ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ตัวตนอยู่ในผลงาน

โดย...แจนยูอารี

เย็นวันนั้น ก่อนที่หนังเรื่องล่าสุดของเขา “ไอฟาย..แต๊งกิ้ว เลิฟยู้” จะเข้าฉายอย่างเป็นทางการ “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์” มาเยือนถึงถิ่นโพสต์ทูเดย์ เราพูดคุยกับเขาเรื่อยเปื่อย นั่น นู่น นี่ บางทีก็มีการอำขำๆ เกิดขึ้น

ได้ข่าวว่าปีหน้าซันนี่จะแต่งงานเหรอ? เขาทำหน้าเหวอ เมื่อเจอคำถามนี้ ซันนี่ยิ้มก่อนตอบว่า เห้ย!!! (หัวเราะลั่น) ไม่มี ก็จริง ปกติซันนี่แทบไม่มีข่าวพรรค์นี้กับสาวๆ ในวงการเลย เอ!!! รึเขาหวงความโสด

“ไม่เลย ไม่เคยหวง เพียงแต่ผมอาจจะไม่ถนัดเรื่องความรัก ซึ่งผมก็เคยทดสอบกับการมีมาแล้วนะ ก็คุยกัน ถ้าเกิดผมชอบใครผมก็บอกเลยว่าชอบ และไม่คิดจะเปลี่ยนไปชอบคนอื่น ผมว่าคนเรามีอายุของมัน ไม่มีใครอยู่ด้วยกันทั้งชีวิตหรอก สุดท้ายก็ต้องมีใครคนใดต้องเปลี่ยนไป ผมเลยไม่ถนัดที่จะไปนั่งเทคแคร์แล้วเปลี่ยนอะไรเพื่อใคร มันไม่มีประโยชน์หรอก เพราะสุดท้ายผลลัพธ์ทุกอย่างก็มีอายุของมัน ถ้าชอบก็คือชอบ ชอบผมก็ชอบผม ไม่ต้องเอาผมไปเทียบกับใคร ถ้าผมเจอคนคนหนึ่งที่รู้สึกจริงๆ ต่อให้มันหมดอายุ ได้อยู่ได้แต่งงานได้ใช้ชีวิต ต่อให้เขาทิ้งผมไปก็ตาม ผมคงมีความสุขมาก แต่ตอนนี้ผมยังไม่เจอคนคนนั้นครับ”       

นอกจากจะไม่มีข่าวกับสาวๆ แล้ว อย่างหนึ่งคือซันนี่ไม่ชอบออกงานอีเวนต์ ยกเว้นตอนโปรโมทผลงาน แฟนๆ ก็จะได้เห็นเขาบ้างประปราย เช่นครั้งนี้ที่เขามาเดินสายพบปะสื่อ

“ถ้าไม่ใช่ช่วงโปรโมท มีคนมาชวนไปออกรายการ ผมว่าคงไม่มีใครอยากรู้ชีวิตผมหรอก เพราะมันไม่มีอะไร ลูกอาจจะถามแม่ แม่ไอ้หนวดนี่เป็นใคร ให้ผมไปนั่งบอกว่าผมเป็นคนยังงี้นะครับ ชีวิตผมเป็นยังงี้ๆ นะครับ มันไม่มีประโยชน์น่ะ ผมไม่ใช่เป็นนักวิทยาศาสตร์หรือคนคิดค้นยานอวกาศที่ให้คนอื่นอยากทำตาม ผมก็คนธรรมดาคนหนึ่ง เพียงแต่ผมมีสิ่งที่รัก มีการใช้ชีวิตในแบบที่ผมรู้ตัวเองแค่นั้นแหละ ผมจะไปบอกใครไม่ได้ เพราะผมไม่ชอบสอนคน”

 

เคลียร์ชัดแล้วเรื่องนี้ และด้วยความที่ซันนี่เป็นแบบนี้ เขาจึงถูกเพ่งเล็งจากสื่อและคนรอบข้างที่ไม่ได้รู้จักมักจี่ว่าเป็นพระเอกติสต์แตก จริง-เท็จ อย่างไร ใช่ หรือเหลวไหล ซันนี่พร้อมเปิดปากพูด

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันมาได้ยังไง (หัวเราะ) เอางี้ดีกว่าครับ ผมเคยนั่งวิเคราะห์เรื่องนี้นะ มันมีสองประเด็น คือเวลาผมให้สัมภาษณ์สื่อ มีคนบอกผมพูดไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ แต่บางคนก็บอกว่าพูดรู้เรื่องนี่ ผมก็เลยงงว่าแล้วผมจะยังไง อีกประเด็น ผมพอจะเข้าใจว่ามันเป็นแค่คำนิยามเวลาคนเรียกคนประเภทหนึ่ง เหมือนเวลามองคนกลุ่มหนึ่งเดินมา ไอ้นี่ฮิปฮอป ไอ้นี่เด็กแนว ไอ้นั่นเด็กร็อก มันคือการนิยามคนจากรูปลักษณ์ที่ตาเห็น จริงๆ ไม่มีอะไร ไม่มีความหมาย ซึ่งผมเองน่ะก็ปกติ เพื่อนผมก็บอกผมไม่ได้ติสต์แตกอะไร แค่ดื้อบ้าง เอาแต่ใจบ้าง ก็ผมรู้ว่าผมอยากทำอะไร ก็แค่นั้น” 

ว่าไป ซันนี่เป็นคนตลกนะ อารมณ์ดี บางครั้งก็อาจจะซีเรียสขึงขัง สิ่งที่เราเห็นในจอ ไม่ว่าจะหนัง หรือซีรี่ส์ ก็อาจจะมีตัวตนของเขาเจือปนอยู่ด้วย หลายบทบาทที่เขาได้รับ ทำให้หลายคนเชื่อว่าเขาเป็นเช่นนั้น กระทั่ง บทบาท “นายช่าง” ในหนังล่าสุด ซันนี่ก็ทั้งกวนทั้งน่าหมั่นไส้ ทว่า บางอารมณ์ก็น่ารักและโรแมนติกซะงั้น 

“ตัวตนสำหรับผม ผมไม่มองว่ามันสำคัญ หรือไม่สำคัญ แต่สิ่งสำคัญผมว่าคุณรักมันแค่ไหน คุณตั้งใจ คุณจริงใจ กับงานที่ทำแค่ไหน ถ้าผมอยากทำงานงานหนึ่ง ผมไม่เคยจะเหนื่อยกับมันเลย ผมรักที่จะทำ ให้ทำทั้งชีวิตก็จะทำ ผมไม่ได้ทำแล้วเหนื่อยจัง พอแล้ว ขอเกษียณ ได้ตังค์แค่นี้ก็พอ ไม่เลย ผมอยากจะทำจนวันสุดท้ายก่อนตาย ถ้ามันเป็นงานที่ผมรักนะ

 

อย่างตัวละครที่ผมเล่นในหนังไอฟายฯ ผมก็ไม่ได้ตัดสินว่าใครดี หรือไม่ดี ทุกคนล้วนมีตัวตนในแบบของตัวเอง ไม่ว่าจะทำงานอะไร ผมว่าทุกคนมีคุณค่าในแต่ละคนที่เป็น อย่างช่างก่อสร้าง ผมก็อยากจะให้ค่าจ้างเขาแพงๆ เขาก่อไม้ไผ่ ไต่ขึ้นไปสร้างตึกหลายชั้น ผมว่าหาคนทำยากนะสำหรับงานฝีมือ ถ้ามันมีค่าตอบแทนที่ดีคนก็จะตั้งใจพัฒนาฝีมือของตัวเอง”

ขณะที่เรากำลังนั่งเขียนบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ รายได้หนังไอฟายฯ น่าจะไปไกลเกินจะกู่กลับ วันแรกได้เงินไป 29.17 ล้านบาท สร้างสถิติการเปิดตัวหนังไทยสูงสุด ผ่านไป 5 วัน รายได้แตะหลัก 128.48 ล้านบาท ประเมินกันเล่นๆ รายได้ก็น่าจะลิ่วสู่ 200 ล้านบาทอย่างไม่ยากเย็น ณ ตอนนี้หากจะเรียกซันนี่ว่าพระเอก 200 ล้าน ก็คงไม่กระดากปาก และไม่แน่ว่าเขาอาจกลายเป็นพระเอก 300 ล้าน หรือมากกว่านั้น

“ชีวิตผมเหมือนเด็กตลอดเวลาเลย ตอนนี้เหมือนผมอายุ 10 ขวบ คือเอาสนุกก่อน ถ้ามันเป็นสิ่งที่ผมรัก ผมอยากทำ ผมก็จะทำเลย ผมอยู่วงการมา 9 ปี ทุกอย่างมันก็ค่อยๆ โตขึ้นโดยที่ผมแคร์คนรอบข้างมากขึ้น เมื่อก่อนจะเฉยๆ นะ ผมเอ็นดูคนรอบข้างมากขึ้น กระทั่งหมา ซึ่งผมเป็นคนไม่ชอบหมา เพราะมันเห่าผมก็เลยไม่ชอบ พอมาเจอก็รู้สึกตลกและเอ็นดูมัน เห็นเด็กเล็กๆ ก็เอ็นดู ก่อนหน้ามองก็เฉยๆ ไม่รู้สึกอะไร เมื่อก่อนก็แคร์แต่ตัวเอง ก็ผมอยากทำอะไรตามใจน่ะ แต่หลังๆ ก็ตามใจตัวเองมากขนาดนั้นไม่ได้นะ คนอื่นก็มีเหตุผลและเจตนาของเขา เมื่อก่อนเวลาคนพูดอะไรไม่ถูกใจ ก็จะช่างมันสิ เพราะผมไม่ชอบอยู่แล้ว ตอนนี้ก็เข้าใจมากขึ้น เขาพูดอย่างนั้นอาจกำลังมีปัญหา หรือมีอะไรอยู่ในใจ เป็นไปได้หมดเลย”

ปัจจุบันซันนี่อายุ 33 ปี  (เกิด 18 พ.ค. 2524) เป็นลูกเสี้ยวไทย-สิงคโปร์- ฝรั่งเศส  เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี ปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ

แจ้งเกิดจากหนัง “เพื่อนสนิท” ในบท “ไข่ย้อย” ต่อด้วยผลงานอีก 4 เรื่อง “สายลับจับบ้านเล็ก” “รถไฟฟ้า มาหานะเธอ” “รัก 7 ปี ดี 7 หน” “ชัมบาลา”

ผลงานจอแก้ว ซิทคอม “เนื้อคู่ประตูถัดไป” รับบท “โจ” ซิทคอม “เนื้อคู่อยากรู้ว่าใคร” ซีรี่ส์ คาราบาว เดอะซีรี่ส์ ตอน ทะเลใจ รับบท “เสือต้า”  ซิทคอม “เนื้อคู่ The Final Answer”

พิธีกร รายการ “Classroom” (Play Channel) รายการ “เห่าหอนนอนไม่หลับ” (Play Channel) รายการ “หนึ่งวันเดียวกัน” (ไทยพีบีเอส)

พระเอกมิวสิควิดีโอ “คนไม่เอาถ่าน” “คนหลงทาง” “ลมเปลี่ยนทิศ” (Big Ass) “จูบ” “Sense” (Jetset’er) “ใจนักเลง” (ลูกปัด) “อยากรักต้องไม่กลัวคำว่าเสียใจ” (ดา เอ็นโดรฟิน) “เขียนคำว่ารัก” (ธงไชย แมคอินไตย์)

“ผมเจอสิ่งที่อยากทำมากที่สุดในชีวิตแล้วครับ คือการแสดง สิ่งอื่นผมก็ได้ทำแล้วเหมือนกัน ผมทำทุกอย่างด้วยความสนุก เพราะผมชอบความสนุก ถ้าไม่สนุกผมก็จะไม่ทำ ผมว่าผมเป็นคนเลือกงานนะ เปรียบกับคนที่อยากมีแฟน ถ้าผมจะมีแฟนสักคน ผมต้องรู้สึกกับคนคนนั้นก่อน ไม่ใช่ไม่รู้สึกแล้วไปคบ ก็เหมือนงานที่ผมรับ ผมก็ต้องรู้สึกกับงานชิ้นนั้นก่อนถึงจะรับ แล้วผมก็เป็นพวกไม่กล้าเอาเปรียบคนอื่น คืออยากให้เขาได้งานดีๆ ออกมา ถ้าไม่ชอบไม่รู้สึกกับงานชิ้นนั้น จะเอาผมไปทำไม สู้เอาคนอื่นที่ชอบงานนั้นดีกว่ามั้ย ผมไม่ชอบแค่ว่าอยากได้ตังค์แล้วรับงาน”

(หมายเหตุ ค่ำนี้ค่ายจีทีเอชจะมีงานฉลอง เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยลุ้นให้หนังไอฟายฯ คว้า 300 ล้านบาท ภายใต้ชื่อ “แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ โกอิ้ง ทู 300 ล้าน” ที่ Narze สุขุมวิท 21 แฟนๆ ไปกระทบไหล่ซันนี่และนักแสดงคนอื่นๆ ได้จ้า)