posttoday

‘ชมพู่-ทับทิม’ พี่น้องสองป้า

16 สิงหาคม 2557

2 ป้าพี่น้อง “ชมพู่ทับทิม” สุรีพร หรือ ชมพู่ พี่สาวคนโต วัย 53 ปี อดีตพยาบาลวิชาชีพและผู้บริหารบริษัทยาญี่ปุ่น และ ปริยานุช หรือ ทับทิม ณ ตะกั่วทุ่ง วัย 48 ปี

โดย...ดวงใจ จิตต์มงคล / ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล

2 ป้าพี่น้อง “ชมพู่ทับทิม” สุรีพร หรือ ชมพู่ พี่สาวคนโต วัย 53 ปี อดีตพยาบาลวิชาชีพและผู้บริหารบริษัทยาญี่ปุ่น และ ปริยานุช หรือ ทับทิม ณ ตะกั่วทุ่ง วัย 48 ปี อดีตผู้บริหารสายการตลาด ธุรกิจอุปโภคบริโภคและค้าปลีกบริษัทข้ามชาติ ที่พลิกชีวิตมาทำร้านอาหารเครื่องดื่ม ขนมเบเกอรี่ร่วมกับพี่สาว คือ ร้านทูป้า’ส เฮ้าส์ (2 Pa’s House) ถนนพระราม 9 ตัดใหม่ 51

ทั้งสองคนโด่งดังชั่วข้ามคืน จากเวทีประกวดความสามารถ ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ (ทีจีที) ซีซั่น 4 ที่จูงมือกันมาฟีเจอริ่งเพลงของสองสาวดีว่า “นิวจิ๋ว” ไม่รักไม่ต้อง พร้อมลีลาเต้นประกอบที่ออกจากอินเนอร์ล้วนๆ

ทั้งคู่ไม่คิดว่าชีวิตจะเปลี่ยนไปจากป้าธรรมดาๆ ที่มีคนจดจำพวกเธอในนิยามใหม่ว่า “สองป้านิวจิ๋ว” ที่ชั่วโมงนี้ยิ่งทวีความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องแน่นหนึบกว่าเก่า ด้วยต้องฝึกซ้อมร้องเพลงและท่าเต้น สำหรับโชว์ครั้งต่อไปอย่างเข้มข้นแทบทุกวัน หลังผ่านเข้ารอบเซมิ ไฟนอล ทีจีที ไปแล้ว

‘ชมพู่-ทับทิม’ พี่น้องสองป้า

น้องเป็นเสาหลักครอบครัว

ป้าชมพู่ : ขอบคุณทับทิม ที่กลายเป็นคู่หู ที่กอดคอกันกลายเป็นดีว่าชั่วข้ามคืน ทับทิมเป็นเสมือนเสาหลักของครอบครัวมาโดยตลอดช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้าน ที่มีสมาชิกด้วยกัน 3 คนในเวลานี้ คือ คุณพ่อ ป้าชมพู่ และป้าทับทิม ที่แต่ละคนต่างมีชีวิต แบบอินดี้ ที่แม้ว่าจะแยกบ้านอยู่กันคนละหลัง แต่ทั้ง 3 หลังก็ปลูกอยู่ติดกันบนเนื้อที่แปลงเดียว ด้วยเหตุผลไลฟ์สไตล์ความเป็นส่วนตัวล้วนๆ และยังซี้ปึ้กกันเหมือนเดิม

8-9 ปีก่อน ป้าชมพู่ตัดสินใจออกจากงานประจำเพื่อมาดูแลคุณพ่อที่มีโรคประจำตัว ซึ่งในช่วงเวลาที่อยู่บ้านนั้นทำให้ “ป้าว่าง” เลยมีเวลาไปทำงานฝีมือ งานอดิเรกต่างๆ ที่ชอบ อย่างงานปั้นดอกไม้จากดินญี่ปุ่น ที่ป้าชมพู่ทำได้ละเอียดมาก กระทั่งครูผู้สอนปั้นเองยังมาขอให้ป้าชมพู่สอนวิธีทำดอกฟอร์เก็ตมีน็อตให้

เมื่อมีเวลามากขึ้น ก็หันไปลงคอร์สเรียนต่างๆ อย่างวาดภาพสีน้ำมันก็เคย แต่ด้วยอายุที่เยอะเวลานั่งนิ่งนานๆ ก็ปวดหลัง เลยเปลี่ยนไปเรียนเขียนเว็บไซต์ โปรแกรมแต่งภาพโฟโตช็อป กระทั่งมาถึงคลาสร้องเพลง ที่โรงเรียน EBO Voice studio เพราะเป็นคนที่ชอบร้องเพลง นอกจากนั้นยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายได้อย่างดีอีกด้วย

ด้วยความที่เป็นคนมุ่งมั่น กล้าแสดงออก เรียกว่าป้าจัดเต็มทุกครั้ง เวลาที่ครูสอนหรือบอกให้ทำอะไร ป้าชมพู่ก็มักเป็นตัวอย่างให้กับเพื่อนร่วมคลาสที่มีอายุรุ่นหลาน ด้วยตัวป้าเองมีอายุมากกว่าพ่อแม่ หรือผู้ปกครองที่มาส่งลูกๆ เรียนร้องเพลงที่โรงเรียนเสียอีก จึงทำให้ถูกเรียกว่า “ป้า” จากผู้ปกครองเพื่อนในคลาสร้องเพลงไปโดยปริยาย และเป็นที่มาของการใช้ชื่อ “ทีมสองป้า” ในการเข้าประกวดทีจีทีด้วย

“วัย” ไม่ใช่อุปสรรคที่จะทำในสิ่งที่รักและมีความสุข เพราะต่อมาในช่วงไม่นานนัก น้องสาว “ป้าทับทิม” ก็มาลงคอร์สเรียนร้องเพลงด้วยกัน ซึ่งจะเรียนร้องเพลงสัปดาห์ละ 3 ครั้ง และเมื่อโรงเรียนจัดกิจกรรมการแสดงร้องเพลงประจำปี ป้าชมพู่และป้าทับทิมก็จะให้ความร่วมมือกับคุณครูขึ้นเวทีโชว์ร้องเพลงด้วยแทบทุกครั้ง

“ด้วยความที่เราอยู่กับเด็กๆ ในคลาส ก็จะถามว่าเพลงไหนฮิต เราก็จะเลือกเพลงนั้นมาฝึกมาซ้อม จนหลังๆ เด็กงอนไม่อยากจะบอกป้าแล้วว่าเพลงไหน เพราะเดี๋ยวป้ามาทับไลน์เวลาซ้อมร้องเพลง เพราะว่าเราเป็นป้าไง เลยต้องปล่อยพลังออกมาเต็มที่ เวลาครูบอกให้ออกเสียงก็ปล่อยเต็มที่ ผิดคือผิด ถูกคือถูก ซึ่งเมื่อก่อนเด็กๆ จะไม่ค่อยกล้า แต่พอเห็นป้าปล่อยพลังออกมา หลังๆ มานี้เด็กๆ จะเริ่มแสดงออกมากขึ้น ก็รู้ว่าเราเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กได้เหมือนกัน” ป้าชมพู่ เล่า

ส่วนที่มาก่อนเข้าประกวดนั้น ป้าชมพู่ บอกว่า เริ่มจากเห็นการประกวดก็อตทาเลนต์ของต่างประเทศ ที่มีคุณป้ารุ่นแรก ซูซาน บอยล์ มาโชว์พลังเสียงจนกรรมการตะลึงและชนะได้รางวัลไปในที่สุด ทำให้เกิดเป็นแรงฮึดไปสมัครทีจีทีตั้งแต่ปีแรก โดยหนีไปออดิชั่นที่ขอนแก่น แต่ก็ไม่ได้ เพราะตอนนั้นมีผู้สูงวัยแบบป้าชมพู่มาประกวดความสามารถกันมาก เลยเตรียมตัววางแผนใหม่ว่า หากจะเข้าประกวดอีกครั้งจะต้องมาเแพ็กคู่เอาน้องสาวป้าทับทิมมาด้วย ซึ่งช่วงนั้นป้าทับทิมยังทำงานประจำอยู่

จากนั้นถัดมาอีก 3 ปี หลังจากที่ป้าทับทิมลาออกจากงานบริษัทที่ทำอยู่และมีเวลาว่างมากขึ้น ก็เลยชักชวนกันมาประกวดร้องเพลงในเวทีนี้ ซึ่งก็ยิ่งทำให้แน่นแฟ้นนอกเหนือจากความเป็นพี่น้องมากขึ้นไปอีก ด้วยอีกหนึ่งบทบาทใหม่ในเวลานี้ คือ คู่ดูโอนักร้องป้า ที่จะต้องฟิตตัวเพื่อเตรียมซ้อมการแสดงก่อนขึ้นเวทีในรอบต่อไป

‘ชมพู่-ทับทิม’ พี่น้องสองป้า

พี่สาวเป็นต้นแบบ

ป้าทับทิม : เมื่อจะทำอะไรต่างๆ ก็จะมองพี่สาวเป็นต้นแบบ เพราะเป็นผู้บุกเบิกในทุกด้าน ทั้งการเรียน กีฬา จนมาถึงกิจกรรมการร้องเพลง ที่นำไปสู่เวทีการประกวดทีจีทีในครั้งนี้

ป้าชมพู่จะเรียนสายวิทย์ เพราะคนสมัยนั้นต้องเลือกสายนี้มาอันดับหนึ่งเวลาจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ป้าทับทิมก็เอามาดูก่อน แต่ไปเลือกสาขาอื่นที่ชอบมากกว่าแทนคือ วิทยาศาสตร์การอาหาร พอมาถึงกีฬาเห็นพี่สาวเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลของมหาวิทยาลัย ก็สนใจ แต่ก็ไปเลือกเล่นกีฬาฟันดาบแทน เพราะเป็นกีฬาที่ต้องวางแผนใช้กลยุทธ์ ที่ป้าทับทิมถนัดมากกว่า และยังสามารถปรับมาใช้ร่วมกับการทำงานจริงได้ด้วย ซึ่งป้าทับทิม บอกว่า เป็นคนถนัดภาพรวม ขณะที่ป้าชมพู่จะเป็นคนละเอียด มีรายละเอียดเยอะ การเข้ามาประกวด ทีจีที ซีซั่น 4 ในครั้งนี้ พี่สาวเป็นผู้ชักชวนอีกเช่นกัน หลังจากที่ไปเรียนฝึกฝนเส้นเสียงและท่าเต้นกันมาแล้ว ซึ่งป้าทับทิม บอกว่า แนวเพลงที่ถนัดจะเป็นป๊อปร็อก ต่างจากพี่สาวที่เน้นโชว์พลังเสียง ส่วนเรื่องท่าเต้นประกอบเพลงที่เห็นพลิ้วๆ นั้น ป้าชมพู่ให้เทคนิคป้าทับทิมมาว่า มันมาจากภายใน ซึ่งป้าทับทิมบอกแบบงงว่า จะมาจากไหนได้ ในเมื่อปัจจุบันนี้ต่างยึดสถานะโสดกันทั้งคู่

ป้าทับทิม บอกว่า การจูงมือมาประกวดร้องเพลงในเวทีครั้งนี้กับพี่สาว ไม่ได้คาดหวังว่าจะมาถึงจุดนี้ หรือได้เป็นอะไรหลังจากที่เวทีการประกวดสิ้นสุดลง

ส่วนหนึ่งอยากให้เด็กๆ หรือใครหลายคนที่เคยมีความฝันของตัวเอง ให้ปลุกขึ้นมาทำให้สำเร็จ เหมือนกับที่ป้าทั้งสองคนไปลงเรียนร้องเพลงสะสมประสบการณ์ทางดนตรีให้พอกพูนเรื่อยๆ จนวันหนึ่งที่โอกาสมาถึงอย่างเวทีประกวดนี้ ก็เป็นจังหวะพอดีที่ทำให้ป้าทับทิมและป้าชมพู่ได้ออกมาแสดงฝีมือ

ป้าชมพู่และป้าทับทิมก็ยังคงสถานะความ “ป้า” อยู่เสมอ ด้วยทั้งชื่อร้านทูป้า’ส เฮ้าส์ ที่ตั้งไว้และคาแรกเตอร์รูปการ์ตูนสองสาวเปรี้ยวๆ ที่ใช้เป็นโลโก้นั้น ซึ่งป้าบอกว่าสะท้อนมาจากบุคลิกจริง และใช้ชื่อนี้มาก่อนหน้าที่คำว่า “มนุษย์ป้า” จะแพร่หลายในสังคมออนไลน์ ที่หมายถึง ผู้หญิงสูงวัย ที่รอไม่ได้ ต่อคิวไม่เป็น เสียอีก

แต่พูดได้เลยว่า คำนี้ไม่ได้หมายถึง พี่น้องสองสาว (ป้า) มหัศจรรย์ 2 คนนี้ แน่นอน