ปอเปี๊ยะ-กาลเวลา เสาเรือน ขอทำในสิ่งที่ใฝ่ฝัน
สาวสวยน่ารักสดใสอัธยาศัยดี “ปอเปี๊ยะ-กาลเวลา เสาเรือน” เชื่อว่าคงเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาของผู้ชมทางหน้าจอทีวีอยู่แล้ว
โดย...วรธาร ทัดแก้ว
สาวสวยน่ารักสดใสอัธยาศัยดี “ปอเปี๊ยะ-กาลเวลา เสาเรือน” เชื่อว่าคงเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาของผู้ชมทางหน้าจอทีวีอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นพิธีกรมาหลายรายการ ล่าสุดที่ทำอยู่ในเวลานี้คือพิธีกรรายการกระบี่มือหนึ่ง ออกอากาศทางช่อง 7 สี เวลาเที่ยงคืนถึงตีหนึ่งของคืนวันจันทร์ และปัจจุบันเป็นผู้ประกาศข่าวใน “ยกทัพข่าวเช้า” ซึ่งเป็นรายการเล่าข่าวสด ช่องพีพีทีวี เอชดี เวลา 06.00-08.00 น. โดยเธอทำหน้าที่ช่วงข่าวบันเทิง
ต้องบอกว่าการเป็นพิธีกรและผู้ประกาศข่าวถือเป็นความใฝ่ฝันของเธอมาตั้งแต่เด็ก และการที่เด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งได้มายืนหยัด ณ จุดนี้ ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและอยากทำมาตั้งแต่เด็ก จึงเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์เธอมาก เพราะไม่คิดว่าสิ่งที่ใฝ่ฝันจะเป็นความจริงในวันนี้
“ตอนเด็กเปี๊ยะชอบดูทีวี ตอนนั้นช่อง 7 สีที่เชียงใหม่ชัดมากจึงดูแต่ช่อง 7 เป็นส่วนใหญ่ เห็นผู้ประกาศข่าวอยู่ในหน้าจอทีวีแล้วชอบ และคิดไปเองว่าการเป็นผู้ประกาศข่าวอยู่หน้าจอนั้นคือดาราด้วย (ตอนเด็กเข้าใจอย่างนั้น) จึงอยากไปนั่งอยู่ตรงนั้น อยากเป็นอย่างนั้นบ้าง และตอนนั้นชอบพี่อินทิรา นาทองบ่อ (ปัจจุบัน วีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส) และก็เป็นหนึ่งแรงบันดาลใจให้เปี๊ยะได้มาเป็นผู้ประกาศข่าวในปัจจุบัน”
ด้วยต้องการสานฝันให้เป็นความจริง ปอเปี๊ยะจึงเลือกศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา แต่ทว่าเรียนไปได้ 2 ปี ก็มีเหตุให้ต้องหยุดเรียนไประยะหนึ่งเนื่องจากคุณพ่อต้องมาเสียชีวิตไปกะทันหัน กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ต้องเลิกล้มการเรียน เพียงแต่เธอได้เปลี่ยนสถานที่เรียนใหม่เป็นที่เมืองหลวง โดยมองถึงโอกาสที่ดีในด้านการงานที่จะเกิดขึ้นแก่ตัวเองในอนาคต
“เปี๊ยะเรียนที่มหาวิทยาลัยบูรพา อยู่2 ปี คุณพ่อก็เสียกะทันหันเลยต้องหยุดเรียนไปนานพอควร พอจะเรียนต่อก็ไม่ได้เรียนที่เดิมแต่เลือกไปเรียนที่กรุงเทพฯ ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะเดิมคือนิเทศศาสตร์ เพราะต้องการสานฝันตัวเองคือการทำงานข่าวโดยเป็นผู้ประกาศข่าว ส่วนที่เลือกกรุงเทพฯ และมหาวิทยาลัยกรุงเทพนั้น เปี๊ยะมองถึงโอกาสในการทำงานที่เร็วขึ้น เนื่องจากต้องดูแลทางบ้านที่ขาดเสาหลักคือคุณพ่อ ซ้ำหนักหลังคุณพ่อเสียไปได้ปีเดียว พี่ชายก็มาเสียไปอีกคนจนคนในบ้านเหลือแค่คุณแม่และหลานคนหนึ่ง (ลูกของพี่ชาย) จึงเป็นหน้าที่ที่เปี๊ยะต้องดูแลรับผิดชอบ”
ขณะเรียนที่มหาวิทยาลัยปอเปี๊ยะได้ฉายแววพิธีกรและผู้ประกาศข่าวขึ้นเป็นลำดับ จนกระทั่งเมื่อเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 เธอได้มีโอกาสได้ทำงานที่ตัวเองอยากทำเป็นครั้งแรกควบคู่ไปกับการเรียน ซึ่งในครั้งนั้นถือว่าได้สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ และความท้าทายให้กับเธออย่างมาก
“ตอนปี 3 เปี๊ยะมีโอกาสได้ทำงานและเรียนไปด้วย งานที่ทำนั้นก็คือเป็นพิธีกรรายการลิฟวิ่งแอทโฮม ออกอากาศทางเนชั่นแชนแนล เป็นรายการเกี่ยวกับบ้าน ประมาณว่าไปเยี่ยมชมบ้านของเซเลบ ดารา คนดัง ถือเป็นรายการแรกในชีวิตของปอเปี๊ยะเลย รู้สึกตื่นเต้นมาก (ลากเสียงยาว) เพราะเป็นครั้งแรกในชีวิต จนได้ฉายาว่า ปอเปี๊ยะร้อยเทก (หัวเราะน่ารัก) ครั้งแรกที่มาถ่ายทำก็ที่ซีดีซี เลียบทางด่วนรามอินทรา อย่างไรก็ตามแม้เป็นรายการแรกแต่ก็รู้สึกสนุกและมีความสุขที่ได้ทำ ซึ่งต้องขอบคุณทางเนชั่นแชนแนลที่ให้โอกาส”
จากประสบการณ์ที่ได้รับครั้งนี้ โอกาสอื่นๆ ก็เริ่มเข้ามาหาเรื่อยๆ เช่น ได้เป็นพิธีกรรายการมอเตอร์เวิลด์ออกอากาศทางช่องโมเดิร์นไนน์ทีวี แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายรายการทางช่อง แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ เพราะมีโอกาสได้ไปทำข่าวภาคสนามที่สนามแข่งรถและสัมภาษณ์บุคคลในแวดวงรถยนต์ รวมถึงต่อมาก็ได้เป็นพิธีกรรายการพลิกฟื้นคืนชีวิตทางช่องเอ็นบีที ซึ่งทั้งหมดถือเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุข
“ตอนทำรายการบ้านก็ตื่นเต้นและสนุกดี พอมาทำรายการรถก็ได้ความรู้เกี่ยวกับรถ โดยเฉพาะความรู้จากบุคคลที่ได้ไปสัมภาษณ์ซึ่งอยู่ในแวดวงรถยนต์ เช่น เกี่ยวกับเรื่องประกันภัย รวมถึงได้ประสบการณ์ใหม่ๆ จากการออกไปทำข่าวภาคสนามแข่งรถ พอเป็นพิธีกรรายการพลิกฟื้นคืนชีวิต ซึ่งเป็นรายการเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ก็ได้ไปสัมผัสกับชีวิตของเกษตรกรจากทั่วทุกภาคของประเทศ รวมทั้งสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ได้ซึมซับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงไปด้วย”
ทว่า การได้ร่วมงานกับบริษัท ทีวีบูรพา ในเวลาต่อมาถือเป็นความภูมิใจที่เธอไม่เคยลืม และทีวีบูรพานี้เองคือบริษัทผู้ที่ผลิตรายการกระบี่มือหนึ่งป้อนให้กับช่อง 7 สี ซึ่งเธอเป็นพิธีกรอยู่ด้วย
“เปี๊ยะชอบรายการคนค้นฅนมาก เล่นเฟซบุ๊กก็ต้องกดไลค์รายการนี้ ตอนเรียนนิเทศ วิชาสัมมนาก็เชิญโปรดิวเซอร์รายการนี้ไปพูด ส่วนตัวชอบดูพี่เช็ค (สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ) ดำเนินรายการ พี่เขาเป็นผู้ดำเนินรายการที่มีสไตล์และความเป็นตัวของตัวเอง เวลาพูดมีจังหวะจะโคนน่าติดตาม พอดูรายการก็อยากเป็นพิธีกรรายการ พอทีวีบูรพาประกาศรับสมัครคนเดินเรื่องรายการคนค้นฅนและเป็นผู้หญิงด้วยก็มาสมัคร ได้สัมภาษณ์และแคสติ้ง”
ผู้ประกาศข่าวสาว เล่าต่อว่า ตอนแคสติ้งนั้นตื่นเต้นจนมีพี่คนหนึ่งบอกว่า สารคดีคนค้นฅนมันต้องมาจากข้างใน พอฟังรู้สึกเลยว่าคงไม่ได้ วันนั้นกลับบ้านเศร้านิดๆ แต่สามวันถัดมาทีวีบูรพาเรียกไปแคสต์อีก แต่คราวนี้ฉากเป็นกระบี่มือหนึ่งโรงเตี๊ยมดีๆ นี่เอง และยังไม่บอกว่าเป็นรายการอะไร แต่ครั้งนี้รู้สึกว่าเราได้ปล่อยความเป็นตัวของตัวเองออกมาเต็มที่ กระนั้นวันนั้นก็ยังไม่ได้คำตอบ จนวันต่อมาทีวีบูรพาเรียกมาแคสต์อีก
“คราวนี้เป็นพี่คมสัน นันทจิต มาแคสต์เองเลย และครั้งนี้พี่เขาได้บอกเราว่ากำลังเฟ้นหาพิธีกรหญิงอยู่ และเป็นเราที่ถูกเลือกให้เป็นพิธีกรรายการกระบี่มือหนึ่งมาจนถึงวันนี้ แม้ไม่ได้เป็นผู้เดินเรื่องของรายการคนค้นฅน แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะอย่างน้อยก็ได้ร่วมงานกับทีวีบูรพา ได้ทำงานกับบุคคลที่เราชื่นชอบ ทว่าการร่วมงานกับทีวีบูรพาครั้งนั้นเราทำงานในฐานะพนักงานของทีวีบูรพาที่ทำทุกอย่างนอกจากพิธีกรแล้วก็ต้องเป็นครีเอทีฟให้กับรายการกระบี่มือหนึ่งและรายการอื่นของทีวีบูรพาด้วย และที่นี่ทำให้ได้เรียนรู้งานใหม่ๆ มากมาย
ปัจจุบันเปี๊ยะลาออกจากการเป็นพนักงานของทีวีบูรพาแล้ว แต่ยังคงได้รับความไว้วางใจให้เป็นพิธีกรรายการกระบี่มือหนึ่งต่อไป สำหรับสาเหตุที่ออกมาส่วนหนึ่งต้องการมีเวลาให้กับคุณแม่ที่อยู่กับหลานที่เชียงใหม่ จะได้มีเวลาไปเยี่ยมท่านบ่อยๆ อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญคือต้องการเป็นผู้ประกาศข่าวตามที่ตัวเองชอบและใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก และเป็นโชคดีของเปี๊ยะที่ได้พีพีทีวีให้โอกาสเปี๊ยะ ซึ่งเดือน เม.ย.นี้ก็จะครบ 1 ปีของการที่ได้ร่วมงานที่นี่ ซึ่งต้องขอขอบคุณพีพีทีวีที่ทำให้ความใฝ่ฝันของเปี๊ยะเป็นจริง”
ผู้ประกาศสาวอารมณ์ดี ทิ้งท้ายด้วยความถ่อมตัวว่า แม้ว่าจะมีโอกาสได้เป็นพิธีกรมาหลายรายการ และได้เป็นผู้ประกาศข่าวตามที่ใฝ่ฝัน กระนั้นก็ยังต้องพัฒนาตัวเองให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อให้ความรู้ ความสุข และความบันเทิงแก่ผู้ชมทางบ้าน