posttoday

อีกด้านของชีวิต"ขันเงิน เนื้อนวล"

17 มกราคม 2558

ช่วงนี้ชีวิตของหนุ่มแร็ปโย่ของ “ขันเงิน เนื้อนวล” หรือที่รู้จักกันดีกับบทบาทนักร้องมาดกวนแห่งวงไทเทเนียม

 

อีกด้านของชีวิต\"ขันเงิน เนื้อนวล\"

ช่วงนี้ชีวิตของหนุ่มแร็ปโย่ของ “ขันเงิน เนื้อนวล” หรือที่รู้จักกันดีกับบทบาทนักร้องมาดกวนแห่งวงไทเทเนียม ดูจะยุ่งวุ่นวายขึ้นหลายเท่า เขาทั้งเดินสายทำความฝันวัยเด็ก คือการทำงานเป็นดีเจทำเพลงแนวอีดีเอ็ม อีกทั้งยังต้องทำเพลงหลักๆ กับวงไทเทเนียม ต้องแบ่งเวลาไปดูธุรกิจอื่น อย่างร้านเสื้อผ้าแบรนด์ “9 face” ที่ขายในไทยและญี่ปุ่น หรือแม้แต่ต้องคอยแวะเวียนเข้าไปบริษัทเพลงฮิปฮอปที่กำลังขยับขยายใหญ่โต และเร็ววันนี้ขันเงินก็กำลังจะมีร้านอาหารเก๋ๆ ที่เป็นช็อปขายรองเท้าผ้าใบในตัว

ที่เกริ่นมายังไม่หมด เจ้าพ่อเพลงฮิปฮอปยังมีธุรกิจที่น่าตื่นเต้นและดูแตกต่างไปจากชีวิตห้าวๆ ของเขา อย่างการเป็นเจ้าของสายการบิน เขาดูเป็นหนุ่มที่ไม่หยุดนิ่งกับการทำงาน เพราะเอาจริงเอาจังทุ่มเทกับทุกเรื่องที่สนใจ นั่นคงเพราะหนุ่มคนนี้เคยลำบากในยุคที่วงไทเทเนียมกำลังเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวและไขว่คว้าหาจุดยืน จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมขันเงินถึงไม่เคยหยุดทำให้ตัวเองมั่นคงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี

อีกทั้งหากพูดคุยกันแบบลึกๆ แก่นของชีวิต ขันเงินเป็นมนุษย์ที่ชอบทดลองอะไรใหม่ๆ เสมอ จึงทำให้อีกมิติของชีวิตนอกจากเป็นนักร้องผูกติดอยู่กับความเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง และยิ่งดูน่าสนใจเมื่อเขาเข้ามาเป็นเจ้าของสายการบินที่ชื่อว่า “Asian Air” สายการบินสุดแนวที่กำลังเป็นที่จับตามองของเหล่าผู้ที่ชื่นชอบความแปลกใหม่

ครั้นได้นั่งพูดคุยกัน นอกจากเรื่องของผลงานเพลงแนวอีดีเอ็มที่ขันเงินได้ชวนเพื่อนชาวออสซี่มาร่วมงานกันในนาม “แบงแบงแบง” แล้ว วันนี้เรายังมีโอกาสทำความรู้จักชีวิตอีกด้านของ ขันเงิน เนื้อนวล โดยเฉพาะเรื่องของธุรกิจสายการบิน ซึ่งเจ้าตัวก็ยินดีเล่าให้ฟังปนรอยยิ้มแสนเท่ว่า

“จริงๆ แล้วธุรกิจสายการบินมันเป็นอะไรที่เริ่มมาจากความฝันของคุณพ่อของผมและเพื่อนของเขา คือสมัยก่อนทั้งคู่ร่วมกันทำธุรกิจเกี่ยวกับสายการบิน แล้ววันหนึ่งคุณพ่อผมก็เสียชีวิตในวัย 40 ปีหลังจากนั้นความฝันของพ่อก็หยุดลง แล้วผมก็โตมาได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนอก จนช่วงที่ผมกลับมาอยู่เมืองไทย วันหนึ่งผมก็มีโอกาสได้เจอกับเดวิด (ศรีชัยอุดม) ลูกชายของเพื่อนพ่อ ที่เคยร่วมกันทำธุรกิจสายการบินและเราสองคนสนิทกันมากสมัยเป็นเด็ก เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนรักกันเลย

“พอล่วงเลยเวลาผ่านมา 20 ปี หลังจากกลับมาเจอกันก็ได้นั่งคุยกันหลายๆ เรื่อง แล้วเดวิดก็บอกกับเราว่า ตอนนี้เขาทำสายการบินอยู่ ขันมาช่วยเราสร้างสายการบินด้วยกันนะ เพื่อสานฝันของคุณพ่อของเราทั้งคู่ให้สำเร็จ ผมก็เฮ้ย!... เอาสิ ตอนนั้นผมก็เริ่มเป็นที่รู้จักแล้ว ถึงแม้ไม่ได้มีความรู้เรื่องสายการบินเท่าไร แต่เราอยู่ในวงการรู้จักเรื่องการทำโปรโมท ซึ่งทางเพื่อนถนัดแต่เรื่องสายการบิน ผมก็มองว่ามันก็น่าจะไปรอด จากนั้นผมเลยได้สานต่อความฝันของคุณพ่อ”

ขันเงินเล่ารายละเอียดมากมายก่อนจะมาถึงจุดที่เครื่องบินของเขาขึ้นบินเที่ยวแรก ซึ่งเจ้าตัวสามารถเล่าด้วยความตื่นเต้น และดูเหมือนกำลังสนุกที่ได้เริ่มธุรกิจบนท้องฟ้า ซึ่งเจ้าตัวเล่าเสริมถึงสายการบินเอเซียนแอร์ ที่ขันเงินควบตำแหน่งตั้งแต่พนักงานยันผู้บริหารให้ฟังแบบกระชับด้วยน้ำเสียงฟังดูมีความสุขว่า

“เราสองคนก็เริ่มกันเล็กๆ ไม่ได้ลงทุนหนักเพื่อที่จะได้ไม่เจ็บตัว ส่วนเพื่อนก็ทำเรื่องที่ถนัด เรื่องเอกสารเรื่องเครื่องบิน ส่วนผมก็จะดูเรื่องภาพลักษณ์การพีอาร์และเรื่องของวิสัยทัศน์ของบริษัท ซึ่งผมก็ตั้งใจว่าจะพยายามคิดให้สายการบินของเราแตกต่างจากคนอื่นตอนนี้ก็ทำกันมาได้ 10 เดือนแล้ว จากที่มีเครื่องลำเดียวตอนนี้ลำที่ 2 ลำที่ 3 ก็กำลังจะตามมา เรียกว่าธุรกิจกำลังขยายออกนะครับ”

หลังจากเริ่มต้นธุรกิจสายการบินช่วงแรกขันเงินไม่ได้เอาตัวเองเข้าไปยุ่งมากมายนัก อาศัยทำการตลาดแบบธรรมดาๆเพราะห่วงเรื่องของภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ ตัวเขาจะเป็นเพียงคอยสนับสนุน ทว่ากลับตรงกันข้ามความคิดของขันเงินช่วงแรกผิดถนัด คนส่วนใหญ่รู้สึกสนใจในแนวคิดของเขาเสียมากกว่า ว่าเมื่อเขาเข้ามาทำสายการบินแล้ว จะออกมาเช่นไร ทำให้เขารู้สึกว่าต้องลงมาสวมบทบาทให้คนที่สนใจเห็นแนวความคิดสุดโต่งของวัยรุ่นบนน่านฟ้าเช่นที่เจ้าตัวเล่าให้ฟัง

“ด้วยความที่ผมจะมีความคิดแบบอินดี้ๆ หน่อยๆ ชอบทำอะไรที่แตกต่าง ก็เลยเอาตัวเราเข้าไปเป็นหลัก แต่ต้องมีกรอบของเราเองอยู่บ้าง เพื่อให้มันมีกาลเทศะ แล้วพอเอาตัวเองเข้าไปมากขึ้น มันทำให้เห็นว่าสามารถทำอะไรเกี่ยวกับธุรกิจสายการบินได้เยอะมาก ผมก็เริ่มจากการคิดถึงจุดมุ่งหมายที่เราจะไปเป็นสำคัญก่อน อย่างถ้าจะบินไปญี่ปุ่นเราก็คิดไอเดียแล้วว่าต้องจัดทัวร์ไปดูคอนเสิร์ต ‘ฟูจิร็อก เฟสติวัล’ หรือ ‘ซัมเมอร์ โซนิก’ ซึ่งสายการบินอื่นเขาไม่สนใจทำแบบเราแน่เพราะเขาไม่ใช่นักดนตรี เราก็เลยคิดโปรแกรมทัวร์ดูคอนเสิร์ตเสียเลยหาที่พักให้ พาไปเที่ยว พาไปฟังดนตรีดีๆ ครบวงจรเลย

“นั่นคือตัวอย่างไอเดียที่ออกมาจากตัวผม อย่างล่าสุดเราก็เป็นสายการบินเดียวที่บินจากประเทศไทยไปลงที่ประเทศฟิลิปปินส์ เมืองพาเรา ซึ่งเป็นหมู่เกาะคล้ายมัลดีฟส์สวยมากมีสถานที่ดำน้ำติดระดับโลกเลย ด้วยความที่เราไม่ใช่สายการบินใหญ่เราก็สามารถเลือกทิศทางที่มีคนอยากไป แต่ไม่มีสายการบินไหนไปได้ นั่นคือจุดขายของเรา เพราะเป็นจุดที่ีสามารถแข่งขันกับคนอื่นได้ เพราะเราไม่จำเป็นต้องเดินอย่างที่ทุกคนเดิน ซึ่งพอทำมันก็ประสบความสำเร็จ ด้วยความที่เรามักจะมองอะไรแบบนี้ มีไอเดียอยู่ตลอดเวลา มองหาอะไรใหม่ๆให้เกิดกับวงการสายการบินไทย”

ขันเงินดูจริงจังเสมอเมื่อทำงานอะไรสักอย่าง ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่มองเข้ามาจากสายตานักเฝ้ามอง ก็จะเห็นเขาในลุคแบบเท่ๆ สไตล์เด็กฮิปฮอป แต่หากเรามองไปที่งานของเขาย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์ได้แล้วว่าขันเงินคือคนหนุ่มที่น่าทึ่ง ทั้งการใช้ชีวิตที่มุ่งมั่น และวิธีคิดในการสร้างสรรค์ผลงานที่สุดโต่งและดูเหมือนว่าเขาเองจะไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ อย่างที่เจ้าตัวได้พูดทิ้งท้ายถึงความรู้สึกต่อชีวิตไว้ว่า

“คือชีวิตผมทุกวันนี้ก็จะอยู่แต่กับงาน เพราะตอนนี้เรายังมีแรงเราก็อยากทำงานให้เต็มที่ก่อน แล้วค่อยพักทีหลัง ยิ่งถ้าเราขยันเราก็จะได้พักเร็วหน่อย ผมคิดแบบนี้เลยไม่เคยพอใจ และคิดว่าตัวเองประสบผลสำเร็จในชีวิต คือตั้งแต่แรกที่เราเริ่มร้องเพลง เรารู้ว่าล้มแล้วลุกเป็นยังไงบางคนเขาเริ่มมาดีแล้วก็ดีตลอด เขาไม่เคยล้มเขาก็จะไม่เข้าใจ แต่เวลามันดิ่งลงมาเขาก็จะบ้าไปเลยไม่ชีวิตก็เปลี่ยนแต่ผมล้มลุกคลุกคลานมามากเห็นทำหลายอย่างแบบนี้ล้มไม่เป็นท่าก็มี ไปไม่รอดตั้งเยอะ

“เราจึงไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตเราประสบความสำเร็จเพราะเราสามารถล้มได้เสมอ แต่ผมจะคิดว่าชีวิตเราต้องทำยังไงก็ได้ให้ไม่กลับไปอยู่ในจุดที่เราเคยเจอมา นั่นคือจุดที่เราลำบากมากๆ มันเหมือนกับเป็นปรัชญาการใช้ชีวิตของผมเลย แล้วพอมาถึงวันนี้ผมอาจจะไม่ได้ลำบากเหมือนเมื่อก่อน และสามารถทำในสิ่งที่เราเลือกทำได้ ไอ้สิ่งที่เราเคยทำแล้วคนอื่นไม่ยอมรับถึงวันนี้คนก็เปิดโอกาสให้เราได้ทำอะไรใหม่ๆ เสมอ นั่นเพราะผมเอาจริงกับทุกอย่างในชีวิตและพิสูจน์ออกมาให้คนเห็นความสามารถในตัวเราว่าเป็นอย่างไร”

เมื่อพูดจบดูเหมือนมาดของนักธุรกิจในคราบของเอนเตอร์เทนเนอร์ฉายประกายมาจากดวงตาที่ดูจริงจังคู่นั้น