posttoday

ให้เวลากล่อมเกลา เด่นคุณ งามเนตร

20 พฤศจิกายน 2557

“ผมไม่สนใจ ไม่อยากเรียนการแสดงเลย ผมชอบศิลปะ เล่นดนตรี วาดรูป แต่ศิลปะการแสดงผมกลับไม่ชอบ ผมรู้สึกมันไม่ใช่ตัวเรา มันเป็นการแสดงอะไรก็ไม่รู้”

โดย...ขุนทอง

“ผมไม่สนใจ ไม่อยากเรียนการแสดงเลย ผมชอบศิลปะ เล่นดนตรี วาดรูป แต่ศิลปะการแสดงผมกลับไม่ชอบ ผมรู้สึกมันไม่ใช่ตัวเรา มันเป็นการแสดงอะไรก็ไม่รู้” เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เด่นคุณ งามเนตร คิดและรู้สึกเช่นนี้

เด่นคุณ เด็กในสังกัดของ “เอ-ศุภชัย ศรีวิจิตร” ผู้จัดการดาราชื่อดังที่ปลุกปั้นซุป’ตาร์ประดับวงการบันเทิงไทยมาแล้วหลายคน ไม่ว่าจะเป็น ป๋อ-ณัฐวุฒิ สกิดใจ เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ ณเดชน์ คูกิมิยะ และชายหนุ่มกล้ามโตคนนี้ ที่ผู้ชมกำลังคุ้นหน้าทางจอทีวีช่อง 3 จากละครเรื่อง “เพลิงฉิมพลี” ที่เพิ่งลาจอไป และอีกเรื่อง “หวานใจนายกระจอก” เพิ่งออกอากาศได้ไม่กี่วัน คือ ว่าที่ดาวรุ่งดวงใหม่

จากชายหนุ่มที่เพิ่งพ้นรั้วโรงเรียนมาสู่บ้านของผู้จัดการดาราคนดัง เขาได้พบกับเพื่อนร่วมทางฝันหลายสิบคนที่จะมาแจ้งเกิดในวงการบันเทิง บางคนอยู่มาปีสองปีก็ทดท้อแล้วลาจากไป บางคนก็มีงานบางประปราย ส่วนตัวเขาเองก็ใช้เวลานานถึง 4 ปี กว่าจะมาถึงจุดที่ถูกเรียกว่า “พระเอก”

แม้เด่นคุณจะมีทัศนคติที่ไม่ดีต่องานแสดงในตอนแรก แต่เวลาช่วยให้เขาได้เรียนรู้หลายๆ อย่าง ช่วยกล่อมเกลาจิตใจ ทำให้เข้าใจสามารถพัฒนาฝีไม้ลายมือ จนเข้าตาผู้ใหญ่และถูกเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 3

“ช่วง 2 ปีแรกผมอยู่บ้านพี่เอ เล่นเปียโนครั้งแรกที่บ้านพี่เอ มีอะไรให้ทำเยอะ เล่นดนตรี กีฬา ถ้าผมเบื่อๆ ก็ออกไปเล่นเกมหน้าหมู่บ้าน พี่เอเคยใช้คนไปตามเหมือนกัน ตอนผมเล่นๆ อยู่ก็เสียวๆ ว่าพี่เอจะมาตามหรือเปล่า พี่เอให้อิสระใครอยากทำอะไรก็ได้แต่อย่าอยู่กับมันลึกนานเกินไป ตอนอยู่ที่บ้าน ผมคงเป็นนักเรียนที่ครูแอ็กติ้งเกลียดมาก ผมโดดเรียนบ่อย บางทีก็มาสาย อยู่เรียนก็ไม่ตั้งใจเรียน

ให้เวลากล่อมเกลา  เด่นคุณ งามเนตร

ผมทิ้งเวลาไปเรื่อยๆ จนไปเจอครูคนหนึ่ง ตอนแรกเขาเกลียดผมมาก มีครั้งหนึ่งครูให้ทุกคนเล่นปวดท้องเพราะหิวข้าว ให้เล่นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ไล่เรียงกันมาจนถึงผม ผมไม่เล่นแบบร้องโอ๊ยเหมือนคนอื่นๆ ผมพูดเสียงดังไปว่า ผมขออนุญาตไปกินข้าวเพราะปวดท้องหิวข้าวมาก ตอนนั้นครูคงเกลียดผม แต่ครูพยายามสอนการแสดงคืออะไร การแสดงคือชีวิตจริง จนทำให้ผมเข้าใจ การแสดงเป็นศิลปะที่ไม่มีอุปกรณ์เหมือนเล่นดนตรี เหมือนวาดรูป แต่ใช้จิตใจ ร่างกายเรา

ตอนนี้ผมเลิกกองขี่มอเตอร์ไซค์ยังร้องไห้อยู่เลย มันไม่หลุด อย่างผมหลงรักเนื้อนาง (นางเอกในละคร) ผมกลับไปบ้านยังนอนคิดถึงเนื้อนาง อยากมีแฟนแบบเนื้อนาง ซึ่งพี่ๆ นักแสดงก็แนะนำว่า เราต้องปล่อยเล่นจบต้องให้จบอย่าเอากลับบ้าน อย่าให้ติดค้างในใจเรา เพราะเราต้องเจอบทใหม่จะติดกับบทไม่ได้

เมื่อก่อนผมพูดเลยผมไม่อยากเล่นละคร อยากทำงานแค่เล็กๆ น้อยๆ มาเป็นค่าใช้จ่ายเพราะผมยังเรียนอยู่พ่อแม่ก็ให้เงินเดือน แต่วันหนึ่งผมอยากตอบแทนบุญคุณตายาย ถ้าเราไม่รักการทำงานจะหาเงินมาจากไหน แล้วถ้าเราทำงานแสดงแต่เราไม่รักจะมีความสุขเหรอ ผมเลยลองตั้งใจทำดู ตั้งใจทุกอย่างในการแสดง เราตั้งใจแล้วจะสนุกกับมันไหม ซึ่งในที่สุดผมก็สัมผัสได้ว่า ผมรู้สึกกับการแสดง ได้เล่นกับหัวใจของ
ตัวเอง ตกหลุมรักคนที่เราเล่นด้วย แววตาเขามีอะไร การแสดงเหมือนชีวิต บางทีคิดถึงอยากมีแฟนชื่อเนื้อนาง ผมรักในตัวละครนั้นจริงๆ”

ผลงานแจ้งเกิดเด่นคุณ คือละคร เพลิงฉิมพลี  แม้จะเป็นเพียงพระรอง สวมบทบาทของ แสงคำ หนุ่มควาญช้างผู้มุทะลุ ทว่าโดดเด่นเตะตาผู้ชมด้วยมัดกล้าม ซึ่งในบทช่างขยันถอดเสื้อ และมีฉากให้ได้ใช้พละกำลังโชว์ความแข็งแรงของร่างกายเสียจริง

“เรื่องนี้ผมต้องถอดเสื้อ ตัวดำ สักลาย ผมทุ่มเทกับคาแรกเตอร์นี้มาก ให้ทำอะไรก็ทำ ให้ดำก็โอเคดำ ให้กระโดดลงคลองก็กระโดด ให้วิ่งเฉียดริมน้ำตกที่น่ากลัวมากผมก็ทำได้ ยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้งานออกมาให้ดีที่สุด วิธีการทำการบ้านของผม คือการอ่านบท แล้วก็มาคิดภาพตาม ทำความเข้าใจในบทบาท ผมจะมากลั่นกรองอีกครั้งในตอนอ่านบท พอเราหลับตาลงปั๊บ สมาธิเราก็จะมาแล้ว นิ่งแล้ว เราจะเห็นภาพผู้ชายคนหนึ่งที่ใส่กางเกงตัวเดียว แล้วก็สักลาย ห้อยลูกประคำ ผู้ชายคนนี้ด้วยการแต่งตัวแบบนี้แล้ว จะเป็นคนยังไง คนที่คิดจะสักลายได้ต้องเป็นคนยังไง อาจจะต้องมีความเชื่อในเครื่องรางของขลัง เราก็พยายามศึกษารายละเอียดต่างๆ สังเกตเรื่องราวต่างๆ และทำความเข้าใจกับบท”

ให้เวลากล่อมเกลา  เด่นคุณ งามเนตร

วันที่เด่นคุณก้าวเข้ามาในบ้าน เขาได้พบเจอรุ่นพี่ที่โด่งดังระดับแถวหน้าของวงการบันเทิง จนวันหนึ่งเมื่อเขาต้องก้าวออกจากบ้าน เพื่อเปิดพื้นที่ให้รุ่นน้อง เขาได้รับเสียงชื่นชมจากน้องๆ และมีคนบอกว่า พี่สุดยอด ผมเห็นพี่ทางช่อง 3 อยากเป็นอย่างพี่ เด่นคุณตอบออกไปสั้นๆ ว่า “ตามพี่มานะ”

“ผมมองเห็นความฝันของพวกเขา ตอนผมมาใหม่ๆ ผมก็เป็นแบบนั้น ผมมองเห็นรุ่นพี่ดังๆ ผมก็อยากเป็น น้องๆ ทำให้ผมคิดถึงความหลัง เราเข้าใจความรู้สึกของเขา ผมไม่รู้จะบอกอะไร ได้แต่บอกว่าตามพี่มานะ ผมคิดว่าถ้าเขาตั้งใจขยันเรียนก็จะมาถึงเหมือนผม ผมเชื่อว่าน้องไปได้สวย คือวันหนึ่งผมเคยเป็นเด็กที่ไม่ตั้งใจเลย จนมาตั้งใจมาก และเราก็ได้รับโอกาส”

เด่นคุณเป็นพระเอกเต็มตัวในละครเรื่อง หวานใจนายกระจอก ละครเย็น และในอนาคตจะเป็นพระเอกละครหลังข่าวเรื่อง “ดอกไม้ใต้เมฆ” ของผู้จัด “ตู่-นพพล โกมารชุน” ที่เคี่ยวเข็ญการแสดงกันมาตั้งแต่เรื่องเพลิงฉิมพลี

“อนาคตในวงการบันเทิงผมมองว่ามันก็ไม่มีที่สิ้นสุด มีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ ผมก็อยากให้ตัวเองทำทุกชิ้นงานของผมออกมาดีที่สุด เล่นละครเก่งๆ เพราะการแสดงละครไม่ใช่การใช้อุปกรณ์ แต่เป็นการใช้ใจสั่งการ ใช้ความรู้สึก ใช้อารมณ์ในการเล่นบทต่างๆ มันก็ยาก เช่น เราเล่นดนตรีเราก็ซ้อมได้ด้วยอุปกรณ์ แต่นี่ต้องฝึกจิตส่งถึงความรู้สึก ผมอยากจะทำให้ดีที่สุด เล่นให้เก่งๆ เป็นนักแสดงที่ทุกคนยอมรับครับ”

วันนี้เด่นคุณคิดต่างจาก 4 ปีที่แล้ว และพร้อมพิสูจน์ฝีมือ แต่จะไปถึงคำว่าซุป’ตาร์อย่างรุ่นพี่หรือไม่นั้น ให้เวลาทดสอบกันต่อๆ ไป

ให้เวลากล่อมเกลา  เด่นคุณ งามเนตร