posttoday

ของฟรีและดีรถรางชมโขงนครพนม

01 พฤศจิกายน 2557

ใครว่าของฟรีไม่มีอยู่จริง มันเพิ่งเกิดขึ้นที่นครพนมกับบริการ “รถรางท่องเที่ยว...ริมฝั่งโขง”

ใครว่าของฟรีไม่มีอยู่จริง มันเพิ่งเกิดขึ้นที่นครพนมกับบริการ “รถรางท่องเที่ยว...ริมฝั่งโขง” โดยมีจังหวัดนครพนมเป็นเจ้าภาพ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในจังหวัด โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวริมสองฝั่งถนนสุนทรวิจิตรหรือถนนเลาะเลียบริมโขงที่น่าสนใจ

เส้นทางรถรางจะวิ่งเป็นวงกลม เริ่มจากสวนเทิดพระเกียรตินครพนม สถานที่ออกกำลังกายและพักผ่อนหย่อนใจ รถรางบรรทุกผู้โดยสารได้ 60 คน โดยทุกคันจะมีไกด์เยาวชนให้ข้อมูล ใช้เวลาเที่ยวละ 2 ชั่วโมง 30 นาที ผ่านจุดที่น่าสนใจ14 แห่งแต่จะจอดให้ลงไปชม 4 แห่ง ทั้งนี้หากรถรางผ่านบ้านไหนแล้วอยากติดรถไปด้วยก็สามารถโบกให้จอดรับได้ หากที่นั่งไม่เต็มเสียก่อน

เมื่อรถรางรับผู้โดยสารที่สวนเทิดพระเกียรติแล้ว จะขับเลียบโขงไปผ่านวัดแรกคือ “วัดพระอินทร์แปลง” ที่ชาวบ้านนิยมเรียกว่าวัดอินแปงตามนามพระประธาน จากนั้นขับต่อไปยัง “วัดมหาธาตุ” จุดนี้รถจะจอดให้ลงไปสักการะพระธาตุนครที่ภายในบรรจุพระอรหันต์สารีริกธาตุ และเป็นพระธาตุประจำผู้ที่เกิดวันเสาร์ วัดมหาธาตุนี้แต่เดิมชื่อวัดมิ่งเมือง เพราะเป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1150 พร้อมๆ กับการสร้างเมือง
นครพนมและเป็นวันสำคัญประจำจังหวัดจนถึงปัจจุบัน

ของฟรีและดีรถรางชมโขงนครพนม

 

เมื่อผู้โดยสารกลับขึ้นรถครบถ้วนก็เคลื่อนพลไปยังจุดต่อไปที่ “วัดกลาง” มีพระพุทธรูปสำคัญคือหลวงพ่อองค์ตื้อที่เชื่อว่าหากได้สักการะจะได้รับความเป็นกลาง เป็นธรรมดีต่อการค้าขายและชีวิตครอบครัว แต่รถรางจะไม่จอดรอหากใครต้องการสักการะก็สามารถลงได้แต่ต้องลาเพื่อนๆ ที่จะไปกันต่อ

ไกด์เกริ่นสู่จุดถัดไปเมื่อเริ่มเห็นกำแพง “วัดโพธิ์ศรี” เป็นที่ประดิษฐานพระทอง พระพุทธรูปสำริด ปางมารวิชัย สมัยอยุธยาตอนต้น ซึ่งในทุกวันเพ็ญเดือน 6 จะนิมนต์มาที่หน้าโบสถ์ให้ชาวบ้านได้สรงน้ำ จากนั้นมองขวาไปทางแม่น้ำโขงเพื่อชมสถาปัตยกรรมรูปพญานาคพ่นน้ำในอนาคต เพราะตอนนี้ยังสร้างไม่เสร็จแต่จะเสร็จทันช่วงปลายปีเพื่อใช้เป็นสถานที่นับถอยหลังสู่ปีใหม่

ของฟรีและดีรถรางชมโขงนครพนม

 

รถรางจะจอดอีกครั้งบริเวณ “ตลาดอินโดจีน” แหล่งค้าขายที่คึกคักทั้งชาวนครพนม นักท่องเที่ยว และชาวลาวที่ข้ามโขงมาจับจ่าย ทำให้ในตลาดมีสินค้าครบสรรพโดยเฉพาะอาหารและเสื้อผ้าที่ชาวลาวจะซื้อกลับไปขายฝั่งบ้านเกิด บริเวณเดียวกันนี้สามารถเดินไปสักการะพระติ้วกับพระเทียม “วัดโอกาสศรีบัวบาน” พระทั้งสององค์มีความศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่คู่ชาวแม่น้ำโขง พระติ้วเป็นพระพุทธรูปปางเพชรมารวิชัย ทำด้วยไม้ติ้วบุทองคำส่วนพระเทียมลงรักปิดทองคำเปลว และใกล้ๆ กันมีอีกหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของคนไทยเชื้อสายจีนที่ “ศาลเจ้าพ่อหมื่น” อยู่ติดกำแพงทิศเหนือซึ่งถือเป็น 1 ใน 7 ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ เหล่าข้าราชการที่เข้ามารับราชการในนครพนมจะมาคารวะที่ศาลเจ้าพ่อหมื่นเป็นแห่งแรก เพราะเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน

หลังจากขอพรและช็อปปิ้งเรียบร้อยก็ขึ้นรถรางกันต่อคราวนี้นั่งชมโขงไปกันยาวๆ โดยจะผ่าน“หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์” ที่ชาวเวียดนามได้สร้างขึ้นเมื่อปี 2503 เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ชาวนครพนมประหนึ่งคำขอบคุณในครั้งที่ชาวเวียดนามลี้ภัยจากสงครามเดียนเบียนฟูจุดนี้ทำให้คิดถึงอีกสถานที่หนึ่งในบ้านนาจอก ที่ตั้งของบ้านลุงโฮหรือโฮจิมินห์ ผู้นำชาวเวียดนามปลดแอกจากการคุกคามของฝรั่งเศส ลุงโฮได้ลี้ภัยมาที่นครพนม พำนักอยู่ในปี 1928-1929 ก่อนจะกลับไปกอบกู้ประเทศชาติ ปัจจุบันบ้านลุงโฮเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้ซึ่งมีชาวเวียดนามเข้ามาชมจำนวนมาก

ของฟรีและดีรถรางชมโขงนครพนม

 

ไปต่อที่ลานคนเมืองนครพนม ในวันศุกร์-เสาร์ ลานคนเมืองจะเปิดเป็นถนนคนเดิน ผ่านศูนย์โอท็อป และจอดอีกครั้งที่ “พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม (หลังเก่า)”สถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศส อายุราว 100 ปี ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์ความเป็นมาของเมืองนครพนม และสิ้นสุดเส้นทางที่ “วัดนักบุญอันนา หนองแสง” สถานที่ที่จะสว่างไสวด้วยแสงดาวในวันคริสต์มาส ซึ่งเป็นประเพณีดั้งเดิมของชาวไทยคาทอลิกที่จะจัดงานแห่ดาวเพื่อระลึกถึงวันกำเนิดของพระเยซูคริสต์

รถรางจะวกกลับทางเดิมไปยังสวนเทิดพระเกียรติแต่จะไม่แวะจอดที่ใดแล้ว ครบตามเวลาเกือบ 3 ชม. ที่ได้เที่ยวทั้งวัดศาลเจ้า โบสถ์ พิพิธภัณฑ์ ซื้อของที่ระลึก และที่สำคัญที่สุดคือวิวแม่น้ำโขงและฝั่งเพื่อนบ้านที่สวยงามด้วยแนวเขาหินปูนถือเป็นกิจกรรมที่ไม่น่าพลาดและบริการนี้จะมีถึงวันที่ 4 ม.ค. 2558 เท่านั้น หลังจากนั้นยังไม่ชัดเจนว่าหน่วยงานใดจะมาสานต่อและจะ “ฟรี” เช่นนี้อีกหรือไม่ ถ้าพลาดโอกาสนี้ไปถือว่าเสียดาย“ของฟรีและดี” ที่นานๆ ทีจะมีเสียด้วย