163 ปี แอร์โรว์ สัญลักษณ์ผู้ชายทันสมัยสไตล์อเมริกัน

31 สิงหาคม 2557

ผู้ชายกับเสื้อเชิ้ตย่อมเป็นของคู่กัน ยิ่งพูดถึงเสื้อเชิ้ตที่ได้รับการยอมรับทั้งจากสุภาพบุรุษทั่วโลก

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร

ผู้ชายกับเสื้อเชิ้ตย่อมเป็นของคู่กัน ยิ่งพูดถึงเสื้อเชิ้ตที่ได้รับการยอมรับทั้งจากสุภาพบุรุษทั่วโลก รวมทั้งวงการแฟชั่น “แอร์โรว์” คือหนึ่งในตำนานที่มีมาอย่างยาวนาน 163 ปี และยังคงสร้างสรรค์เสื้อเชิ้ตที่มีคุณภาพอย่างไม่หยุดยั้ง

ปี 1851

Cluett Peabody & Company ได้เริ่มต้นบริษัทเล็กๆ ในเมืองทรอย รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ โดยทางบริษัทได้ปฏิวัติอุตสาหกรรมเชิ้ตให้สามารถถอดปกคอเสื้อแยกออกจากตัวเสื้อได้ เพื่อให้ผู้หญิงสามารถทำความสะอาดเสื้อของสามีได้อย่างสะดวก ไม่ต้องฟอก หรือไม่ต้องซักทั้งตัว เพราะสมัยนั้นชุดผู้ชายเป็นผ้าหนา ไม่สามารถซักได้บ่อยครั้ง ต่อมาเชิ้ตถอดปกคอเสื้อของแอร์โรว์ได้รับการยอมรับในวงการแฟชั่นอย่างกว้างขวาง

163 ปี แอร์โรว์ สัญลักษณ์ผู้ชายทันสมัยสไตล์อเมริกัน

 

ปี 1900

Cluett Peabody & Company ได้มอบให้ J.C. Leyendecker จิตรกรที่มีชื่อเสียงด้านพาณิชย์ศิลป์ในสมัยนั้น ให้วาดภาพผู้ชายที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์สวมใส่ชุดแอร์โรว์ จนกลายมาเป็น “ARROW Collar Man” ที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม เป็นที่คลั่งไคล้ของสุภาพสตรี จนถึงขนาดว่ามีจดหมายจากแฟนคลับส่งเข้ามาที่บริษัทเป็นจำนวนถึง 1.7 หมื่นฉบับต่อวัน

ปี 1910

แอร์โรว์ได้ขยายไลน์ในการผลิตปกเชิ้ตให้มีความแตกต่างออกไปถึง 400 สไตล์ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี หลังจากสงครามโลก ครั้งที่ 1 ปกเชิ้ตแบบอ่อนนุ่มแบบเชิ้ตทหารได้รับความนิยม แอร์โรว์จึงปรับตนเองให้เข้ากับความต้องการใหม่ๆ ของยุคสมัย

163 ปี แอร์โรว์ สัญลักษณ์ผู้ชายทันสมัยสไตล์อเมริกัน

 

ปี 1920

แอร์โรว์ได้ส่ง Trump Shirt ซึ่งเป็นการออกแบบเชิ้ตที่ทั้งหลากหลายปก มีสีสันและมีดีไซน์สวยงามออกสู่ตลาด นอกจากนี้แอร์โรว์ยังได้พัฒนาการตกแต่งผ้าเชิ้ตที่เรียกว่า “Sanforized” ทำให้ผ้าเชิ้ตอ่อนนุ่ม ไม่หดตัว สามารถซักได้ง่าย และสะดวกสบายในการสวมใส่

ปี 1930

แอร์โรว์ได้ขยายกำลังการผลิต รวมทั้งเพิ่มสินค้า เช่น ชุดชั้นใน ผ้าเช็ดหน้า เนกไท เพื่อสามารถตอบสนองแฟชั่นผู้ชายได้อย่างครอบคลุม

163 ปี แอร์โรว์ สัญลักษณ์ผู้ชายทันสมัยสไตล์อเมริกัน

 

ปี 1940

แอร์โรว์สร้างสรรค์แคมเปญโฆษณาปกเชิ้ตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ถูกออกแบบมาเพื่อ Mr.Tom Thumb ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น Russian Giant เนื่องจากเขามีความสูงถึง 3.35 ฟุต ด้วยปกเชิ้ตขนาด 27.5” x 5” ที่สามารถสวมใส่ได้จริง

ปี 1950

แอร์โรว์ได้ขยายธุรกิจจากอเมริกาไปสู่ตลาดโลก ภายใต้โลโก้ “ลูกศร” จนเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการแต่งกายและแฟชั่นของผู้ชายทั่วโลก

ปี 1970

ปี 1975 เครือสหพัฒน์ ได้นำลิขสิทธิ์แอร์โรว์จากประเทศสหรัฐเข้ามาในประเทศไทย ผลิตโดย บริษัท ธนูลักษณ์ และ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นผู้จัดจำหน่าย ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา แอร์โรว์ ประเทศไทย ได้พัฒนาและสรรสร้างผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ที่สะท้อนให้เห็นถึงความทันสมัยและจิตวิญญาณแห่งความเป็นอเมริกัน

163 ปี แอร์โรว์ สัญลักษณ์ผู้ชายทันสมัยสไตล์อเมริกัน

 

ปี 1980

พิชัย วาสนาส่ง ได้คิดคำพูดและให้เสียงโฆษณา ด้วยประโยคฮิตที่ว่า “แอร์โรว์คือเชิ้ต เชิ้ตคือแอร์โรว์” จนกลายเป็นที่คุ้นหูของคนไทยในสมัยนั้น ทำให้แอร์โรว์ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนไทยนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ปี 1990

แอร์โรว์ได้สร้างสรรค์นวัตกรรม UV Protection เสื้อเชิ้ตที่ป้องกันรังสียูวีได้Easy Care ที่ทำให้เสื้อเชิ้ตดูแลรักษาง่ายมากขึ้น และพัฒนาต่อจนออกมาเป็น Wrinkle Free เสื้อเชิ้ตรีดง่ายยับยาก และช่วยประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้าอีกด้วย

ปี 2000

แอร์โรว์ ไทยแลนด์ ได้ตอบแทนสังคมด้วยแคมเปญ “อย่าทำช้างเจ็บ” โดยรณรงค์หารายได้ช่วยช้างบาดเจ็บ และโรงพยาบาลที่ดูแลช้างบาดเจ็บเหล่านั้น ตามมาด้วยโครงการ “ช่วยช้างกลับบ้าน” ซึ่งแอร์โรว์ได้ร่วมกับมูลนิธิคืนช้างสู่ธรรมชาติ โดยปล่อยช้างบ้านกลับคืนสู่ธรรมชาติไปเป็นช้างป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับรังกา จ. ลพบุรี และห้างฉัตร จ.ลำปาง จากโครงการนี้ แอร์โรว์ได้ช่วยช้างไปทั้งสิ้น 13 ตัว

ปี 2007 แอร์โรว์ได้เชื้อเชิญให้ผู้บริโภคที่มีเสื้อเหลือใช้ที่ยังคงสภาพดี นำเสื้อผ้าเหล่านั้นมาบริจาคที่เคาน์เตอร์แอร์โรว์ทั่วประเทศ แล้วมอบต่อให้ผู้ขาดแคลนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมทั้งมอบให้มูลนิธิต่างๆ มากมาย อาทิ มูลนิธิ พอ.สว. หน่วยแพทย์อาสาในสมเด็จพระศรีนคริทร์ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่งภาฯ ยามยาก มูลนิธิการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคม รวมถึงให้ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ที่ประสบปัญหาไต้ฝุ่นนาร์กิส ในปี 2008 หรือที่เฮติ ที่ประสบเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี 2010

ปี 2014

ล่าสุดแอร์โรว์ได้ตระหนักถึงภูมิอากาศที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป ด้วยอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกที่สูงขึ้น จึงได้พัฒนาเสื้อที่สามารถระบายอากาศได้ดีจากผ้าออกซ์ฟอร์ดที่เคยเป็นที่นิยมมากว่าศตวรรษ จนออกมาเป็นเสื้อเชิ้ตแคมบริดจ์ ที่สวมใส่แล้วรู้สึกสบาย สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว

Thailand Web Stat