posttoday

สุนทรีย์ บาเลก ทำงานเหมือนไม่มีวันพรุ่งนี้

17 ธันวาคม 2557

ศิลปะคือพื้นฐานของทุกๆ สิ่ง เจ้าของเสื้อผ้า แองจิลิส บาเลก (Angelys Balek) แบรนด์ไทยกำลังโกอินเตอร์ฯ

โดย...ปอย

ศิลปะคือพื้นฐานของทุกๆ สิ่ง เจ้าของเสื้อผ้า แองจิลิส บาเลก (Angelys Balek) แบรนด์ไทยกำลังโกอินเตอร์ฯ ไปโด่งดังอยู่ที่นิวยอร์ก สุนทรีย์ บาเลก ดีไซเนอร์และโอนเนอร์สาวสวยลูกครึ่งไทย-อเมริกัน บอกว่าเธอไม่ได้อยากเป็นศิลปินเข้มข้นระดับจิตรกรวาดภาพ เพราะมีความรักความสุขกับการแต่งตัวตั้งแต่เด็กๆ มากกว่า และเป็นที่มาของการก้าวเข้าสู่วงการแฟชั่นอย่างเต็มตัว ในฐานะดีไซเนอร์ไทยที่เซเลบริตี้ฮอลลีวู้ดเลือกสวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์นี้

เมื่อรู้ชัดถึงความชื่นชอบของตัวเองชัดเจน แองจิลิส สุนทรีย์ บาเลก เริ่มปูพื้นฐานงานศิลปะกับการเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จากนั้นตัดสินใจบินไปเรียนต่อด้านไฟน์อาร์ตที่ London College of Fashion ซึ่งทำให้ได้วิชาดีไซน์ติดตัวทั้งด้านแฟชั่นและออกแบบรองเท้า และระหว่างเรียนที่อังกฤษผลงานของเธอก็เข้าตากูรูแฟชั่นที่นั่นหลายคน อาจารย์จึงแนะนำให้ก้าวไปต่อกับการเรียนแฟชั่นจริงจังที่ Fashion Institute of Technology นิวยอร์ก ซึ่งผลงานของเด็กเอเชียรุ่นใหม่ไฟแรง “แองจี้-แองจิลิส บาเลก” ก็ติดโผได้ประกวดดีไซเนอร์นิวคัมเมอร์ของ WWD (Women’s Wear Daily) แท็บลอยด์แฟชั่นที่ได้รับการขนานนามให้เป็น “ไบเบิ้ลแห่งวงการแฟชั่น”

แต่ละก้าวคือการสะสมชื่อเสียงสู่แบรนด์แองจิลิส บาเลก กำลังโกอินเตอร์ฯ ไปโด่งดังอยู่ที่นิวยอร์ก

“แบรนด์เป็นที่รู้จักตอนอยู่นิวยอร์ก เมื่อได้รางวัล WWD จะได้ขึ้นแฟชั่นโชว์ในฐานะยังดีไซเนอร์ของเวทีนิวยอร์กแฟชั่นวีกฤดูกาลสปริง-ซัมเมอร์ 2013 กระแสสนใจเสื้อผ้าของเราก็เริ่มมาแล้วค่ะ ก็เริ่มมี
เซเลบริตี้เลือกเสื้อผ้าของเราใส่ออกอีเวนต์ คอร์ตนีย์ คาร์ดาเชียน ขอลุคบุ๊กทุกๆ คอลเลกชั่นด้วยค่ะ นิสัยก็น่ารักมากเพราะใส่พร้อมกับน้องสาวอีก 2 คนเลยนะคะ แล้วถ้าชุดไหนที่เขาชอบมากๆ ทางแบรนด์ของแองจี้ก็จะทำแอกเซสซอรี่เข้าชุดไปให้ใส่เข้าเซตเป็นที่ระลึก เช่น เคสไอโฟน คลัตช์ ผ้าพันคอ แองจี้ไม่ได้ส่งเสื้อผ้าให้เซเลบดังๆ ใช้นะคะ แต่พองานเราขึ้นโชว์เวทีใหญ่ ก็จะมีผู้จัดการของคนดังเหล่านี้ที่มองหาเสื้อผ้าที่ไม่ซ้ำใคร ติดต่อขอยืมเสื้อผ้าเข้ามาค่ะ”

สุนทรีย์ บาเลก ทำงานเหมือนไม่มีวันพรุ่งนี้

แองจี้เริ่มวาดเริ่มดีไซน์คอลเลกชั่นตั้งแต่ปี 2011 กว่าจะได้โททัลลุคใช้เวลาเกือบสองปีเลย (บอกพร้อมรอยยิ้ม) เสื้อผ้าแบรนด์แองจิลิส บาเลก โดดเด่นเรื่องลายผ้าเพนติ้ง การเรียนไฟน์อาร์ต แองจี้ถนัดเรื่องภาพพิมพ์มากที่สุด พวกงานซิลก์สกรีนต่างๆ และถนัดงานปั้นด้วย เลยเรียนออกแบบแฟชั่นควบคู่กับเรียนออกแบบรองเท้า

“ลวดลายผ้าก็มาจากงานวาดภาพของแองจี้ ชอบเพนต์ไว้เยอะมากใช้สีน้ำกับสีชอล์กค่ะ ศิลปินที่ชอบมากคือปิกัสโซที่วาดภาพแนวคิวบิสม์เป็นแรงบันดาลใจ แต่ก็ไม่ใช่แค่สามเหลี่ยมสี่เหลี่ยมแค่นั้น แองจี้ชื่นชอบภาพวิวธรรมชาติด้วยค่ะ ก็นำมาปรับเป็นผลงานของตัวเองที่ลายเสื้อผ้าจะบอกเล่าเรื่องราวของตึกรามบ้านช่องของสองมหานคร คือ นิวยอร์กและกรุงเทพฯ ที่เราใช้ชีวิตสลับ 3 เดือนไปๆ มาๆ ระหว่างสองเมืองนี้ค่ะ เหมือนกับการมองลงมาจากเครื่องบินเห็นตึกรามบ้านช่องและอัพไซด์ดาวน์เป็นลวดลายเสื้อผ้า

วิธีการคิดผลงานแบบนี้ก็ต้องยกกับการเรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ สอนให้เราคิด ไม่ได้แค่สอนให้วาดภาพอย่างเดียว แองจี้เปรียบการสอนที่เหมือนกับการปล่อยเด็กไปในป่าใหญ่ๆ ให้ไปคุ้ยของเหลือใช้จากกองขยะ เชือกฟาง เศษผ้า เอามาเย็บตุ๊กตาหมี ตอนเริ่มไปเรียนแฟชั่นที่ลอนดอน ก็ไปไม่ค่อยเป็นนะคะไม่รู้ว่าจะไปทางออกแบบรองเท้าหรือเสื้อผ้า แต่ผลตอบรับจากเวทีแรกก็ทำให้เราก้าวเข้าสู่วงการอุตสาหกรรมแฟชั่นไปโดยปริยาย

สุนทรีย์ บาเลก ทำงานเหมือนไม่มีวันพรุ่งนี้

 

สำหรับแบรนด์แองจิลิส บาเลก ออกมาทั้งหมด 8 คอลเลกชั่นแล้ว คอลเลกชั่นแรกสำหรับวางขายในเมืองไทยคือ A/W 2014 เป็นคอลเลกชั่นที่ 6 ค่ะ ต่อด้วยคอลเลกชั่น S/S และ A/W 2015  การทำเสื้อผ้าให้ครอบคลุมโจทย์กว้างๆ แบบนี้ยาก โดยเน้นซีลูเอตอย่าเยอะค่ะ ซึ่งสไตล์โดยรวมของเสื้อผ้าจะเป็นแนว Sophisicated หญิงสาววัย 20-40 ปี ก็ใส่ได้ค่ะ และเป็นแบบ desk to dinner การตัดเย็บเน้นแพตเทิร์นเข้ารูป เน้นความโค้งเว้าสรีระสตรี ใส่ไปทำงานได้จนถึงดินเนอร์ค่ะ แองจี้คุมดีไซน์ตั้งแต่สเกตช์เสื้อผ้าไปจนรูปแบบบนเวทีแฟชั่นโชว์” สุนทรีย์ บอกพร้อมรอยยิ้มสดใสกันเอง

แองจิลิส บาเลก ตั้งชื่อแบรนด์เพื่อให้เกียรติคุณพ่อชาวอเมริกันที่ตั้งชื่อนี้ให้ ส่วนคุณแม่ตั้งชื่อให้ว่าสุนทรีย์ เจ้าตัวบอกพลางหัวเราะชอบใจที่ฝรั่งจะเรียกออกเสียง ซา-ตา-รี  กลายเป็นความแปลกแตกต่าง

“ไม่เคยคิดว่าจะทำงานเป็นดีไซเนอร์ (บอกพร้อมรอยยิ้ม) ตอนเรียนลอนดอนก็เป็นนักเรียน สนุกสนาน ปาร์ตี้ คิดว่าเรียนจบปริญญาตรีแล้วก็ทำงานอะไรสักอย่างที่รับเงินเดือนไปค่ะ งานดีไซน์ก็เป็นเพียงงานอดิเรก แต่พอมาทำงานใช้ชีวิตในนิวยอร์ก แองจี้ทำงานค่อนข้างหนักคนละขั้วเลยค่ะ การแต่งตัวก็จะเป็นไปตามงานที่เรากำลังอยู่ในช่วงสร้างสรรค์งาน ไม่ใช่อยู่ในรูปแบบการออกงานเหมือนในกรุงเทพฯ ที่เรามาพร้อมแบรนด์โททัลลงตัวแล้ว ชีวิตในนิวยอร์กเดินเยอะมาก ต้องใส่รองเท้าผ้าใบลุยคุมงานในโรงงานเย็บเสื้อ แองจี้เป็นพวกอึดค่ะ (ยิ้ม)

ตอนทำคอลเลกชั่นที่ 6 ก็คิดไปถึงคอลเลกชั่นที่ 7 และ 8 แล้วนะคะ แล้วการที่เราได้รางวัลก็เป็นผลดีเลยค่ะ ที่จะมีผู้เชี่ยวชาญของแต่ละเวทีให้คำปรึกษาเรารู้สไตล์ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ งานคอลเลกชั่นแรกๆ ทำมาเกือบร้อยลุคเลยนะคะ ที่ปรึกษาเขาก็จะคัดออกๆ เหลือแค่ 40-50 ลุคเท่านั้น ทำงานหนักขนาดนี้ก็เพราะในสหรัฐ การแข่งขันสูงมากนะคะ ไปเจอดีไซเนอร์ญี่ปุ่น เกาหลี นี่เขาโชว์ความสร้างสรรค์สุดๆ กันแล้ว และการรวมตัวของเขานี่เหนียวแน่นมาก เขามาเป็นกลุ่มเป็นก้อน ชาตินิยมมาก อย่างเช่นโรงงานเย็บของเสื้อผ้าญี่ปุ่น เกาหลี ใหญ่และมีกำลังต่อรองราคาสูง ความกดดันสูงค่ะ การทำงานจึงต้องขยัน อึดเป็นกระทิง ห้ามเจ็บ ห้ามป่วย มอตโตของแองจี้เลยขอใช้หลักทำงานเหมือนไม่มีวันพรุ่งนี้ค่ะ” ดีไซเนอร์สาวลูกครึ่ง แองจิลิส บาเลค สุนทรีย์ บอกพร้อมไม่ลืมเสียงหัวเราะกันเอง

สุนทรีย์ บาเลก ทำงานเหมือนไม่มีวันพรุ่งนี้