่นี่เพราะเมื่อ พ.ศ. 1607 พระเจ้าอู่ทองทรงอพยพพาไพร่พลหนีโรคร้ายมาจากเมืองอู่ทอง และได้พักไพร่พลอยู่ที่นี่นานถึง 3 ปี จนกระทั่งเห็นว่าไพร่พลพอมีพละกำลังเข้มแข็งจึงยกพลกลับมาสร้างพระนครศรีอยุธยาและสถาปนาเป็นพระนครรต่อมานั่นเอง

ครั้นพอสถาปนากรุงศรีอยุธยาแล้ว ถึง พ.ศ. 1896 จึงโปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้นเป็นพระราชอนุสรณ์ ณ ตำบลซึ่งพระองค์เสด็จมาตั้งมั่นอยู่แต่เดิมนั่นก็คือวัดพุทไธศวรรย์ในปัจจุบัน ซึ่งพระมหากษัตริย์องค์ต่อๆ มา ก็ยังได้โปรดให้สร้างถาวรวัตถุเพิ่มเติมขึ้นอีกหลายอย่าง

วัดพุทไธศวรรย์ ปฐมบทก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยา

 

ในสมัยรัชกาลของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ วัดแห่งนี้ยังได้ถูกใช้เป็นสถานที่ตั้งทัพของพม่า ในคราวที่ยกทัพมาล้อมกรุงศรีอยุธยา จึงทำให้วัดนี้รอดพ้นจากการเผาของพม่า

เมื่อคราวเสียกรุงฯ ในปี พ.ศ. 2310 วัดพุทไธศวรรย์ก็เป็นอีกวัดหนึ่งที่มิได้ถูกพม่าทำลาย ทุกวันนี้จึงยังมีโบราณสถานไว้ชื่นชมกันหลายจุด

วัดพุทไธศวรรย์ ปฐมบทก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยา

 

อย่างจุดที่น่าสนใจก็คือ ปรางค์ประธานองค์ใหญ่เป็นแบบฝักข้าวโพดในรูปแบบศิลปะแบบขอม เชื่อกันว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น อันสอดคล้องกับตำนานเรื่องวังเวียงเหล็กของพระเจ้าอู่ทอง แต่ก็มีข้อโต้แย้งจากนักวิชาการอีกแนวทางหนึ่งว่าองค์ปรางค์ของวัดนี้น่าจะเป็นศิลปะสมัยพระนารายณ์ หรือสมัยอยุธยาตอนปลายมากกว่า ซึ่งองค์ประธานนี้จะตั้งอยู่กึ่งกลางอาณาเขตพุทธาวาสบนฐานไพทีซึ่งมีลักษณะย่อเหลี่ยมมีบันไดขึ้น 2 ทาง คือ ทางทิศตะวันออก และทางทิศตะวันตก ส่วนทิศเหนือทิศใต้มีมณฑปสองหลังภายในพระมณฑปมีพระประธาน

เมื่อครั้งหนึ่งบริเวณมุขส่วนหน้าของปรางค์องค์ประธาน เคยมีเทวรูปพระเจ้าอู่ทองประดิษฐานอยู่ แต่ได้ถูกอัญเชิญลงไปกรุงเทพฯ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โดยพระองค์ทรงให้หล่อแปลงเทวรูปเดิม ให้เป็นพระพุทธรูปหุ้มเงินทั้งองค์ แล้วนำไปประดิษฐานไว้ในวัดพระแก้ว

วัดพุทไธศวรรย์ ปฐมบทก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยา

 

ทั้งนี้ รัชกาลที่ 1 ทรงให้หล่อพระพุทธรูปยืนทรงเครื่อง แล้วนำมาประดิษฐานไว้ตรงมุขด้านข้างของปรางค์ประธานเป็นการทดแทน บนฐานเดียวกับปรางค์ประธานมีมณฑปขนาบซ้ายขวา ภายในมณฑปมีพระพุทธรูป ด้านท้ายเขตพุทธาวาสมีพระอุโบสถขนาดใหญ่ ปรางค์องค์ที่สมบูรณ์อยู่ในปัจจุบันนี้นั้นได้รับการซ่อมแซมครั้งใหญ่โดยชาวบ้านอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 2441 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งที่พระองค์จะเสด็จประพาสยังวัดนี้ และได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม เมื่อปี พ.ศ. 2499 และยังใช้ประกอบกิจของสงฆ์มาจนถึงปัจจุบันนี้

นอกจากนี้ ยังมีพระตำหนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ประจำอยู่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตำหนักนี้เป็นอาคาร 2 ชั้น ฐานอาคารมีลักษณะโค้งแบบท้องเรือสำเภา อันเป็นศิลปะที่นิยมกันในสมัยอยุธยาตอนปลาย

วัดพุทไธศวรรย์ ปฐมบทก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยา

 

ชั้นบนเป็นจิตรกรรมฝาผนัง เป็นภาพที่เล่าเรื่องของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์เมื่อคราวที่ไปนมัสการพระพุทธบาทที่ลังกาทวีป นอกจากนี้ยังมีภาพเกี่ยวกับเรื่องหมู่นักพรต เทวดา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในสภาพค่อนข้างทรุดโทรมและเลอะเลือนเต็มที ซึ่งอาคารนี้ได้รับการลอกแบบไปสร้างเป็นส่วนหนึ่งของร้านขายผ้าไหมที่มีชื่อเสียงของ จิม ทอมป์สัน ที่กรุงเทพฯ อีกด้วย

ด้านข้างตอนใต้ของวิหารหลวงยังเป็นวิหารพระนอน พระนอนองค์นี้เพิ่งได้รับการบูรณะเมื่อไม่นานมานี้ นอกนั้นโดยรอบยังมีเจดีย์ใหญ่น้อยอีกมากมายที่น่าเชื่อว่าสร้างขึ้นเพื่อบรรจุอัฐิธาตุของบุคคลสำคัญ

ในบริเวณวัดยังมีเทวรูปจตุคามรามเทพ คือ เทพรักษาพระบรมธาตุ จ.นครศรีธรรมราช สถิตอยู่ที่บานประตูทางขึ้นพระบรมธาตุ ในปี พ.ศ. 2530 เมื่อมีการตั้งดวงเมืองนครศรีธรรมราชขึ้นใหม่ จึงมีการอัญเชิญจตุคามรามเทพไปสถิต ณ ที่นั้นเป็นต้นมา

ในปัจจุบันวัดพุทไธศวรรย์ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ ซึ่งมีผู้คนหลั่งไหลแวะมาเยี่ยมชมกันเป็นจำนวนมาก จึงทำให้บริเวณวัดพุทไธศวรรย์ช่วงวันหยุดนั้นจะเนืองแน่นไปด้วยผู้คนจำนวนมากเลยทีเดียว

การเดินทาง

ทางรถยนต์ ใช้เส้นทางสายอยุธยาเสนา ข้ามสะพานวัดกษัตราธิราชวรวิหารแล้วเลี้ยวซ้าย จะผ่านวัดไชยวัฒนาราม มีป้ายบอกทางเป็นระยะไปจนถึงทางแยกซ้าย เข้าวัดพุทไธศวรรย์

ทางเรือ อาจเช่าเหมาเรือหางยาวจากบริเวณหลังลานจอดรถฝั่งตรงข้ามพระราชวังจันทรเกษมด้านตะวันออกของเกาะเมือง ล่องไปตามลำน้ำป่าสัก ลงไปทางใต้ผ่านวิทยาลัยการต่อเรือพระนครศรีอยุธยา วัดพนัญเชิงวรวิหาร วัดพุทไธศวรรย์ โบสถ์โปรตุเกส วัดไชยวัฒนาราม วัดกษัตราธิราชวรวิหาร และเจดีย์พระศรีสุริโยทัย

Thailand Web Stat