คู่รักนักขายประกันชีวิต

06 ธันวาคม 2557

ปัญหาที่พบบ่อยเมื่อสามีภรรยาทำงานที่เดียวกันและอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของกันและกัน

ปัญหาที่พบบ่อยเมื่อสามีภรรยาทำงานที่เดียวกันและอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของกันและกัน คือการบริหารจัดการทำได้ไม่เต็มที่ เพราะมีความเกรงอกเกรงใจกันเป็นพิเศษ อาจทำให้งานเดินไปได้ล่าช้า แต่สำหรับคู่ของ อัญชลิน (อู๊ด) พรรณนิภา วัย 52 ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์โบรคเกอร์ กับ นภัสนันท์ (ตุ๊ก) พรรณนิภา วัย 42 ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ ไม่มีปัญหาเลย แถมยังส่งเสริมกันและกันพาธุรกิจที่ทำยอดขายได้ปีละ 5 ล้านบาท เมื่อ 17 ปีก่อน ขึ้นมามียอดขายปีละเกือบ 1 หมื่นล้านบาท ในปีนี้ มีลูกค้ากว่า 1 ล้านคน

นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจด้านความงาม “เพอร์เฟ็ค สลิม” ธุรกิจสื่อบันเทิงรายสัปดาห์ “ดารา เดลี่” และล่าสุดเพิ่งจับมือกับกลุ่มอัมรินทร์ผลิตรายการทีวีดิจิทัล โดยมีภรรยา นภัสนันท์ เป็นผู้บริหาร แยกหน้าที่ชัดเจน

คู่ทุกข์คู่ยาก

อัญชลิน : อายุห่างกัน 10 ปี แต่งงานกับคุณตุ๊กเมื่อปี 2540 มีทายาทที่น่ารัก 2 คนแล้ว ซึ่งช่วงนั้นคุณตุ๊กยังเป็นครูสอนเปียโนและทำธุรกิจนำเข้าอุปกรณ์ทำความสะอาดรถยนต์ ขณะที่ผมทำหลายธุรกิจ เช่น
จัดนิทรรศการ ค้าเหล็ก ช่วงนั้นเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ธุรกิจส่วนตัว ธุรกิจภรรยา ได้รับผลกระทบต้องปิดตัวลง ตามมาด้วยหนี้สินมากมาย เหลือเพียงธุรกิจเดียว คือธุรกิจนายหน้าประกันภัย

ขณะที่เป็นช่วงเริ่มสร้างครอบครัวเล็กๆ บ้านก็ต้องผ่อน รถก็ต้องผ่อนกับหนี้ก้อนโตจากธุรกิจที่ตามมา จึงได้หันกลับมาทบทวนตัวเอง และตัดสินใจพุ่งเป้าไปที่ธุรกิจนายหน้าประกันภัย ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวที่มีอยู่แล้วและได้ดึงภรรยามาทำงานด้วย ขณะนั้นมีเบี้ยปีละ 5 ล้านบาท พนักงานประมาณ 10 คน

ช่วงนั้นผมเป็นกรรมการผู้จัดการ และตุ๊กเป็นรองกรรมการผู้จัดการเราสองคนหันมาบุกทำตลาดด้วยตัวเองอย่างจริงจัง ทำเองทุกอย่าง ดูแลทุกเรื่อง ทั้งที่ทำงานและที่บ้าน ตั้งแต่งานขาย บริหาร ส่งเอกสาร เก็บเงินทำความสะอาดบ้าน แบ่งเวรกันถูพื้น

แล้วก็ผ่านช่วงที่ยากลำบากมาได้เพราะธุรกิจนายหน้าประกันภัย ซึ่งการที่ผ่านอะไรมาด้วยกันในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ทำให้มีวัคซีนที่ทำให้เราเข้มแข็ง ซึ่งผมได้ให้คำมั่นสัญญากับตุ๊กว่าจะไม่มีบ้านหลังที่ 2 จะแต่งงานรอบเดียว และจะทำให้ครอบครัวมีความสุข

อัญชลิน กล่าวว่า เขาเป็นคนใจร้อน ส่วนคุณตุ๊กเป็นคนที่มีบุคลิกของความเป็นผู้นำ มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ต้องมีการปรับตัวเข้าหากันตลอด

การใช้ชีวิตร่วมกัน เพื่อให้ครอบครัวมีความสุข และ งานเดินหน้ามาได้ถึงวันนี้ เพราะเรามีการเคร่งครัดต่อกฎระเบียบที่วางไว้ ซึ่งวันที่เรามาทำธุรกิจก็คุยกันว่า จะไม่คุยเรื่องงานที่บ้าน ให้เวลาลูกทั้งสองคนเต็มที่ และจะทำงานวันจันทร์-เสาร์ วันอาทิตย์จะเป็นวันครอบครัว ซึ่งผมโชคดีที่บ้านกับที่ทำงานและโรงเรียนของลูกอยู่บนถนนสายเดียวกัน ห่างกันประมาณ4-5 กิโลเมตร

ในช่วงเช้าผมจะขับรถไปส่งลูก และระหว่างทางก็เล่านิทานให้ลูกฟังและมีข้อคิดที่ทำให้เขาเข้าใจง่ายๆ ซึ่งลูกเริ่มที่จะรับเอาบุคลิกของพ่อกับแม่ไป มีความมั่นใจในตัวเอง ไม่เขินอาย

ขณะที่การทำงานก็เช่นเดียวกัน ต้องรู้จักแบ่งเวลา คิดให้เป็นระบบ มีคุณธรรม ลูกน้องคือเครือข่าย มีพันธมิตรที่ดี แต่ต้องมีกำไร เมื่อได้กำไรแล้วก็นำมาคืนให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้เต็มที่

การทำงานมีความคิดเห็นขัดแย้งกันเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งทางออกคือจะฟังจากคณะกรรมการ ฟังจากที่ปรึกษา ที่เป็นกลุ่มมืออาชีพ ก็จะได้การตัดสินใจที่เป็นกลาง ไม่ได้มาจากเรา หรือมาจากคุณตุ๊ก ทำให้ยุติความขัดแย้งได้ และพยายามหาแนวทางการบริหารที่เหมาะกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

ล่าสุด 3 ปีที่ผ่านมา ได้ปรับโครงสร้างการบริหารใหม่ อัญชลินขึ้นมาเป็นประธาน ดูแลด้านนโยบาย และ นภัสนันท์เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดูแลงานด้านปฏิบัติ

อัญชลิน กล่าวว่า หากเห็นเรื่องไหนไม่ถูกผิดปกติ ก็จะให้คุณตุ๊กจัดการ ในฐานะที่เป็นฝ่ายปฏิบัติ และจะให้คำแนะนำว่าควรจะทำอย่างไร ส่วนวิธีการเป็นเรื่องของเขา

มีกฎอยู่ร่วมกัน

นภัสนันท์ : เจออัญชลินบนรถทัวร์ สายกรุงเทพฯ-ชุมพร เที่ยวขากลับกรุงเทพฯ หลังจากไปเยี่ยมครอบครัว ส่วนพี่อู๊ดไปเยี่ยมลูกค้าที่ชุมพร และมีการสานสัมพันธ์กันมาถึงขั้นแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกันมาถึงทุกวันนี้ ร่วม20 ปี

ช่วงแรกๆ ของการทำงานร่วมกันค่อนข้างอึดอัด เพราะยังแยกแยะบทบาททั้งที่ทำงานและที่บ้านไม่เด็ดขาด อยู่ที่ทำงานมีความเกรงใจน้อย บางทีมีความขัดแย้งเรื่องงานก็จะเก็บมาโกรธต่อที่บ้าน แต่จากการที่มีอายุน้อยกว่า10 ปี พี่อู๊ดมีความเป็นผู้ใหญ่กว่าก็จะเข้าใจ และมานั่งคุยกันว่าจะทำอย่างไรให้อยู่กันได้

กฎที่ตั้งไว้ คือ ถ้าอยู่บ้านห้ามคุยเรื่องงานที่ทำให้เกิดความเคร่งเครียด อาจจะมีการปรึกษาหารือกันบ้าง แต่ถ้าเข้าสู่สถานการณ์ที่จะทำให้เกิดความตึงเครียดจะต้องหยุด และห้ามทะเลาะกันต่อหน้าลูก ถ้ามีอะไรเก็บไว้คุยกันเอง

การเลี้ยงลูกจะเคารพวิธีการสอนซึ่งกันและกัน เพื่อไม่ให้ลูกเกิดความสับสน แต่ลูกจะฟังพ่อมากกว่า เพราะมีวิธีการสอนที่ลูกชอบ บางครั้งไม่ค่อยได้อยู่กับลูกมากนัก จนลูกถามว่าเมื่อไรจะให้แม่ลาออกมาอยู่บ้านเฉยๆ ซึ่งพ่อก็จะตอบว่าอยากให้แม่ลาออกเหมือนกัน และจะตั้งให้เป็นที่ปรึกษา แต่ส่วนตัวอยากจะลุยงานเอง เพราะรู้สึกว่าคุณค่าชีวิตอยู่ที่งานนอกบ้าน เพราะงานในบ้านมีคนช่วยดูแลอยู่แล้ววิธีการแก้ปัญหาคือ พอเลิกเรียนจะรับลูกมาที่ทำงาน และก็ให้สิทธินี้กับพนักงานของบริษัทที่มีกว่า 2,000 คน

“ห้องประชุมใหญ่ เช้าๆ จะเป็นที่ทำงานของผู้ใหญ่ พอหลังเลิกเรียนจะเป็นห้องของเด็กๆ ไว้ทำการบ้าน หากเขาสงสัยสามารถวิ่งไปถามพ่อแม่ได้ เพราะเรามองว่าครอบครัวสำคัญมากในการผลักดันให้เรามีความรับผิดชอบในงานที่ทำ และมีความสุข ถ้าครอบครัวไม่มีความสุขก็คงทำงานออกมาไม่ดี” นภัสนันท์กล่าว

ขณะที่การทำงานจะยึดที่ความถนัดของแต่ละคน ซึ่งพี่อู๊ดจะถนัดงานนโยบายอยู่เบื้องหลังส่วนตัวจะถนัดงานปฏิบัติ งานขาย โดยเรากับทีมงานที่มีจะรับนโยบายมา แล้วนำไปปฏิบัติให้ได้ผล ทั้งการพัฒนาช่องทางการขาย เทคโนโลยีต่างๆ ไม่เคยหยุดพัฒนา ทำให้ธุรกิจเติบโตมาก

“การโตจากเบี้ยไม่ถึง 10 ล้านบาท เป็นเกือบหมื่นล้านบาทในช่วง 20 ปี เพราะเราอยู่ในธุรกิจที่ถูกที่ ถูกเวลา ธุรกิจประกันภัยกำลังโต มีทีมงานที่มีความเป็นมืออาชีพอยู่ใน
ธุรกิจเข้ามาร่วมงาน และหันมาทำธุรกิจอย่างจริงจัง” นภัสนันท์ กล่าว

สำหรับข้อปฏิบัติในการครองเรือนของนักธุรกิจคู่นี้ คือ การเชื่อใจซึ่งกันและกันทั้งในชีวิตคู่และชีวิตการทำงาน รู้จักให้อภัย และเข้าใจกันและกัน ต่างคนต่างรักษาความน่าเชื่อถือที่ต่างฝ่ายมอบให้ ไม่ทำให้เสียเครดิต

Thailand Web Stat