พญ.นุสรา วงศ์รัตนภัสสร ‘หน้าที่หมอต้องทำงานรู้ลึกรู้จริง’
เริ่มงานในแผนกผิวหนังที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ คุณหมอตุ้มพญ.นุสรา วงศ์รัตนภัสสร
โดย...ปอย ภาพ : วิศิษฐ์ แถมเงิน
เริ่มงานในแผนกผิวหนังที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ คุณหมอตุ้ม พญ.นุสรา วงศ์รัตนภัสสร บอกว่า ยุคสิบกว่าปีก่อนเรื่องวิทยาการความงามไม่เฟื่องฟูขนาดนี้ มีเพียงแค่เลเซอร์เพียงอย่างเดียว แล้วการที่ชื่นชอบทางด้านผิวพรรณและเรียนจบแพทยศาสตรบัณฑิต โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งที่นี่เป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่นำนวัตกรรมเครื่องเลเซอร์มาใช้ คุณหมอจึงมีโอกาสได้เทรนนิ่งทางด้านเลเซอร์ และกลายเป็นก้าวต่อมาที่ทำให้ตัดสินใจเลือกเรียนทางสาขาตจวิทยา (โรคผิวหนัง) อย่างจริงจัง
ปัจจุบัน พญ.นุสรา เป็นแพทย์ประจำ iSKY Innovative Skin & Laser Surgery Center มีคนไข้ทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินเข้ามาให้คุณหมอวิเคราะห์ปัญหาสภาพผิวโดยเฉพาะ เป็นการทำงานด้วยความรักและใส่ใจผิวพรรณกันทั้งสองฝ่าย ทั้งคุณหมอและคนไข้ จึงเป็นงานที่มีพลังสุดสดใสในทุกวันทำงาน
“คนไข้เดินมาหาหมออายุน้อยลงๆ ทุกวันเลยค่ะ บางรายเก็บสตางค์ได้ก้อนแรกก็ให้รางวัลตัวเองด้วยการเสริมความงามที่ทำแล้วรุ่งขึ้นก็เมกอัพแต่งหน้าไปทำงานต่อได้เลยนะคะ แนวโน้มการศัลยกรรมผ่าตัดวันนี้น้อยลงไปเรื่อยๆ ทำให้คนไทยในยุคนี้ไม่กลัวและเปิดเผยมากขึ้นด้วยค่ะ กับการเดินเข้าคลินิกความงาม เพราะวิทยาการสมัยนี้มีเครื่องมือแพทย์ที่ไม่ต้องผ่าตัด แต่ทำแล้วก็เดินกลับบ้านได้เลยไม่ต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลอีกแล้วนะคะ บวกกับกระแสเกาหลีที่ทำให้การทำทรีตเมนต์ หรือการเสริมความงามด้วยฟิลเลอร์ โบทอกซ์ ก็เริ่มทำกันตั้งแต่วัยรุ่น เพราะราคาก็ไม่ได้สูงมากหรือเสี่ยงกับผลข้างเคียงมากเท่ากับการผ่าตัดแบบสมัยก่อน สไตล์การทำงานของหมอจะต้องพูดคุยกับคนไข้ก่อนทุกครั้งค่ะว่าต้องการอะไร ปรับปรุงผิวพรรณหรือความงามตรงไหนบ้าง บางทีคนไข้อาจคิดว่าสิ่งนี้อาจจะเหมาะกับตัวเอง แต่ถ้าหมอวิเคราะห์ว่าสิ่งนี้คนไข้จะได้ประโยชน์มากที่สุด หมอแนะนำสิ่งนั้นค่ะ
เวลาของหมอส่วนใหญ่จึงอยู่กับคนไข้ บางวันอาจทำงานเกิน 10 ชั่วโมง ซึ่งร่างกายก็เพลียแน่นอนค่ะ แต่หมอก็มีวันพักผ่อนคือวันอาทิตย์ที่จะให้ตัวเองได้นอนตื่นสายสบายๆ เต็มที่เลยค่ะ” พญ.นุสรา เริ่มต้นสนทนาพร้อมรอยยิ้มในสไตล์คุณหมออารมณ์เยือกเย็น จิตใจผ่องใส
การเลือกเรียนหมออาจเป็นเพราะค่านิยมของเด็กเรียนดี พญ.นุสรา เล่าให้ฟังว่า ความที่เป็นเด็กเรียนห้องคิง โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ก็ไม่พ้นต้องเอนทรานซ์คณะแพทยศาสตร์ และทุกคนในห้องเรียนก็เลือกหมอกันทุกคนเลยนะคะ (บอกพร้อมเสียงหัวเราะ) แต่เมื่อได้ก้าวสู่อาชีพนี้ก็ได้คำตอบว่าตัวเองเหมาะสมกับงานนี้อย่างมาก
“นิสัยหมอชอบทำอะไรเร็วๆ ค่ะ หมอชอบศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ ชอบการตัดสินใจ ซึ่งก็ตรงกับคุณสมบัติของอาชีพแพทย์ที่ต้องการเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อการตัดสินใจที่เด็ดขาด รวดเร็ว ไม่ควรชักช้าหรือลังเลเมื่อมีสถานการณ์ฉุกเฉินตรงหน้า แล้วที่หมอบอกว่าเราเหมาะกับอาชีพนี้ คือว่าหมอก็มองด้วยนะคะว่าเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุดอีกด้วย คือหมอมีความเห็นอกเห็นใจคนอื่นสูง จนหลายคนบอกว่าหมอตุ้มใจดีมากๆ (บอกพร้อมรอยยิ้มบางๆ) ถ้าเป็นแพทย์ไม่มีคุณสมบัติความเข้าอกเข้าใจ เห็นใจ ข้อนี้ในบางกรณีก็อาจกลายเป็นไม่มีจริยธรรมไปก็ได้นะคะ และสำหรับการทำงานถ้ามีใครทำงานมีข้อผิดพลาด หมอก็เรียกเข้ามาคุย ไม่มีการดุ แต่ขอคำอธิบายในเรื่องที่ผิดพลาดนั้นค่ะ
“หมอผิวหนัง คนอาจมองว่ารักษาแต่โรคเล็กๆ แต่โรคนี้ส่งผลทางจิตใจกับผู้ป่วยมากนะคะ ยิ่งถ้าเป็นมากๆ ผิวน่ากลัว จนไม่กล้าออกสู่สังคม แล้วถ้าหมอสามารถรักษาคนไข้ให้หายได้ สิ่งที่ตามมาก็คือสภาพจิตใจของเขาจะดีขึ้น ทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างปกติในสังคม โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีเคสผู้ป่วยโรคผิวหนังส่งมามากมายค่ะ หรือบางรายก็มาจากคลินิกความงามที่วันนี้ผุดขึ้นเยอะและกระจายตัวอยู่แทบทุกมุมถนน ซึ่งบางแห่งก็อาจไม่ได้มาตรฐาน รักษาพลาดทำให้คนไข้ได้รับผลข้างเคียง หรือไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่หวัง ก็ได้รักษาอาการป่วยเหล่านี้อีกด้วย ซึ่งหมอมองว่าเป็นการเจ็บป่วยที่น่าเห็นใจมากเลยค่ะ
ปีหน้าก้าวไปสู่เออีซี หมอมองว่านี่คือโอกาสสำหรับคลินิกผิวหนังของประเทศไทย เมืองไทยไม่ได้มีดีแค่แพทย์ที่มีคุณภาพนะคะ แต่ความที่เป็นศูนย์กลางอาเซียนจึงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเลือกมาทั้งการท่องเที่ยวภูเก็ต เชียงใหม่ และแวะกรุงเทพฯ เพื่อเข้าคลินิกความงามโดยเฉพาะชาวยุโรปที่มีวันหยุดยาวๆ เขาจึงมีเวลาและมีความสุขกับการเลือกคอร์สทรีตเมนต์เป็นการผ่อนคลายได้อีกอย่างหนึ่งด้วยค่ะ ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีทั้งฝรั่งและกรุ๊ปทัวร์จากจีน หรือชาวตะวันออกกลางที่แต่ก่อนเลือกเข้าคลินิกที่สิงคโปร์ แต่ความที่เราจ่ายเงินถูกกว่า หรือบางแห่งก็ขยายสาขาไปเพื่อนบ้านมากขึ้นด้วยนะคะ เพราะสำหรับอาเซียนในทางการแพทย์ไทยวิทยาการก้าวหน้ากว่าลาว เวียดนาม เขมร และเมื่อเปรียบเทียบกับสิงคโปร์ มาเลเซีย เรื่องการบริการเราก็มีเซอร์วิสมายด์มากกว่า ซึ่งในวันนี้งานของหมอผิวหนังก็ยังพัฒนาไปเรื่อยๆ นะคะ ทั้งในเรื่องเส้นผมที่เกี่ยวกับผมร่วง ผมบางเมื่ออายุมากขึ้น เรื่องขน เล็บ แล้วทางด้านคลินิกความงามก็ยังพัฒนารวมไปถึงเรื่องฟันที่มีเรื่องเอสเตติกส์เข้ามารวมอยู่ด้วยนะคะ
“ส่วนคนไข้หมอแนะนำว่าจะทำอะไรก็ควรศึกษาข้อมูลให้ชัดเจนนะคะ แล้วสมัยนี้ก็ง่ายขึ้นเพียงคลิกกูเกิลอ่านข้อมูลมาก่อนบ้างจะได้เตรียมซักถามหมอก่อนทำ คนไข้สมัยนี้ต้องรอบรู้ก่อนแล้วจึงเดินเข้ามาหาแพทย์ เพราะเราก็จะได้รู้ว่าแพทย์คนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนั้นมากน้อยขนาดไหน ที่สำคัญคือคลินิกหรือโรงพยาบาลมีมาตรฐานให้ใบอนุญาตหรือไม่? ซึ่งจะมีตัวเลขใบอนุญาตกำกับติดไว้ที่ผนังเลยนะคะว่าเป็นคลินิกเฉพาะทางด้านผิวหนัง
“สำหรับตัวหมอเองหรือคะ? (หัวเราะก่อนจะพูดต่อ...) ความที่เราอยากรู้ว่าสิ่งที่ทำคืออะไร? เจ็บมากน้อยขนาดไหน? คือข้อมูลแพทย์ก็มีเยอะนะคะ แต่ถ้าไม่ได้ทดลองด้วยตัวเองก็อยู่แค่ในแผ่นกระดาษเท่านั้น ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกจริง หมอเลือกดูแลตัวเองทั้งทำทรีตเมนต์สม่ำเสมอ และทำฟิลเลอร์ร่องแก้มค่ะ ไม่ชอบโบทอกซ์ค่ะ หมอรู้สึกว่าแข็งเกินไปสำหรับตัวเอง และทำก็เพราะต้องการทดลองก่อนจะได้บอกคนไข้ได้จริงว่าเป็นอย่างไร” พญ.นุสรา กล่าวพร้อมรอยยิ้มเย็นๆ ใจดี
พญ.นุสรา ย้ำทิ้งท้ายว่า มีหลักในการทำงานจากเรื่องนี้ด้วย คือถ้าเรื่องไหนที่ตัวหมอเองก็ยังไม่แน่ใจว่าทำแล้วจะได้ผลลัพธ์ดีจริงๆ หรือไม่?!! เรื่องของนวัตกรรมนั้นหมอก็จะไม่แนะนำเพื่อให้คนไข้ทำด้วยเช่นเดียวกัน เป็นหลักการทำงานที่รู้ลึกรู้จริงที่คนทำงานต้องศึกษาข้อมูลอยู่เสมอ
“ทุ่มเททั้งการทำงาน และให้เวลากับการพักผ่อน”
การศึกษา : แพทยศาสตรบัณฑิต โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ปี 2533
: ตจวิทยา (โรคผิวหนัง) โรงพยาบาลรามาธิบดี 2536-2538
: สาขาตจวิทยา (โรคผิวหนัง) ประเทศไทย 2541
การทำงานแพทย์เป็นงานหนัก คุณหมอตุ้มพญ.นุสรา บอกว่าการดูแลตัวเองหลังเวลาทำงานจึงเป็นเรื่องละเลยไม่ได้ เช่น การกินอาหารดีมีประโยชน์ และการออกกำลังกายที่ต้องให้เวลาอย่างน้อย 3-4 วัน/สัปดาห์
“หมอให้ความสำคัญการนอนหลับพักผ่อน บอกเลยค่ะหมอไม่ได้ตื่นเช้านัก การพักผ่อนสำคัญมากๆ เลย เพราะการนอนดึกทำให้ร่างกายกดดัน เครียดโดยไม่รู้ตัว ส่วนการออกกำลังกายก็ต้องสม่ำเสมอ เข้าฟิตเนสวิ่งถีบจักรยานบนลู่ครั้งละ 45 นาที หลังจากนั้นเต้นแอโรบิกเพื่อช่วยการไหลเวียนของเลือดสูบฉีด หรืออาจจะยกเวตกระชับกล้ามเนื้อต่ออีก 30 นาทีค่ะ หมอจะให้เวลากับตัวเองในเรื่องการออกกำลังกายทุกครั้งที่มีโอกาสค่ะ ส่วนอาหารการกินหมอเลี่ยงแป้ง ลดปริมาณน้ำตาล ไม่ดื่มน้ำอัดลม มานานแล้ว
การพักผ่อนหลังวันทำงานเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ช่วงเย็น ซึ่งหมอจะให้รางวัลตัวเองด้วยการไปเรียนร้องเพลงค่ะ (บอกพร้อมเสียงหัวเราะร่วนชอบใจ) เพราะรู้สึกว่าเสียงไม่ดี เสียงใหญ่ไม่ไพเราะเวลาปาร์ตี้หรือเข้าสังคมต้องขึ้นเวทีร้องเพลง จะทนฟังเสียงตัวเองไม่ได้ (หัวเราะอีกครั้ง) แล้วพอได้ไปเรียนจริงๆ จังๆ กลับค้นพบด้วยนะคะว่าเป็นวิธีการผ่อนคลายอารมณ์ที่ดีมากๆ กิจกรรมนี้คนไข้แนะนำหมอค่ะ” พญ.นุสรา บอกด้วยความแฮปปี้เมื่อได้เล่ากิจกรรมโปรดในเวลานี้